ซูหว่านได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้า
"ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ สี่วันก็พอแล้ว หนึ่งร้อยห้าสิบห่อ เราสามารถนำไปส่งได้ตรงเวลาแน่นอน!"
ขนมข้าวซอยตัดทำง่าย พวกนางทำได้วันละสองร้อยห่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
"แต่ว่า เราต้องเก็บเงินมัดจำ เพราะเราเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ต้นทุนก็สูง ไม่กล้าเสี่ยงเจ้าค่ะ"
ซูหว่านก็รีบเสนอข้อเรียกร้องของตัวเองในทันที
"ย่อมได้อยู่แล้ว ตามราคาที่เจ้าตั้งไว้ ร้อยห้าสิบห่อก็คือยี่สิบสองตำลึงห้าสิบอีแปะ ข้าจะจ่ายเงินมัดจำให้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือสิบเอ็ดตำลึง ตกลงไหม?" พ่อบ้านคนนี้ก็เป็นคนที่คุยง่ายมาก
แต่ข้อเรียกร้องของซูหว่านก็ถือว่าปกติและถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตกลง
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ที่อยู่ของบ้านเรากับท่านนะเจ้าคะ พวกเราค้าขายด้วยความซื่อสัตย์เจ้าค่ะ!"
ซูหว่านจะรับเงินมัดจำของเขาแล้วเดินจากไปไม่ได้ ถ้าถึงเวลาส่งของแล้วเขาหานางไม่เจอ พ่อบ้านก็ย่อมจะรู้สึกไม่สบายใจมิใช่หรือ?
"ไม่ต้องหรอก ท่านขุนนางฮั่วของพวกเราเป็นคนใจบุญอยู่แล้ว เงินแค่นี้ท่านไม่ถึงกับต้องไม่ไว้ใจพวกเจ้าขนาดนั้น ผู้คนในอำเภอชิงเหอ ของเรามีอัธยาศัยดี ทุกคนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต พวกเราเชื่อใจพวกเจ้า"
ไม่นึกเลยว่า คุณลุงพ่อบ้านคนนี้จะปฏิเสธตรง ๆ แบบนี้
ก็จริงอยู่ สิบเอ็ดตำลึงเงิน สำหรับฐานะของพวกเขาแล้ว ไม่ได้นับว่าเป็นอะไรเลย
เขาเตรียมเงินไว้พร้อมแล้ว และเขียนใบมัดจำเสร็จสรรพ ขนมข้าวซอยตัดร้อยห้าสิบห่อ ส่งภายในสี่วัน ก่อนบ่ายที่จวนตระกูลฮั่วทางตะวันตกของเมือง ถึงตอนนั้นค่อยจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
ซูหว่านมาครั้งนี้ ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะอยู่ๆ ก็เปิดธุรกิจรับสั่งทำขนมได้สำเร็จ เชื่อว่าในอนาคตจะมีรายการสั่งทำแบบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
ธุรกิจรายการสั่งทำนี้ตกลงกันได้อย่างราบรื่นมาก พอส่งพ่อบ้านไปแล้ว ซูหว่านถึงเริ่มยิ้มออกมา เมื่อครู่นางยังแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมอยู่เลย
"ฮ่าฮ่า เจียงอวี้ ท่านว่าฉันเก่งไหม?"
ตอนนั้นนางก็พูดไว้แล้วว่า ใกล้ช่วงสิ้นปี หลายครอบครัวมีงานมงคลที่ต้องจัด ก็ต้องสั่งซื้อขนมข้าวซอยตัดอย่างแน่นอน แล้วนางก็เดาถูกจริง ๆ นี่เพิ่งจะวันแรกก็ได้ผลตอบรับแล้ว
พอเห็นท่าทางเล็ก ๆ ที่นางต้องการคำชม เจียงอวี้ก็ยิ้มตามไปด้วย
"อืม เก่งมาก!"
ก็เก่งจริง ๆ นั่นแหละ เก่งมากที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเก่งมากที่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้ได้
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะพาท่านไปหาพี่รอง!"
ซูหว่านเป็นคนเดินนำหน้าออกจากโรงน้ำชาไปก่อน เมื่อครู่ตอนที่พ่อบ้านออกไป เขาก็ได้ทิ้งเงินค่าชาไว้ให้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านแล้ว เจียงอวี้เดินตามหลังไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองคนเดินตรงไปยังจีซ่านถังทันที
ซูมู่พอได้ยินว่าเขาเรียก 'หวานหว่าน' ด้วยเหมือนกัน คิ้วก็อดขมวดไม่ได้ จากนั้นก็มองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน
เขาเพิ่งจากมาไม่กี่วัน ทำไมพวกเขาถึงสนิทกันขนาดนี้แล้วล่ะ?
“หลักๆ แล้วเป็นเพราะร่างกายของเจ้าแข็งแรง อดทนจนผ่านวิกฤติมาได้ต่างหาก"ซูมู่ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ แต่มันคือเรื่องจริง
ซูหว่านจงใจเมินสายตาที่พี่รองกำลังมองสำรวจจนกระทั่งเจียงอวี้ล้วงตั๋วเงินสองใบออกมาจากอกเสื้อ
ใบหนึ่งมอบให้ซูมู่ อีกใบหนึ่งมอบให้ซูหว่าน
"นี่คือค่ารักษาพยาบาลที่ติดท่านหมอซูเอาไว้ และนี่คือค่าอาหารและที่พักในช่วงที่ผ่านมาที่บ้านตระกูลซู"
ตั๋วเงินสองใบ ใบละหนึ่งร้อยตำลึง นี่ออกจะใจกว้างเกินไปหน่อย แค่ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่น่าจะใช้เงินมากขนาดนี้ ไหนจะค่าอาหารและค่าที่พักอีก ด้วยสภาพบ้านตระกูลซูที่กินอยู่ไม่ค่อยดี ยิ่งไม่น่าจะมีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึงเลย
"นี่มันมากเกินไปแล้ว พวกเรารับไว้ไม่ได้!"
ซูมู่และซูหว่านปฏิเสธออกมาพร้อมกันอีกทั้งยังพูดเหมือนกันอีกไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียว พอพูดจบพวกเขาเองก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
ความเข้าขาลงตัวนี้ สมกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ จริง ๆ เลย!
"ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วว่าจะคิดตามค่ารักษาพยาบาลที่หมอทั่วไปเก็บก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ยังไม่นับว่าเป็นหมอเต็มตัวด้วยซ้ำ รวมค่ารักษากับค่ายาแล้วก็ไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึงหรอก!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...