"เชอะ ข้ออ้างชัดๆ ดูอย่างพี่ห้าสิ ว่างเมื่อไหร่ก็ฝึกไทเก๊กอยู่ในลานบ้าน พี่ดูสิว่าตอนนี้ร่างกายของพี่ห้าแข็งแรงแค่ไหน ตลอดทั้งปีไม่เคยปวดหัวตัวร้อนหรือเป็นหวัดเลย"
ซูอี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่เซียงโจวเขาได้เรียนไท้เก๊กกับท่านฉีอันจวีซื่อ การได้ฝึกร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ
"ซูหว่าน เจ้าพูดแบบนี้ข้าไม่ยอมนะ ข้าแค่บ่นนิดหน่อยเท่านั้น ใครบอกว่าข้าสู้ซูอี้ไม่ได้ ข้าเองก็ทำอาหารอยู่ในครัวใช้ตะหลิวทุกวัน ข้าก็มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหมือนกันนะ"
พูดจบซูอวิ๋นก็กำหมัดทุบหน้าอกและแขนตัวเองแสดงความไม่ยอมแพ้
ซูหว่านรู้สึกขบขันถึงกับเกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็พยายามกลั้นไว้สุดชีวิต
“โอ๊ย ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะ” ซูหว่านลุกขึ้นพลางนวดแขนแล้วเดินออกไป โดยมีหลิวอิ๋งและหลิวอวิ๋นรออยู่ที่ประตู
ซูอวิ๋นถึงกับโมโหที่นางทำท่าแบบขอไปที แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รั้งนางไว้
เมื่อเดินออกมาได้สักพัก ซูหว่านก็หยุดยืนชะโงกหน้ามองที่หน้าเรือนของซูอี้ พบว่าเขากำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ในนั้น
หลายปีมานี้ เขามีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมา ซูหว่านมีขลุ่ยที่พร้อมใช้งาน เขาเห็นว่าน่าสนใจจึงหยิบเอามาแล้วไปหาอาจารย์สอนเป่าขลุ่ย
เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าซูหว่านมาก ทั้งยังขยันขันแข็งยิ่งนัก ตอนนี้ทักษะการเป่าขลุ่ยของเขาจึงนับว่ายอดเยี่ยม
นอกจากนี้ เขายังเป็นศิลปิน สุนทรียศาสตร์จึงดีเลิศ อาจเป็นเพราะอยู่กับท่านฉีอันจวีซื่ออยู่บ่อยๆ ยิ่งนานวันยิ่งแสวงหาความสุนทรีย์ ทำให้เรือนแห่งนี้ถูกเขารังสรรค์ให้แต่ละฤดูมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป
ความชื่นชอบของเขาก็แปลกกว่าใคร เขาเลือกเรือนพักอาศัยที่ค่อนข้างเงียบสงบ อยู่ใกล้ภูเขาหินจำลองขนาดใหญ่ด้านหลัง อีกทั้งยังย้ายต้นแปะก๊วยและต้นก่วมมาปลูกไว้ด้านหลังสวนมากมาย
มองจากระยะไกล เรือนของพี่ห้าก็เหมือนกับถูกต้นไม้โอบล้อมและปกป้องเอาไว้
ซูอี้รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ที่ประตู เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูหว่านที่กำลังดูอยู่เงียบๆ
เขายิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยนและอบอุ่นราวกับไออุ่นจากแสงแดดในฤดูหนาว
ผิวของซูอี้ขาวนวลกว่าซูอวิ๋น ยามที่ยิ้มก็เหมือนกับสายลมอ่อนๆ ในฤดูใบไม้ผลิ แต่ตอนซูอวิ๋นยิ้มกลับเหมือนกับหนุ่มบื้อๆ คนหนึ่ง ฮ่าๆๆ...
“กลับมาแล้วหรือหวานหว่าน เข้ามานั่งก่อนสิ" ซูอี้ลุกขึ้นมาต้อนรับนางที่หน้าประตู
เข้าฤดูหนาวซูอวิ๋นและซูอี้ก็จะอายุครบยี่สิบปีแล้ว ถึงตอนนั้นคงต้องจัดงานฉลองให้ทั้งสองคนอย่างครึกครื้น
พี่น้องตระกูลซูหลายคน ล้วนมีส่วนสูงหนึ่งเมตรแปดสิบ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซูอวิ๋นและซูอี้ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตามทันเหล่าพี่ชายแล้ว
ซูอวิ๋นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้สดใสและมองโลกในแง่ดี ส่วนซูอี้เป็นดั่งชายหนุ่มสง่างามผู้มีรสนิยม

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...