เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 503

"เชอะ ข้ออ้างชัดๆ ดูอย่างพี่ห้าสิ ว่างเมื่อไหร่ก็ฝึกไทเก๊กอยู่ในลานบ้าน พี่ดูสิว่าตอนนี้ร่างกายของพี่ห้าแข็งแรงแค่ไหน ตลอดทั้งปีไม่เคยปวดหัวตัวร้อนหรือเป็นหวัดเลย"

ซูอี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่เซียงโจวเขาได้เรียนไท้เก๊กกับท่านฉีอันจวีซื่อ การได้ฝึกร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ

"ซูหว่าน เจ้าพูดแบบนี้ข้าไม่ยอมนะ ข้าแค่บ่นนิดหน่อยเท่านั้น ใครบอกว่าข้าสู้ซูอี้ไม่ได้ ข้าเองก็ทำอาหารอยู่ในครัวใช้ตะหลิวทุกวัน ข้าก็มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหมือนกันนะ"

พูดจบซูอวิ๋นก็กำหมัดทุบหน้าอกและแขนตัวเองแสดงความไม่ยอมแพ้

ซูหว่านรู้สึกขบขันถึงกับเกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็พยายามกลั้นไว้สุดชีวิต

“โอ๊ย ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะ” ซูหว่านลุกขึ้นพลางนวดแขนแล้วเดินออกไป โดยมีหลิวอิ๋งและหลิวอวิ๋นรออยู่ที่ประตู

ซูอวิ๋นถึงกับโมโหที่นางทำท่าแบบขอไปที แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รั้งนางไว้

เมื่อเดินออกมาได้สักพัก ซูหว่านก็หยุดยืนชะโงกหน้ามองที่หน้าเรือนของซูอี้ พบว่าเขากำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ในนั้น

หลายปีมานี้ เขามีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมา ซูหว่านมีขลุ่ยที่พร้อมใช้งาน เขาเห็นว่าน่าสนใจจึงหยิบเอามาแล้วไปหาอาจารย์สอนเป่าขลุ่ย

เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าซูหว่านมาก ทั้งยังขยันขันแข็งยิ่งนัก ตอนนี้ทักษะการเป่าขลุ่ยของเขาจึงนับว่ายอดเยี่ยม

นอกจากนี้ เขายังเป็นศิลปิน สุนทรียศาสตร์จึงดีเลิศ อาจเป็นเพราะอยู่กับท่านฉีอันจวีซื่ออยู่บ่อยๆ ยิ่งนานวันยิ่งแสวงหาความสุนทรีย์ ทำให้เรือนแห่งนี้ถูกเขารังสรรค์ให้แต่ละฤดูมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป

ความชื่นชอบของเขาก็แปลกกว่าใคร เขาเลือกเรือนพักอาศัยที่ค่อนข้างเงียบสงบ อยู่ใกล้ภูเขาหินจำลองขนาดใหญ่ด้านหลัง อีกทั้งยังย้ายต้นแปะก๊วยและต้นก่วมมาปลูกไว้ด้านหลังสวนมากมาย

มองจากระยะไกล เรือนของพี่ห้าก็เหมือนกับถูกต้นไม้โอบล้อมและปกป้องเอาไว้

ซูอี้รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ที่ประตู เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซูหว่านที่กำลังดูอยู่เงียบๆ

เขายิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยนและอบอุ่นราวกับไออุ่นจากแสงแดดในฤดูหนาว

ผิวของซูอี้ขาวนวลกว่าซูอวิ๋น ยามที่ยิ้มก็เหมือนกับสายลมอ่อนๆ ในฤดูใบไม้ผลิ แต่ตอนซูอวิ๋นยิ้มกลับเหมือนกับหนุ่มบื้อๆ คนหนึ่ง ฮ่าๆๆ...

“กลับมาแล้วหรือหวานหว่าน เข้ามานั่งก่อนสิ" ซูอี้ลุกขึ้นมาต้อนรับนางที่หน้าประตู

เข้าฤดูหนาวซูอวิ๋นและซูอี้ก็จะอายุครบยี่สิบปีแล้ว ถึงตอนนั้นคงต้องจัดงานฉลองให้ทั้งสองคนอย่างครึกครื้น

พี่น้องตระกูลซูหลายคน ล้วนมีส่วนสูงหนึ่งเมตรแปดสิบ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซูอวิ๋นและซูอี้ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตามทันเหล่าพี่ชายแล้ว

ซูอวิ๋นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้สดใสและมองโลกในแง่ดี ส่วนซูอี้เป็นดั่งชายหนุ่มสง่างามผู้มีรสนิยม

ซูอี้เป็นคนรักษาระเบียบวินัยอย่างดี โดยปกติแล้ว เขาจะไม่เหยียบย่างเข้าไปในเรือนของซูหว่านตามใจชอบเด็ดขาด และยิ่งเป็นตอนกลางคืนแล้วด้วยยิ่งไม่ทำ เว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญเท่านั้น

หลังจากที่ซูอี้กลับไปแล้ว ซูหว่านก็รีบอาบน้ำเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปที่หอเฟยฮวาเพื่อพบกับคนบ้านเดียวกัน

……

วันรุ่งขึ้นซูหว่านก็ตื่นแต่เช้าตรู่ ด้วยมีนัดหมายกับมู่หรงไหวในช่วงบ่าย การพบปะในครั้งนี้ซูหว่านให้ความสำคัญอย่างมากมิอาจละเลยได้เลย

มื้อเที่ยงนางแทบไม่ได้ทานอะไร ช่วงนี้ในจวนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่งของพี่ใหญ่ จึงไม่มีใครสังเกตว่านางไปไหน ทุกคนคิดว่านางออกไปเดินเล่นเที่ยวชมตลาดเท่านั้น

การแต่งกายของนางเรียบง่ายมาก เพราะสถานะของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดา หากมีใครเห็นเข้า ก็ไม่รู้ว่าจะถูกเอาไปซุบซิบนินทาอย่างไรบ้าง

มู่หรงไหวรอนางที่หอเฟยฮวาอยู่นานแล้ว ตั้งแต่ได้รู้ว่าซูหว่านเป็นผู้ข้ามภพเช่นเดียวกับเขา เขาก็ตื่นเต้นจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

เมื่อซูหว่านมาถึงหอเฟยฮวา ไม่ทันไรเถ้าแก่ก็พานางไปยังห้องส่วนตัวที่มู่หรงไหวรออยู่ทันที

หอเฟยฮวาแห่งนี้คงจะเป็นแหล่งข่าวกรองของมู่หรงไหว

เมื่อประตูถูกเปิดออก ทั้งสองสบตากันด้วยความตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ชี้หน้าสลับไปมาฉันๆ เธอๆ อยู่นานสองนาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม