เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 48

“ข้าอายุมากกว่าเจ้า ถ้าไม่รังเกียจ ข้าขอเรียกเจ้าว่าอาอวี้นะ!”

“ไม่รังเกียจขอรับ พี่ซูท่านเรียกได้ตามสบายเลย เมื่อครู่ได้ยินมาว่าพี่ซูสนใจการสอบในฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่นของท่าน ต้องมีตำแหน่งในราชสำนักอย่างแน่นอนขอรับ!”

“อาอวี้ยกย่องข้าเกินไปแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ผู้ที่เก่งกว่าข้านั้นมีอยู่มากมายบนโลกใบนี้ เรื่องอนาคตก็ยังไม่แน่นอน ทุกอย่างคือชะตาฟ้าลิขิต ข้าเคยพลาดโอกาสไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ข้าเองก็ไม่อยากนึกเสียใจอีก!”

ซูจิ่งหวนนึกถึงเรื่องในอดีต ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย การที่ไม่ได้เข้าร่วมการสอบในฤดูใบไม้ผลิคือความเสียใจของเขา ปีหน้าจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

แม้จะต้องเดินเท้าเปล่าเข้าเมืองหลวง เขาก็ต้องเดินบนเส้นทางแห่งการสอบขุนนางนี้ให้จงได้

เขาสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉมาแล้ว และผ่านการสอบระดับเซียงซื่อมาแล้วด้วย อันที่จริงการสอบขุนนางได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ อีกทั้งเขายังเป็นซิ่วไฉอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนกลับบ้านเขาก็ได้สอบอีกครั้งที่หัวเมือง และได้รับสิทธิ์ให้เข้าสอบระดับฮุ่ยซื่อ ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องเข้าร่วมการสอบระดับฮุ่ยซื่อในปีหน้าเท่านั้น การสอบระดับฮุ่ยซื่อผู้ที่สอบได้สามอันดับแรกในแต่ละมณฑลเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าเมืองหลวงเพื่อสอบระดับจิ้นซื่อต่อ แล้วผู้ที่สอบผ่านสามสิบอันดับแรกก็จะสามารถเข้าสู่การสอบเตี้ยนซื่อในรอบสุดท้ายได้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ออกข้อสอบนั่นเอง โดยผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้เป็นจอหงวน อันดับสองคือปั๋งเหยี่ยนและอันดับสามคือทั่นฮวา

แค่ได้ติดสิบอันดับแรกก็จะมีอนาคตในราชการแล้ว แต่คู่แข่งมีมากเกินไป บัณฑิตทั่วทั้งแคว้นต่างเตรียมตัวสำหรับการสอบในปีนี้ อย่างที่เขาว่าไว้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน คนที่เก่งกว่าเขาน่าจะมีอยู่อีกมากมาย

พอพลบค่ำ พี่น้องก็พากันกลับบ้าน พวกเขาเก็บผลประคำดีควายมาได้หลายตะกร้า แบ่งให้ซูหว่านส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ล้างทำความสะอาดแล้วตากแดดไว้สองสามวัน จากนั้นซูมู่ก็จะแบกไปที่ร้านยา

เขาเป็นลูกศิษย์ที่ร้านยา และได้ตกลงกับท่านอาจารย์ไว้แล้วว่าหลังฤดูใบไม้ร่วงของทุกๆ ปี ท่านจะรับซื้อผลประคำดีควายจากเขาแต่เพียงผู้เดียว

แม้จะไม่ได้เงินมากมายอะไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นรายได้

ซูเฉินก็หาฟืนกลับมาหนึ่งหาบ เขายังนำสัตว์ที่ล่าได้กลับมาด้วย มีกระต่ายป่าสองตัว และไก่ป่าอีกหนึ่งตัว

ซูหว่านตื่นเต้นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นกระต่ายป่าและไก่ป่าด้วยตาตัวเอง

สัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่ จะขายได้ราคาดี

ซูเฉินเห็นนางชอบมาก ก็คิดว่านางอยากกิน จึงเสนอที่จะฆ่าไก่ป่าเพื่อทำอาหาร

แน่นอนว่าซูหว่านไม่ยอม นางสงสัยเพราะนางเป็นคนยุคใหม่ที่โตมาในเมือง จะไปเคยเห็นไก่หรือกระต่ายป่าได้อย่างไร ที่เคยเห็นก็มีแต่ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มเท่านั้น

นางรู้ว่าพวกมันมีไว้แลกเงิน จะไปอยากกินได้อย่างไรกัน?

“พี่สามเจ้าคะ ข้าไม่ได้อยากกินเลยเจ้าค่ะ แค่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยรู้สึกสงสัยเฉย ๆ ท่านเอาพวกมันไปแลกเป็นเงินเถิด ที่บ้านยังมีเนื้อให้กินอีกเยอะ ข้าแยกแยะได้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน!”

ภาพลักษณ์ของนางในสายตาของพวกเขาก็คือคุณหนูผู้สูงศักดิ์นั่นแหละ ในสายตาของพวกเขา นางเป็นคนที่ไม่เคยทำงานหนัก การที่ไม่เคยเห็นก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา นางกลับมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มมาอีกอย่าง นั่นก็คือความเข้าใจโลก

“พี่สี่ ครั้งก่อนน้องหวานหว่านซื้อขนมเปี๊ยะไส้เนื้อมา พี่กินไปตั้งหนึ่งชิ้นยังไม่พอ แต่ยังมาแบ่งของข้าไปอีกครึ่งชิ้นด้วยนะ!"

เมื่อพูดถึงการซ้ำเติม ซูอี้เป็นคนแรกที่จะไม่ยอมปล่อยพี่ชายฝาแฝดของเขาไป

อีกทั้งบนใบหน้าของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ซูอวิ๋นมองแล้วก็อยากจะม้วนแขนเสื้อขึ้นชกเขาสักที

“ซูอี้ แกนี่มันช่างพูดมากเสียจริง?”

แต่เขาก็อาจจะรู้สึกผิด เลยโต้กลับแบบไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร

“ข้าพูดความจริงนะพี่สี่” ซูอี้ยังคงยั่วโมโหซูอวิ๋นไม่หยุดหย่อน

ซูอวิ๋นเลยม้วนแขนเสื้อขึ้นจะชกเขา โชคดีที่พี่ใหญ่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา

“พอได้แล้ว พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ไปทำอาหารกันเถอะ!”

“เจ้าห้า เย็นนี้เจ้าไม่มีข้าวเย็นกินนะ” ซูอวิ๋นอาศัยอำนาจที่ตัวเองเป็นคนทำอาหาร พูดอย่าง ภาคภูมิใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม