“ข้าไม่ชอบให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านซื่อจื่อ!”
“เช่นนั้นก็เรียกว่า เจียงซื่อจื่อ?” ซูหว่านแกล้งเย้าแหย่เขา
เจียงอวี้ขมวดคิ้วมองนาง แววตาฉายความจนปัญญา
“ข้าไม่ชอบให้เจ้าเรียกข้าว่าซื่อจื่อ สำหรับข้าแล้ว เจ้ามิต้องใช้คำยกย่องใดเลย”
สำหรับเขาแล้ว ซื่อจื่อเป็นฐานะอันสูงส่ง อยู่เหนือผู้คน มิอาจล่วงเกินได้ แต่เขากลับไม่ต้องการให้ฐานะนี้กลายเป็นระยะห่างระหว่างเขากับซูหว่าน
พอถูกหยอดคำหวานใส่ ซูหว่านก็อดที่จะเขินอายขึ้นมาไม่ได้
ทว่า นางก็มิได้มีหนังหน้าบาง ไม่เหมือนกู้เย่ว์ที่พอถูกหยอกเย้าเข้าหน่อยก็หน้าแดงไปเสียทุกที
“ข้าแค่ล้อท่านเล่น อันที่จริงข้ารู้อยู่แล้วว่าฐานะของท่านไม่ธรรมดา ไม่มีทางเป็นเพียงพ่อค้าทั่วไป แต่ที่ข้ามิได้คาดคิดว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหรือเชื้อพระวงศ์ก็ดีถมไปแล้ว ข้าเดาได้ว่าฐานะของท่านสูงส่ง จึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอันใด”
ซูหว่านหันกลับมาอธิบายเหตุผลที่นางไม่ได้รู้สึกสงสัยใคร่รู้ให้เขาฟัง
นางช่างฉลาดและสุขุมเยือกเย็นนัก สมแล้วที่เป็นสตรีที่เขาหมายตาไว้ เจียงอวี้คิดในใจ
ทั้งสองเดินเท้ากลับไปยังโรงเตี๊ยมเดิม ต้องใช้เวลาเดินทางอีกยาวไกล หลังจากล่องเรือมาเป็นระยะทางไกลโข แล้วยังขึ้นฝั่งมาเดินต่ออีกเนิ่นนาน ซูหว่านรู้สึกปวดเท้าขึ้นมา ดูเหมือนเจียงอวี้จะสังเกตเห็นเช่นกัน เขาจึงเดินนำไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลง เตรียมที่จะแบกนางขึ้นหลัง
“เดินมานานเพียงนี้ คงจะเหนื่อยแล้ว ขึ้นมาเถิด ข้าจะแบกเจ้าเอง”
ข้าวของต่าง ๆ ถูกส่งมอบให้เหล่าองครักษ์ที่มารอรับแล้ว ในยามนี้สองมือของเจียงอวี้จึงว่างเปล่า
ซูหว่านเดินมาตลอดทั้งคืนจนรู้สึกปวดเมื่อยขาไปหมดแล้วจริง ๆ นางจึงไม่เสแสร้งแต่อย่างใด เอนตัวพิงลงบนแผ่นหลังของเขา เขาก็แบกนางขึ้นยืนได้อย่างง่ายดาย
บัดนี้ทั้งสองนับว่าเป็นคนรักกันแล้ว การแบกนางขึ้นหลังคงไม่นับว่าเกินงามไปกระมัง?
“เจ้าตัวเบาเกินไปแล้ว ควรจะกินให้มากหน่อย เพิ่มน้ำหนักอีกสักนิดจะดีกว่า”
การที่บุรุษบอกว่าสตรีน้ำหนักเบา นับเป็นคำชมอย่างยิ่งสำหรับพวกนาง
“จริงหรือ ข้าตัวเบาจริง ๆ หรือ?” ซูหว่านซบหน้าลงบนไหล่เขาแล้วเอ่ยถามอย่างมีความสุข
“อืม เบามาก ข้าใช้มือเดียวก็ยกเจ้าขึ้นได้” เจียงอวี้ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือลงบนไหล่เขา เมื่อครู่ยังชมว่าเขาช่างพูดอยู่เลย วินาทีต่อมาก็เผยธาตุแท้ออกมาเสียแล้ว
“ข้าผิดไปแล้ว”
เจียงอวี้ยอมรับผิดอย่างรวดเร็วและว่าง่าย ซูหว่านยังไม่ทันได้ว่ากระไร เขาก็ยอมรับผิดแล้ว หากนางยังจะถือสาอีก ก็คงจะดูเป็นคนไม่มีเหตุผลแล้วกระมัง?
“เหตุใดเล่า?”
ทว่าเจียงอวี้ผู้ซื่อตรงกลับไม่เข้าใจ
“เหตุใดรึ? ก็แน่นอนว่าคนผอมสวมชุดแล้วดูดีกว่า ทั้งยังดูงดงามกว่าด้วย สตรีล้วนรักสวยรักงาม ท่านไม่เข้าใจหรืออย่างไร” ซูหว่านจนปัญญากับเขาแล้วจริง ๆ เรื่องแค่นี้ยังต้องถามว่าเหตุใดอีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...