"แต่ว่า พี่ใหญ่ของเจ้าต้องใช้เงินจำนวนมากในการสอบขุนนางปีหน้า เงินเก็บของข้ากับพ่อเจ้าเอาไปใช้หนี้หมดแล้วก็เหลือเก็บอยู่ไม่กี่สิบตำลึงเองนะ แล้วเงินที่พวกเจ้าหามาได้น่ะ พอหรือเปล่า?"
ที่แท้พ่อซูกับแม่ซูยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่มากนัก พวกเขากะว่าจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกชายคนโตใช้เดินทางไปสอบขุนนาง ส่วนเรื่องเงินกู้นอกระบบในเนื้อเรื่องเดิมของนิยาย คาดว่าน่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้จนหมด ทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ และต้องทำงานอยู่ที่เหมืองแร่ทั้งวันทั้งคืนจนเกิดเรื่องขึ้น
ตอนนี้ซูหว่านได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ทางอ้อมแล้ว ดังนั้นเนื้อเรื่องเดิมก็เลยเปลี่ยนไป
นางช่วยชีวิตเจียงอวี้ไว้ และเจียงอวี้ก็เลือกตอบแทนนางตามแนวทางที่นางชี้นำ ไม่เหมือนในเนื้อเรื่องต้นฉบับที่เขาแทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนางเอกอย่างกู้เย่ว์เลย หลังจากอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาก็จากไป โดยทิ้งไว้เพียงหยกชิ้นหนึ่งที่มีมูลค่าสูงกับความรู้สึกติดค้างในบุญคุณที่ได้รับความช่วยเหลือเท่านั้น ไม่มีการชดเชยอื่นใดอีก
ซูเฉินจำใจต้องเล่าเรื่องที่ช่วยชีวิตเจียงอวี้เอาไว้ ให้แม่ซูฟัง และยังเล่าถึงเรื่องที่เจียงอวี้ก็ได้มอบเงินก้อนโตเป็นการตอบแทนให้ด้วย
"หนึ่งร้อยตำลึง? เยอะเกินไปไหม!"
แม่ซูได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะให้ค่ารักษาพยาบาลมากมายขนาดนี้ ช่างใจกว้างจริงๆ
เงินจำนวนนี้สามารถแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสอบขุนนางของซูจิ่งได้ทันที
"ตอนแรกเขาให้สองร้อยตำลึง แต่พี่รองไม่เอาขอรับ เขาคิดว่าค่ารักษาพยาบาลไม่ได้มากมายขนาด" ซูเฉินอธิบายเพิ่มเติม
"ที่พี่รองเจ้าทำน่ะถูกแล้ว ถึงแม้เราจะช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทวงบุญคุณอะไรหรอกนะ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ข้าคงต้องไปถามความเห็นจากพ่อเจ้าก่อน เจ้าไปนั่งรอทางโน้นก่อนนะ ข้าขอทำงานตรงหน้าให้เสร็จก่อนแล้วจะไปคุยกับเจ้าอย่างละเอียดๆ อีกที"
แม่ซูเป็นคนมีความรับผิดชอบอย่างมาก แม้ว่าจู่ๆ จะร่ำรวยขึ้นมา แต่นางก็ไม่เคยอู้งานที่ต้องทำเลย
ซูเฉินไปรออย่างว่าง่าย จนกระทั่งพ่อซูเลิกงาน และกินข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้ดึงตัวพ่อซูและแม่ซูมาคุยเรื่องนี้ต่อ
ปฏิกิริยาของพ่อซูก็เหมือนกับแม่ซู ทั้งสองคนต่างคิดว่าที่ถูกตามกลับบ้านอย่างกะทันหันนั้นเป็นเพราะที่บ้านเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
ซูเฉินเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง แถมยังเน้นย้ำเป็นพิเศษว่านี่คือความกตัญญูของซูหว่าน
เรื่องนี้ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกละอายใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยเลี้ยงดูบุตรสาวแท้ๆ เลย ซ้ำยังจากไปตั้งแต่วันรุ่งขึ้นหลังจากที่นางกลับมา โดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของนางเลยแม้แต่น้อย
ทั้งคู่ไม่มีความผูกพันใดๆ กับนางเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะแสดงความรักต่อลูกสาวอย่างไรดี
จู่ๆ ก็ได้รับข่าวว่าลูกสาวที่เลี้ยงมานานกว่าสิบปีไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นใครก็ยากที่จะยอมรับได้ในทันที
พ่อซูเป็นคนจริงจังกับเรื่องต่าง ๆ มาก ทำอะไรก็ต้องทำให้ตลอดรอดฝั่ง จะไม่ทิ้งงานไปง่าย ๆ อย่างไม่รับผิดชอบ
อยู่ที่เหมืองนี้มาหลายปีแล้ว ก็คุ้นเคยกับคนคุมงาน การจะจากไปก็ควรบอกกล่าวกับเขาเสียหน่อย
ซูเฉินก็เห็นด้วยว่ามีเหตุผล อีกไม่เกินสิบกว่าวันก็จะครบกำหนดแล้ว เขาจึงเห็นชอบกับการกระทำของพ่อแม่
ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าจะกลับไปก่อนนะขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ทำงานให้เสร็จเดือนนี้แล้วก็กลับบ้านมานะขอรับ!"
"อืม พี่ใหญ่กับพี่รองของเจ้าก็ไม่อยู่บ้าน เจ้าเป็นพี่คนโตของบ้านนะ ต้องดูแลหว่านหว่านให้ดี อย่าให้นางทำทุกอย่างคนเดียว เป็นพี่ก็ต้องรู้จักแบกรับภาระหน้าที่บ้าง"
ก่อนที่ซูเฉินจะจากไป พ่อซูได้กำชับซูเฉินเป็นพิเศษอีกด้วย
ซูเฉินพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ลงจากเขาเพื่อกลับหมู่บ้าน เขาต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านก่อนฟ้ามืด
บริเวณนี้ค่อนข้างเปลี่ยว พอตกกลางคืน พวกสัตว์ป่าจะมีเยอะมาก เขาไม่ได้นำอาวุธติดตัวมาด้วย แค่พึ่งพากำลังหมัดและเท้าอย่างเดียวก็ยังไม่น่าไว้วางใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...