นางนั่งลงอย่างว่าง่าย แผ่นหลังเหยียดตรง
ซูมู่เดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้า ก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง หากมีไม้บรรทัดยาวอยู่ในมือด้วยแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเลยทีเดียว
“ว่ามาเถิด เจ้ารู้เรื่องหลิงฉือได้อย่างไร แล้วยังรู้วิธีใช้โลหิตหัวใจของสตรีเพื่อช่วยชีวิตคนอีก?”
ซูหว่านรู้ดีว่าเขาจะต้องถามเรื่องนี้ ที่เจียงอวี้ไม่ถามนั่นเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้นางลำบากใจ ที่หมอเทวดาซุนไม่ถามนั่นก็เพราะเห็นแก่หน้าเจียงอวี้ แต่เขาคือพี่ชายแท้ ๆ ของนาง การที่เขาอยากรู้ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยกระมัง?
อีกอย่าง เขาย่อมไม่ทำเรื่องเลวร้ายใด ๆ กับน้องสาวของตนเองอยู่แล้ว
ซูหว่านก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าสบตาเขา ดวงตากลอกไปมาหลายรอบ แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งดุจสุนัขเฒ่า แต่ในใจกลับร้อนรนจนอยู่ไม่สุข
ทำอย่างไรดี หากนางพูดความจริงออกไป พี่รองจะหาว่านางสติฟั่นเฟือน แล้วรีบไปตามคนทรงเจ้ามาทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้นางหรือไม่?
เรื่องภูตผีปีศาจเหนือธรรมชาตินี้ ช่างน่าเชื่อถือน้อยเหลือเกิน
ยิ่งไปกว่านั้น ในความคิดของพี่รอง นางเป็นเพียงคุณหนูใหญ่ที่ใช้ชีวิตสุขสบายมานับสิบปี ไม่เคยได้ข้องแวะกับวิชาการแพทย์เลย แล้วนางจะอธิบายได้อย่างไร
สุดท้าย นางจึงเลือกใช้คำอธิบายหนึ่งที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อนัก
“พี่รอง ท่านเชื่อเรื่องความฝันหรือไม่?”
“ความฝัน? หมายความว่าอย่างไร?” ซูมู่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“คือ หลายปีมานี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ข้ามักจะฝันเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ่อยครั้ง ในฝันนั้นข้ามองไม่เห็นใบหน้าของผู้คนชัดเจน แต่สิ่งที่ข้าฝันถึง บางครั้งกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา เช่นตอนที่ฐานะของข้ากับกู้เย่ว์ถูกเปิดเผย คืนก่อนหน้านั้นข้าก็ฝันว่า ข้าอาจจะไม่ใช่บุตรีที่แท้จริงของตระกูลกู้ ผลปรากฏว่าไม่กี่วันต่อมา ความฝันนั้นก็กลายเป็นจริง”
“อันที่จริง เรื่องการสอบเคอจวี่ของพี่ใหญ่ก็เช่นกัน เป็นเพราะความฝัน ข้าฝันว่าฝ่าบาททรงออกข้อสอบเกี่ยวกับกลวิธีการจัดการอุทกภัย พี่ใหญ่เพราะเตรียมตัวไม่พร้อม จึงสอบได้เพียงตำแหน่งทั่นฮวา ในตอนนั้นข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น จึงตั้งใจไปบอกพี่ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้เขาเตรียมตัวล่วงหน้า ค้นคว้าตำราที่เกี่ยวกับการจัดการอุทกภัยให้มากเข้าไว้ แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นจริงดังคาด ฝ่าบาททรงออกข้อสอบเกี่ยวกับกลวิธีการจัดการอุทกภัยจริง ๆ ท่านว่ามันประหลาดพิกลหรือไม่?”
ซูหว่านเล่าอย่างออกรสออกชาติ พลางทำท่าทางประกอบ สีหน้าตกใจนั้นไม่เหมือนเสแสร้ง ทั้งยังแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อยเมื่อขบคิดให้ลึกซึ้ง
คิ้วของซูมู่ขมวดมุ่นเข้าหากันจนแทบจะพันเป็นเกลียวหลังจากที่ได้ฟังนางเล่า
“ยังมีเรื่องของท่านพ่ออีกเจ้าค่ะ ข้าฝันล่วงหน้าว่าเหมืองจะถล่มลงมา ในฝันท่านพ่อของเราถูกหินทับจนขาหัก ด้วยเหตุนี้ข้าจึงรีบให้พี่สามไปรับท่านพ่อท่านแม่กลับมาก่อน ทำให้หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุครั้งนี้ไปได้ เรื่องนี้ท่านก็รู้ ตอนช่วงปีใหม่ท่านพ่อยังเคยพูดถึงอยู่เลย!”
เรื่องนี้ยากจะปฏิเสธได้จริง ๆ ตอนนั้นซูหว่านเร่งรัดให้พี่สามไปรับท่านพ่อท่านแม่กลับมา ทั้งที่ยังไม่ถึงสิ้นปี เขาก็เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เพียงแต่ไม่ได้ซักถามอะไรมาก มาตอนนี้เมื่อซูหว่านเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ เรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนจะร้อยเรียงเข้าด้วยกันอย่างสมเหตุสมผล
“เช่นนั้น เรื่องของเจ้าสำนักเฒ่าเป็นมาอย่างไรกัน?” อันที่จริงซูมู่ถูกคำพูดของซูหว่านโน้มน้าวจนคล้อยตามไปกว่าครึ่งแล้ว ในใจลึก ๆ เขาเชื่อคำพูดของนางแล้ว
ทว่า ตอนนี้เขายังอยากรู้เรื่องของเจ้าสำนักเฒ่า อยากรู้รายละเอียดของความฝันนั้น
“เดี๋ยวก่อน พี่รอง ข้าพูดมาตั้งมากมายเพียงนี้ ท่านเชื่อข้าหรือไม่? ท่านเชื่อว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
สิ่งที่ซูหว่านใส่ใจในตอนนี้ก็คือ พี่รองเชื่อคำพูดของนางแล้วหรือยัง หากเขายังไม่เชื่อ เช่นนั้นที่นางพูดมาทั้งหมดก็สูญเปล่ามิใช่หรือ?
ซูมู่ยังคงจ้องมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเขาก็ไปยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงตรงหน้าซูหว่าน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...