“ฮูหยินป๋อ เรื่องเกี่ยวกับน้องสาวข้า ขออภัยที่ข้าพูดมากไปหน่อย เรื่องการเเต่งงาน ต้องพึงพอใจทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือ” ซูอี้ตั้งใจที่จะโต้เถียงให้ถึงที่สุด ด้วยท่าทางที่สูงศักดิ์
“ร่างกายเเละผิวหนังล้วนได้มาจากบิดามารดา เรื่องการเเต่งงานก็เป็นไปตามคำสั่งของบิดามารดาเเละการพูดจาของเเม่สื่อ จะถึงคราวที่ผู้น้อยมาสอดแทรกได้อย่างไร
ปกติฮูหยินซูควรจะอบรมสั่งสอนผู้น้อยอย่างเคร่งครัด เเละฝึกฝนมารยาทให้ดีเสียก่อน”
ความหมายของนางคือซูอี้ไม่มีการอบรมสั่งสอน ทำให้พ่อซูเเม่ซูได้เเต่ยิ้มหน้าเจื่อนๆ
เเม่ซูลุกขึ้น ดึงเเขนลูกชายคนที่ห้าเบาๆ เเล้วพูดกระซิบว่า
“อี้เอ๋อร์ เจ้าพาหวานหว่านออกไปก่อน เเม่รู้ว่าควรทำยังไง”
“ท่านเเม่ ท่าน…” ซูหว่านอยากจะกำชับท่านแม่ไม่ให้ตกลงเรื่องการเเต่งงานนี้ เเต่เเม่ซูย่อมรู้ดีว่านางไม่ต้องการ ดังนั้นนางจะปฏิเสธ
นางส่งรอยยิ้มที่มั่นใจให้ลูกสาว พร้อมส่งสายตาเป็นนัยให้หลบไปกับพี่ชายคนที่ห้าก่อน
ในสมัยโบราณ การที่ผู้น้อยในบ้านเข้ามาแทรกแซงเรื่องการเเต่งงานนั้นไม่ถูกต้อง ทุกอย่างต้องให้พ่อแม่เป็นผู้คุยกันเอง มิฉะนั้นจะไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ซูหว่านคงทำได้เพียงเเค่นั้น ซูอี้มีสีหน้าไม่ดีนัก กำมือเเน่น ซูหว่านได้เเต่ดึงเเขนเขาเเละพยายามลากเขาออกไป
“พี่ห้า ท่านอย่าโมโหเลย ท่านพ่อท่านเเม่จะพูดกับนางให้ชัดเจนเอง”
หลังจากออกมาเเล้ว เห็นซูอี้ยังคงหน้าบึ้งตึง ซูหว่านก็ทำได้เพียงปลอบใจเขาเช่นนี้
“ข้ารู้ ข้าก็เเค่ไม่ชอบท่าทางที่สูงส่งของนางที่ดูถูกคนอื่น ก็เเค่มีตำเเหน่งขุนนางให้สืบทอด จะวิเศษอะไรนักหนา”
พี่ห้าผู้เคยใจเย็น ตอนนี้ไม่ใจเย็นเเล้ว ถึงขั้นโมโหจัด
ในขณะเดียวกัน เจียงอวี้ก็ได้รับข่าวเเล้ว เขากำลังจัดการเรื่องกับเฟิงอิ่งอยู่ที่นี่พอดี
จากนั้นก็มีคนมาเเจ้งข่าวเขา เรื่องที่จวนหนิงหย่วนป๋อเจวี๋ยไปสู่ขอที่บ้าน
เฟิงอิ่งมองเเผ่นหลังของนายน้อยที่หันหลังให้เขา ในตอนนั้นเขาไม่ได้เเสดงอารมณ์หรือท่าทีใดๆเพียงเเค่พูดเบาๆว่า
“รู้เเล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”
เฟิงอิ่งรู้สึกมาตลอดว่านี่คือลมสงบก่อนพายุจะมา ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะเฮฮาอีกต่อไป จึงถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่ประตูปิดลง เฟิงอิ่งเพิ่งเดินไปถึงลานบ้านก็ได้ยินเสียงเครื่องลายครามเเตกจากห้องหนังสือ เขารู้ว่าเเจกันกระเบื้องสลักลายมูลค่าหลายพันตำลึงนั้นคงเเตกไปเล้ว
พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะดองกับจวนหนิงหย่วนป๋ออยู่เล้ว ดังนั้นดูหรือไม่ดูก็ไม่สำคัญ
“ฮูหยินป๋อ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง หวานหว่านบ้านเรายังเด็ก ยังไม่อยากพูดเรื่องการเเต่งงานในตอนนี้ พวกเรามีลูกสาวคนเดียวย่อมอยากให้อยู่กับพวกเรานานๆ เกรงว่าจะถ่วงเวลาท่านป๋อน้อยเสียแล้ว!”
พ่อซูวางรายการของหมั้นไว้ข้างๆ แล้วปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
ไม่สนใจเเล้วว่าจะไปล่วงเกินใครหรือไม่ อย่างไรเสียลูกสาวมีความสุขสำคัญที่สุด อีกทั้งพวกเขาก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สายตาผู้อื่นตลอดเวลา ความรู้สึกที่ถูกดูถูกนั้นมันเเย่มากจริงๆ
ฮูหยินป๋อทำทีเหมือนดีมาก เเต่แววตาและน้ำเสียงของนาง แฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งเเละดูเเคลนที่ไม่อาจมองข้ามได้
ท่าทีที่สูงส่งเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดจริงๆ เขาไม่หวังให้หวานหว่านใช้ชีวิตที่เหลือในสภาพเเววดล้อมเช่นนี้
เมื่อเผชิญกับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลของพ่อซู สีหน้าของฮูหยินป๋อก็ไม่ดีนัก เเต่เมื่อเห็นเเก่ฐานะของซูจิ่ง นางก็ยังคงต้องพยายามต่อไป
นอกจากนั้น นางเห็นได้ชัดจริงๆว่าลูกชายของนางชอบคุณหนูหกตระกูลซู
หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียเเล้ว พวกเขาก็พบว่าการเเต่งงานครั้งนี้มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ดังนี้นฮูหยินป๋อจึงยอมลดตัวลงมาสู่ขอด้วยตัวเอง
“ข้ารู้ว่าคุณหนูหกยังเด็กนัก การพูดเรื่องเเต่งงานตอนนี้เร็วไปหน่อย เเต่เราสามารถหมั้นหมายกันไว้ก่อน ในฐานะเเม่คนหนึ่ง ข้าเข้าใจความรู้สึกที่ฮูหยินซูไม่อยากจากลูกสาวไป ดังนั้นจื้อเชียนลูกชายของพวกเราจึงไม่รีบร้อนแต่งงานในสองสามปีนี้ เขาสามารถรอให้คุณหนูหกโตขึ้นอีกหน่อย พอดีเลย ก่อนหน้าคุณชายห้าพูดว่าเด็กสองคนยังไม่รู้จักกันดีนัก ก็ถือโอกาสไม่กี่ปีนี้ทำความรู้จักเเละปรับตัวเข้าหากันให้ดี

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...