ท่านเจ้าเมืองรู้ว่าเขาเป็นน้องชายของจอหงวน เมื่ออีกฝ่ายไม่เต็มใจก็ไม่อาจบังคับได้ จึงต้องละความตั้งใจไป
เช้าวันนี้ ซูอี้ได้นำภาพวาดซึ่งมีตราประทับของเขาเองมาให้ซูหว่าน ซึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะให้นางไว้เก็บสะสมเมื่อไม่นานมานี้
ในตอนนั้นเอง ซูหว่านกำลังจะออกไปเพื่อร่วมงานเปิดร้านปิงจีถังพอดี ก็ได้เจอกับซูอี้ที่ตามหานาง เขาตะโกนเรียกนางจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข
“หวานหว่าน รอข้าด้วย!”
ซูหว่านหันกลับไป เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากใต้ชายคา มาหยุดอยู่ใต้ต้นฝูหรงที่กำลังบานสะพรั่ง เขาสวมเสื้อคลุมคอกลมสีเขียวมรกต มีอารมณ์ที่สงบนิ่งเเละบริสุทธิ์ หรือว่าคนที่ทุ่มเทให้กับศิลปะอย่างพวกเขามักจะสงบเเละเหนือโลกขนาดนี้กันนะ
ตั้งเเต่พี่ห้าสามารถหาเงินเองได้ เขาก็เริ่มดูเเลตัวเองมากขึ้น เขาชอบเสื้อคลุมสีเขียวมรกตหรือสีคราม เเต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาสวมใส่สองสีนี้ได้อย่างเหมาะสมมาก
ซูหว่านเองก็ชอบสีเขียวมรกตเช่นกัน นางมองดูเเล้วรู้สึกว่าพี่ห้าจะสูงขึ้นอีก ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้านาง สูงกว่านางไปเเล้วหนึ่งช่วงศรีษะ
“มีอะไรหรือพี่ห้า” ซูหว่านถามพลางยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆสองข้าง
“ครั้งที่เเล้วไม่ใช่เจ้าเหรอที่ให้ข้าวาดรูป ตอนนี้ข้าวาดเสร็จแล้ว เจ้าดูซิว่าชอบไหม
ซูหว่านรับภาพวาดมา คุกเข่านั่งลงใต้โต๊ะน้ำชาเล็กๆ ใต้ต้นฝูหรง เเล้วเปิดดูทีละภาพ
ภาพเเรกคือภาพวาดสตรีงาม ที่ซูอี้วาดให้นางอย่างวิจิตรบรรจง ในภาพคือนาง สวมเสื้อคลุมสีเขียวมรกต ยืนอยู่ใต้ต้นฝูหรงที่ดอกบานสะพรั่งเต็มกิ่ง มีกลีบดอกไม้ร่วงหล่นปลิวไสว บรรยากาศเหล่านั้นถูกเขาวาดได้อย่างลงตัวพอดี ในภาพมีตราประทับของเขาคำว่าอู๋ย่างอยู่ด้วย
ภาพที่สองคือภาพดอกฝูหรง ดอกไม้เบ่งบานงดงาม ความงามของดอกฝูหรงถูกเขาวาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้ความรู้สึกตอนเช้าตรู่ที่หยดน้ำค้างยังเกาะอยู่บนกลีบดอกไม้
เเม้เเต่การควบคุมสีก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม หากเด็ดดอกฝูหรงจริงมาวางเทียบกับภาพ จะสังเกตุได้ยากมากว่าตรงไหนคือของจริง เเละตรงไหนคือภาพวาด
ภาพที่สามคือภาพวาดปลาคาร์ปที่ซูอี้วาดขึ้นจากการสังเกตุปลาคาร์ปในบ่อที่บ้าน เพื่อภาพนี้ เขาใช้เวลาหลายวันในการสังเกตุปลาคาร์ป เเละวาดปลาคราร์ปที่กำลังเเหวกว่ายอยู่ท่ามกลางใบบัวอย่างมีชีวิตชีวา เเม้กระทั่งลวดลายบนตัวปลาก็เเทบจะไม่เเตกต่างกันเลย มันช่างน่าทึ่งจริงๆ
ซูหว่านไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ในอนาคตเมื่อพี่ห้าโด่งดัง นางจะนำผลงานเหล่านี้ออกมาอวดได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเเละน่าอิจฉาเพียงใด
ในมือของนางกำลังถือมูลค่าหลายหมื่นตำลึงอยู่ ถามสิว่าคุณอิจฉาไหม
เเต่คนฉลาดอย่างซูอี้ เขาก็เดาได้ตั้งนานเเล้ว เพียงเเต่ไม่ได้พูดออกมา
คืนวันเกิดของนาง เจียงอวี้เเอบมอบของขวัญให้นางโดยที่คนอื่นไม่รู้ ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้ว่านางมีสูตรขี้ผึ้งอวี้เหยียนอยู่ในมือ เเต่คนละเอียดอ่อนอย่างซูอี้ เขาสังเกตุเห็นมานานเเล้วในคืนนั้น
เเละเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังเห็นซูหว่านพาหลิวอวิ๋นเเละหลิวอิ๋งออกมาจากปิงจีถังด้วยตาตัวเอง ตอนนั้นปิงจีถังยังไม่เปิดทำการ และโดยปกตินางก็ไม่ได้เเสดงท่าทีว่ามีความเกี่ยวข้องใดๆกับปิงจีถังเลย ซึ่งมันชวนให้สงสัยเป็นอย่างมาก
แต่ซูหว่านตั้งใจปกปิด ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง นางคงคิดถึงผลประโยชน์ของครอบครัวจึงเลือกที่จะไม่บอก
“งั้นข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า!” ซูอี้เอ่ยปากชวน
ซูหว่านพยักหน้า พี่ห้าจะไปเป็นเพื่อนนาง นางย่อมไม่ปฏิเสธ เพราะนางเข้าใจนิสัยของพี่ห้าดี เขาจะอยู่ข้างนางอย่างเงียบๆ เเละคอยให้คำเเนะนำเป็นครั้งคราว
ตั้งเเต่หอภาพวาดของเขาเปิด เขาก็มักจะซื้อแป้งเเละลิปสติกมาให้ซูหว่านอยู่เสมอ บางครั้งเมื่อผ่านร้านเครื่องประดับ เห็นปิ่นปักผมสวยๆที่เหมาะกับซูหว่าน เขาก็จะซื้อกลับมา จนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแทบจะไม่มีที่วางแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...