เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 92

"ใช่แล้ว! ค่าอาหารก็มากเกินไป ที่บ้านพวกเราท่านก็ไม่ได้กินของดีๆ หรือพักอยู่อย่างสบายเลย ถ้าข้าเก็บเงินท่านหนึ่งร้อยตำลึง นี่มันไม่เท่ากับข้าเป็นพ่อค้าเลือดเลยหรือ?"

สองพี่น้องปฏิเสธติดต่อกัน แถมยังมีเหตุผลรองรับอีกด้วย

เจียงอวี้รู้สึกจนปัญญา จึงยกมือขึ้นกุมหน้าผาก แล้วกล่าวต่อว่า

"เงินมากเงินน้อยไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเรื่องของน้ำใจ บ้านตระกูลซูมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า แล้วจะมีบุญคุณอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกเล่า?

"ข้ายังรู้สึกว่าตัวเองให้น้อยไปด้วยซ้ำ จนใจไม่สบายใจเลย!"

"ถึงกระนั้นก็รับมากขนาดนี้ไม่ได้ พวกเราสองพี่น้องรวมกันแล้วรับแค่หนึ่งร้อยตำลึงก็พอ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยตำลึง ท่านเอากลับคืนไปเถอะ!"

เขาบอกว่าเป็นน้ำใจ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความเหมาะสม

"หมอรักษาคนป่วยและช่วยชีวิตคน ถ้าเพียงเพราะช่วยชีวิตท่านแล้วจะต้องเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลราคาสูงลิบลิ่ว เช่นนั้นคนทุกคนที่ข้าช่วยชีวิตในภายหน้าก็จะต้องเรียกเก็บค่ารักษามากมายมิใช่หรือ?

หากเป็นเช่นนั้น ก็จะขัดต่อคุณธรรมของหมอที่มีจิตใจเมตตา แล้วชาวบ้านผู้ยากไร้ที่เจ็บป่วยไม่ต้องรอความตายเพราะไม่มีเงินจ่ายหรอกหรือ?"

คำพูดของซูมู่นั้นสูงส่งเกินไป จนทำให้เจียงอวี้รู้สึกว่าตนเองไร้วิสัยทัศน์ไปเลย

"พวกท่านสองพี่น้องเนี่ยนะ ข้าสู้ฝีปากพวกท่านไม่ได้จริง ๆ เช่นนั้นก็แล้วแต่พวกท่านเถอะ แต่อย่างไรพวกเราก็ต้องเป็นสหายกันแน่นอน ต่อไปเรื่องของตระกูลซู ข้าจะถือว่าเป็นเรื่องของตัวเอง ถ้าพวกท่านมีเรื่องยากลำบากอะไรก็อย่าได้เกรงใจ บอกกับข้าได้ทุกเรื่อง"

นี่คือคำสัญญาที่เจียงอวี้ให้ไว้กับพวกเขา คนในครอบครัวนี้ล้วนเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง การที่เจียงอวี้ได้รู้จักกับพวกเขา ถือเป็นโชคดีในสามชาติภพเลยทีเดียว

ดังนั้นเขาจึงเก็บตั๋วเงินกลับคืนไปหนึ่งใบ แล้วซูมู่ก็หันกลับไปมอบตั๋วเงินใบนั้นให้ซูหว่าน

"หวานหว่าน เก็บไว้ให้ดีนะ ตั๋วเงินใบนี้เอาไว้ใช้สำหรับให้พี่ใหญ่ไปสอบได้"

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปได้เรื่องหนึ่ง

พอพูดถึงพี่ใหญ่ ซูหว่านก็คิดว่าต้องรีบไปรับท่านพ่อท่านแม่กลับมาให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องตรากตรำอยู่ข้างนอกอีก หากยังปล่อยไปแบบนี้ พ่อซูคงขาหักก่อนสิ้นปีเป็นแน่

ตอนนี้ยังมีเวลาอีกสองเดือน ยังทันอยู่ รีบไปบอกให้พี่สามไปรับพวกเขากลับมาเร็วๆ ดีกว่า

ตอนนี้ที่บ้านมีกิจการแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำมาหากินอีกต่อไป พี่ชายหลายคนก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานข้างนอกอีกต่อไป

"อื้อ รู้แล้ว!" ซูหว่านก็ไม่ได้อิดออดอะไร พอบอกว่าเป็นเงินสำหรับพี่ใหญ่ นางก็รับไว้เลย

"เจียงอวี้ เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไปหรือ" ซูมู่ต้องการรู้ว่าหลังจากนั้นเขาจะทำอะไร

"เช่นนั้นพวกเราไปก่อนนะพี่รอง ท่านดูแลตัวเองดีๆ ด้วยล่ะ"

ก่อนจากไป ซูหว่านหยิบเศษเงินสองสามตำลึงยัดใส่มือซูมู่ แต่ซูมู่กลับไม่ยอมรับ

"ข้ามีข้าวให้กินมีที่ให้พักอาศัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินไว้กับตัวหรอก!"

"พกเงินติดตัวไว้บ้างสิ เผื่อมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้" ซูหว่านเห็นเขาอยู่คนเดียวข้างนอก อย่างไรเสียก็ควรมีเงินติดตัวไว้บ้าง จึงยืนกรานจะให้เขารับเอาไว้

ไม่ว่าอย่างไรซูมู่ก็ไม่ยอมรับไป

"อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรอก อีกอย่างข้าก็ได้เงินเดือนแล้ว ยังมีเงินอยู่กับตัว"

ในเมื่อเขาไม่ยอมรับ ซูหว่านก็ไม่บังคับอีกต่อไป ซูมู่ส่งพวกนางออกจากจีซ่านถัง และมองจนกระทั่งพวกนางเดินไปไกลแล้วจึงกลับเข้าไป

เมื่อมองดูสองเงาร่างที่สูงหนึ่งและเตี้ยหนึ่ง ซูมู่ก็จมดิ่งลงสู่ห้วงความคิด เรื่องราวในบทละครพื้นบ้านที่พูดถึงชายหนุ่มรูปงามกับหญิงสาวเลอโฉมนั้นมีอยู่มากมาย แต่เรื่องฐานะที่ต่างกัน กลับเป็นกำแพงที่ยากจะก้าวข้าม

คนทั้งคู่ต่างก็อยู่ในวัยที่หัวใจกำลังหวั่นไหว การที่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกันแบบนี้ทุกวัน จะไม่มีความรู้สึกแบบหนุ่มสาวเกิดขึ้นเลยหรือ?

และอีกอย่าง เจียงอวี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เขากับซูหว่านจะเหมาะสมกันจริง ๆ หรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม