แม้มันจะดูเสแสร้งไปสักหน่อย แต่นางกับพ่อซูแม่ซูเองก็ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันนัก นางไม่ปฏิเสธหรอกว่าส่วนหนึ่งก็แค่แสร้งทำ
"เจ้าพูดถูก พรุ่งนี้ข้าจะไปรับพ่อกับแม่กลับมา" ซูเฉินตัดสินใจแล้ว
ตอนนี้พวกเขาสามารถหาเงินได้แล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่เหมืองอีกต่อไป เพราะมันทั้งอันตรายและลำบากมาก
ตอนนี้ยังว่างอยู่ ซูหว่านเลยลงมือทำขนมข้าวซอยตัดที่ซูอวิ๋นกับซูอี้จะเอาไปขายในวันพรุ่งนี้ ในส่วนของนางเองนั้นยังไม่ต้องรีบทำ เพราะกว่าจะถึงตลาดนัดรอบถัดไปก็อีกตั้งเจ็ดวัน ค่อยเร่งทำคำสั่งซื้อของจวนฮั่วอีกสองสามวันข้างหน้าก็ยังทัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเฉินออกเดินทางไปที่เหมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ส่วนซูอวิ๋นกับซูอี้ พอกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไปขายขนมข้าวซอยตัดตามหมู่บ้านต่างๆ ต่อ เมื่อวานช่วงบ่ายทำไว้ถึงหกสิบห่อ หวังว่าวันนี้จะขายหมดนะ!
ในบ้านเหลือแค่ซูหว่านกับเจียงอวี้ นางไม่ได้นอนบนเตียงดีๆ มาสักพักแล้ว วันนี้เลยนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงยาวนานหน่อย กว่าจะตื่นก็เป็นตอนที่นอนหลับเต็มอิ่มจนตื่นขึ้นมาเอง
ตอนที่นางตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว ซูอวิ๋นทิ้งอาหารเช้าอุ่นๆ ไว้ในหม้อให้นาง แต่เจียงอวี้ไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าไปไหน
ซูหว่านไม่ได้สนใจเขา เขามีเรื่องที่ต้องจัดการเข้าไปยุ่งมากเกินไปก็ไม่ดี
ขณะนั้น เจียงอวี้ที่สวมหน้ากากก็เดินเตร่ไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างรู้ว่าเขาเป็นญาติผู้พี่ฝ่ายแม่ของบ้านตระกูลซู จึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ก็ยังมีคนพูดถึงเขาไม่น้อย
เขาก็เดินเตร่ไปอย่างไร้จุดหมายในหมู่บ้าน จนกระทั่งได้พบกับเด็กเลี้ยงแกะ
เด็กคนนี้ดูเหมือนจะอายุไม่ถึงสิบขวบ ดูไร้เดียงสาและไม่มีพิษภัย เขาจึงเริ่มเอ่ยปากถามข้อมูลจากเด็กคนนี้
"เจ้าหนู ขอถามอะไรหน่อยสิ?"
เด็กเลี้ยงแกะมองพี่ชายท่าทางแปลกๆ ที่สวมหน้ากากตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
"มีอะไรจะถามหรือขอรับ?" เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
ฝูงแกะรายล้อมอยู่รอบตัวพวกเขา ร้อง 'แบะๆ' เสียงดัง บางตัววิ่งนำหน้าไปแล้ว สายตาของเด็กชายยังคงจับจ้องตามฝูงแกะของเขาตลอดเวลา
ในหมู่บ้านมีนายพรานอยู่คนหนึ่งใช่หรือไม่? บ้านเขาอยู่ที่ไหน” เจียงอวี้ถามเขาตรงๆ
เด็กชายรีบวิ่งตามฝูงแกะของตัวเอง ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่งให้เขาดู
"ก็เดินไปตามทางนี้เรื่อยๆ จนเห็นบ้านที่มีกำแพงอิฐสีเขียวอมเทา นั่นแหละคือบ้านเขา!"
เจียงอวี้เข้าใจในทันที และเขาได้หยิบเศษเงินออกมาให้เด็กเลี้ยงแกะ
“ขอบใจมาก!”
เด็กชายรับเงินด้วยความดีใจ รู้สึกเหมือนโชคหล่นใส่จากฟ้า แค่บอกทางทำไมถึงให้เยอะขนาดนี้นะ?
เจียงอวี้ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเด็กชายก็ตามฝูงแกะของตัวเองไปเช่นกัน
เขามาถึงบ้านที่มีกำแพงอิฐสีเขียวอมเทาอย่างรวดเร็ว มองจากข้างนอกดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ เป็นแค่บ้านอิฐธรรมดาทั่วไป แต่สามารถมองเห็นกิ่งก้านของต้นท้อที่ปลูกอยู่ข้างในยื่นออกมาได้อย่างชัดเจน
ซูเฉินมาถึงเหมืองก่อนเที่ยง เขาได้ยินเสียงเครื่องมือเหล็กกระทบหินดังสนั่นจากการขุดเจาะตั้งแต่ที่ตีนเขาเลย
เขาเดินทางมายังเหมืองแร่อย่างคล่องแคล่วและตรงไปยังที่ที่แม่ซูกำลังทำอาหารอยู่
แม่ซูกำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารกลางวันให้คนงานพร้อมกับผู้หญิงอีกสองคน จนไม่ได้สังเกตเลยว่าลูกชายคนที่สามของนางมาหา
"ท่านแม่!"
ตอนที่ซูเฉินเรียก แม่ซูยังไม่แน่ใจ จนกระทั่งเขาเดินมาใกล้ๆ ถึงได้จำได้
"อาเฉิน เจ้ามาได้อย่างไรกัน?"
"ท่านแม่ หวานหว่านให้ข้ามาพาท่านกับท่านพ่อกลับบ้านขอรับ" ซูเฉินตอบตามความจริง
"กลับทำไม? ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?" แม่ซูถูกตามตัวกลับบ้านโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็เลยคิดว่าที่บ้านมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ซูเฉินรีบอธิบาย เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ซูหว่านทำที่บ้านในช่วงที่ผ่านมาให้แม่ซูฟัง
รวมถึงเรื่องที่นางหาเงินได้เท่าไร และเรื่องที่ได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว อีกทั้งนางยังคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการหาเงินได้อีก ดังนั้นจึงให้เขามาพาพ่อกับแม่กลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องทำงานอีกแล้ว
"ท่านแม่ หวานหว่านบอกว่า ท่านกับท่านพ่อตรากตรำมาครึ่งค่อนชีวิต ถึงเวลาที่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ที่เหมืองอันตรายและลำบาก ตอนนี้พวกเราสามารถหาเงินได้แล้ว ท่านกับท่านพ่อก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขเถอะขอรับ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...