ช่วงสองเดือนที่ซูหว่านอยู่ที่นี่ เสิ่นชิงหลีมีความสุขมากจริง ๆ รู้สึกเหมือนชีวิตมีความหวังในทุกๆวัน การอยู่กับซูหว่านทำให้นางมีความสุขจนสามารถพูดเสียงดังและหัวเราะจนเห็นฟันได้โดยอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องฝืน
สองเดือนมานี้ซูหว่านเองก็ได้อานิสงส์จากเสิ่นชิงหลีเช่นกัน นางได้เรียนรู้การชงชา จัดดอกไม้ อีกทั้งทักษะการดีดกู่เจิงของนางก็พัฒนาขึ้นไปมาก หากนางกลับไปแล้วก็จะหาอาจารย์มาสอนตัวเองต่อ ตอนที่เจียงอวี้กลับมานางจะทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ
ตอนนี้กิจการของนางขยายอาณาจักรไปได้เกือบถึงตามเป้าแล้ว อย่างไรเสียในภายภาคหน้านางก็ไม่ได้หวังว่าจะรวยจากร้านอวี้เหยียนถังอยู่แล้ว กิจการนี่เป็นเพียงอาวุธลับตอนสุดท้ายที่จะใช้ทำให้ฐานะของนางมั่นคงและปกป้องตระกูลซูให้ปลอดภัยในภายภาคหน้าก็เท่านั้น
ตอนนี้หาคนมาจัดการมาดูแลได้แล้ว นางจึงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก แค่หาเวลาไปตรวจตราปีละครั้งก็พอแล้ว ซึ่งไปตรวจก็ไม่ได้ใช้เวลานานอะไรเลย
“พี่เสิ่น อากาศเริ่มหนาวขึ้นแล้วกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีกนะ!” นางจับมือของเสิ่นชิงหลีที่เย็นเฉียบ
“หวานหว่าน ครั้งหน้าเจ้าจะมาหาข้าเมื่อไรหรือ?” เสิ่นชิงหลีรู้สึกอาลัยอาวรณ์มากจริงๆ
“ปีหน้าข้าจะมาหาท่านอีกนะ รอให้ถึงตอนที่ดอกฝูหรงบานดีไหม?”
ปีหน้าซูหว่านวางแผนที่จะมาชมดอกฝูหรงที่เรือนน้อยฝูหรงของเจียงอวี้ ซึ่งต้องสวยงามกว่าเรือนน้อยฝูหรงที่เซียงโจวอย่างแน่นอน
“ดีเลย ข้าจะรอเจ้านะ ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”
เสิ่นชิงหลีเติบโตที่เมืองหลวง แต่กลับพบว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองไม่เคยมีเพื่อนสาวที่สามารถพูดคุยด้วยอย่างจริงใจได้เลย ซูหว่านนับว่าเป็นคนแรก
“ได้สิ ไม่มีทางกลับคำแน่นอน!” ซูหว่านยิ้มอย่างแน่วแน่
“ดีเลย ข้าขอให้หวานหว่านและคุณชายห้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ กลับไปถึงเซียงโจวเร็ว ๆ นะ อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาข้าด้วยล่ะ!”
ซูหว่านพยักหน้า ซูอี้ก็โค้งคำนับเพื่ออำลาให้ และสองพี่น้องก็ขึ้นรถม้าไป ข้างในรถม้ามีผ้าปูเอาไว้ให้ ซูหว่านจึงตั้งใจว่าจะนอนตลอดทางที่กลับไป
อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว หากเดินทางกลับไปใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว คาดว่าทางบ้านคงจะรอจนร้อนใจกันแล้ว
นางได้ซื้อของฝากไปให้ทุกคนในครอบครัวและมีของฝากที่เสิ่นชิงหลีเตรียมเอาไว้ให้ด้วย
ยังคงเป็นที่เซียงโจวที่อบอุ่นกว่าอยู่ดี พอเข้าสู่เขตเจียงหนานก็รู้สึกได้ทันทีว่าอากาศไม่ได้เย็นยะเยือกเท่าที่เมืองหลวง พอลมในเมืองหลวงพัดเข้ามาทีไรทำเอาใบหน้าชาไปหมด
ซูหว่านและซูอี้กลับถึงบ้านในตอนกลางคืน ตอนที่กลับมาทำเอาคนในบ้านประหลาดใจกันเป็นแถบ ๆ มารดาซูกลัวว่าซูหว่านจะหนาวจึงรีบให้คนในครัวไปต้มชาน้ำขิงมา และเตรียมน้ำร้อนๆเอาไว้ให้อาบ
ครั้งนี้ที่กลับมาซูอวิ๋นไม่ได้ทำตัวเหมือนตอนที่กลับมาจากจงโจว เขาอยู่วนเวียนรอบ ๆ ซูหว่านไม่ห่างแล้วถามนางว่า
“ซูหว่าน เมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ว่าแต่ข้านะ ท่านแม่ก็เหมือนกันนิ!”
มารดาซูรีบส่งสายตาดุใส่ทันที ซูอวิ๋นรีบหยุดพูดทันทีทันใด
“ท่านแม่ ท่านไม่เชื่อฝีมือของพี่ห้าหรือเจ้าคะ? ภาพวาดเหมือนที่ออกมาจากมือของเขานั้นต้องวาดเหมือนตัวจริงออกมาจากภาพอยู่แล้ว แต่คุณหนูสามเสิ่นตัวจริงจะสวยกว่าในรูปวาด นางเป็นคนอ่อนโยน มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีจิตใจงามและมีน้ำใจ อีกทั้งยังมีความสามารถด้านดนตรี หมากรุก อักษร ศิลปะ และวาทศิลป์ทางกวีก็เก่งไปทุกอย่าง ท่านแม่อย่าลืมนะว่านางเป็นบุตรีคนโตของบัณฑิตหลวงในราชสำนัก บัณฑิตหลวงเป็นใคร? เป็นถึงข้าราชการผู้ทรงปัญญาที่สุดของแคว้นจิ้น แบบที่มีลูกศิษย์อยู่ทั่วใต้หล้า ลูกสาวที่เขาอบรมสั่งสอนจะแย่ได้อย่างไร?”
ซูหว่านเลือกที่จะตอบคำถามของท่านแม่ก่อน พอนางพูดชมเสิ่นชิงหลีออกมาก็พูดจนไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบกับนางได้อีก ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องจริงไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด
เมื่อมารดาซูได้ยินดังนั้น นางก็ยกมือขึ้นพนมมือด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ ดวงตาของนางแดงก่ำและมีน้ำตาแห่งความสุขไหลออกมา
“ขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครอง ตระกูลซูของพวกเราโชคเข้าข้างแล้ว ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นตามที่หวังไว้!”
ในภายภาคหน้าลูกชายคนโตจะได้ภรรยาที่ดีขนาดนี้ ถือเป็นบุญที่สร้างสมมาตั้งแต่ชาติก่อน บิดาซูเองก็มีความสุขมากเช่นกัน การได้สะใภ้ดีก็จะส่งผลดีไปถึงรุ่นลูกหลานอีกสามรุ่นเลยก็ว่าได้
ซูหว่านดื่มชาน้ำขิงและแช่น้ำร้อนจนสบายตัว แล้วก็เข้านอนเลยเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
ระหว่างทางที่ซูอวิ๋นและซูอี้กลับมาที่ห้อง ก็ยังไม่วายเปิดศึกประชันฝีปากกันไม่หยุด ซูอวิ๋นยังคงเหน็บแนมและเย้ยหยันซูอี้อย่างไม่หยุดหย่อน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...