“คนบางคนก็ฉลาดนัก พอมีโอกาสก็เกาะติดหวานหว่านไม่ปล่อยเลยนะ”
ฉวยโอกาสตอนที่เขาต้องยุ่งกับกิจการที่ร้านเฉิงโหลว ปล่อยทิ้งเขาไว้ที่เซียงโจวคนเดียว ให้เขาต้องเผชิญทุกอย่างคนเดียว ส่วนตัวเองกลับได้อยู่เคียงข้างหวานหว่านทุกวัน ได้ถามไถ่ความรู้สึกและดูแลเอาใจใส่
“ถ้าพี่สี่ทำได้ก็ทำได้เหมือนกัน ถ้าหากพี่ยอมทิ้งร้านเฉิงโหลวได้ล่ะนะ” ซูอี้ก็ไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆเช่นกัน
ความหมายในคำพูดของเขาไม่ใช่ต้องการจะบอกให้รู้ว่าเขาพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อหวานหว่าน ถ้าพี่เก่งจริงก็ลองทำแบบเขาดูสิ
ทำเอาซูอวิ๋นโมโหมาก แต่เขาก็ไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ ได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้แล้วพูดออกมาได้แค่ว่า
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ข้าพยายามทำงานหนักขนาดนี้ก็เพื่ออยากให้ครอบครัวของพวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้นนะสิ ข้าจะบอกเจ้าเลยนะ ช่วงครึ่งปีที่พวกเจ้าไม่อยู่ ร้านเฉิงโหลวของข้าทำเงินได้เป็นหมื่นๆตำลึงแล้วนะ” น้ำเสียงของซูอวิ๋นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เรื่องนี้ซูอี้ต้องยอมรับเลยว่า ซูอวิ๋นมีพรสวรรค์ด้านอาหารจริงๆ
“บ้านเราก็มีฐานะดีอยู่แล้ว พี่ก็แค่มาต่อยอดที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้นแหละ!”
ถ้าพูดถึงเรื่องการทำให้ซูอวิ๋นโกรธจนควันออกหูได้ละก็ ต้องยกให้ซูอี้ เขามีฝีปากที่เฉียบขาดโดยแท้จริง และก็เป็นไปตามคาดคนบางคนโกรธจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
ซูอวิ๋นแค่นเสียงเย็นชา แล้วพูดเหน็บแนมต่อว่า
“ต่อยอดที่ดีให้ดีขึ้นก็เป็นคำที่มีความหมายไปในทางดี แต่คนบางคนตอนนี้คงจะได้ใจน่าดู ได้อยู่เคียงข้างหวานหว่านมากมายขนาดนั้น และได้รับความสนใจจากหวานหว่านแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้พี่ชายที่หวานหว่านชอบที่สุดในใจคงจะกลายเป็นเจ้าแล้วสินะ เจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
แต่ซูอี้ไม่ยอมรับคำกล่าวหานี้
“พี่สี่ ที่ท่านกล่าวมาผิดถนัดเลยละ พี่ชายที่หวานหว่านชอบที่สุดยังไงก็ยังเป็นพี่ใหญ่ไม่เปลี่ยน ยังไงเสียพี่ก็คงจะอยู่อันดับท้ายสุดอยู่ดี ไม่รู้ว่าใครกันนะ ตอนที่หวานหว่านเพิ่งกลับมา ทำให้นางเจ็บปวดที่สุด แผลบางอย่างมันฝังลึกอยู่ในใจนะ คงยากที่จะรักษาให้หายได้”
ซูอี้พูดแทงใจดำ พูดจี้ไปที่จุดที่เจ็บที่สุด
แต่ที่เขาพูดก็ถูก พี่ชายที่อยู่อันดับหนึ่งในใจของหวานหว่านก็ยังคือพี่ใหญ่เสมอ เรื่องนี้ไม่มีใครเถียงได้
ซูอวิ๋นถูกพูดจนโกรธจัด ดวงตาแดงก่ำไปหมด
“ไม่จริงซะหน่อย เมื่อก่อนข้าแค่ไม่รู้ความ ข้าก็ขอโทษไปแล้ว หวานหว่านเองก็ให้อภัยข้าแล้ว ข้าไม่ได้อยู่อันดับสุดท้ายซะหน่อย!”
ซูอี้เดินมาถึงหน้าห้องของตัวเองแล้ว และเขาก็ผลักประตูเข้าไป
“ข้าถึงห้องแล้วละพี่สี่ เดินทางมาเหนื่อยมาก ข้าขอตัวไปนอนก่อนนะ พี่ก็หลับฝันดีละ” ท่าทางของซูอี้ที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับทำให้ซูอวิ๋นสติแตกไปแล้ว
คืนนี้ซูอวิ๋นคงจะนอนไม่หลับแน่นอน เขาเอาแต่นอนพลิกตัวไปมาเพราะคิดถึงคำพูดของซูอี้ จะทำอย่างไรดีนะ ไม่ใช่ว่าหวานหว่านจะยังมีแผลในใจอยู่จริงๆหรอกนะ มองจากภายนอกที่ปฏิบัติด้วยอาจจะดูเหมือนไม่ถือสา แต่ในใจยังคงไม่ให้อภัยอยู่กระมัง?

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...