...
ไม่นานหลังจากนั้น เจียงอวี้ก็กลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากลับมาก็เห็นซูหว่านกำลังสระผมอยู่ในลานบ้าน
นางใช้สบู่สระผมที่ทำเอง ซึ่งให้ความรู้สึกที่ดีเลยทีเดียว
ฟองเยอะมากและเนียนนุ่ม กลิ่นก็พอใช้ได้ เทียบกับแชมพูที่ผลิตด้วยกระบวนการทางเคมีในยุคปัจจุบันแล้ว กลิ่นคงห่างชั้นกันเยอะ ไม่สามารถทำให้เหมือนกันเป๊ะๆ ได้ แต่ยังไงก็ดีกว่ากลิ่นของจ้าวเจี่ยวเยอะเลย
นางเพิ่งเช็ดผมเสร็จ ผมยาวๆ ที่เปียกชุ่มห้อยลงมาบนไหล่ ทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกเป็นวง มีรอยน้ำเปื้อนชัดเจน
"ท่านไปที่ใดมาหรือ?" ซูหว่านเห็นเขากลับมาก็เอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ
"แถวๆ นี้แหละ เดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทำอะไรหรอก!" เจียงอวี้ตอบแบบอ้อมแอ้ม
ซูหว่านก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร เพราะนางรู้ว่าเขาไปหานายพรานเจียง
เมื่อวานตอนเช้า ที่เขาจงใจสอบถาม นางก็รู้แล้วว่าเขาจะไปหานายพรานเจียง ทั้งสองคนน่าจะพบกันเรียบร้อยแล้ว
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ จะว่าอย่างไรดีล่ะ... ตาของเจียงอวี้เป็นเจ้าสำนักผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ เขามีศิษย์เอกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือนายพรานเจียงนี่แหละ และเขากับแม่ของเจียงอวี้ยังเป็นคู่รักสมัยเด็กกันด้วย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ลงเอยกัน แม่ของเจียงอวี้เลือกคนอื่นไป ส่วนนายพรานเจียงในเรื่องราวนี้จัดอยู่ในประเภทพระรอง ที่รักแต่ต้องจากพราก และปรารถนาแต่ไม่ได้ครอบครอง
เพราะหญิงสาวที่เขารักเสียชีวิตไป ทำให้เขาทำใจไม่ได้ จึงเลือกที่จะปลีกตัวไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในชนบท ส่วนทางเจียงอวี้เองก็เจอเรื่องยุ่งยาก เลยอยากจะเชิญเขาให้ออกมาช่วยเหลือ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวคราวของลุงท่านนี้เลย ค้นหาเท่าไรก็ไม่พบ จนกระทั่งได้เบาะแสบางอย่าง และตามเบาะแสไปจนถึงอำเภอชิงเหอ แต่ดันพลัดหลงและถูกศัตรูตามล่า
นี่จึงเป็นที่มาของเนื้อเรื่องต่อมา และทำให้เขาได้มาพบกับนางเอก
เพียงแต่ตอนนี้คนที่ถูกกำหนดไว้ถูกเปลี่ยนเป็นซูหว่าน ทำให้เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง
เรื่องราวของเจียงอวี้กับกู้เย่ว์ไม่ได้เชื่อมโยงกัน ทำให้ซูหว่านไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานกู้เย่ว์ก็จะได้พบกับพระเอกแล้ว การเปลี่ยนแปลงในเส้นเรื่องของเจียงอวี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา เพราะในนิยายต้นฉบับช่วงแรก ทั้งสองคนเคยเจอกันแค่สองครั้งและไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารกันมากนัก
แม้ตอนนี้นางจะยังไม่ถึงขั้นเป็นที่รักยิ่งของพวกพี่ชาย แต่ในใจของพวกเขาต่างก็มองว่านางเป็นคนในครอบครัวไปแล้ว ดังนั้นในอนาคต หากนางมีข้อพิพาทที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับกู้เย่ว์ และกู้เย่ว์ใช้รัศมีของนางเอกหรืออิทธิพลของพระเอกมาบีบนาง พวกพี่ชายก็คงไม่นิ่งดูดายแน่นอน สิ่งที่นางต้องทำก็แค่ไม่กระทำเรื่องที่เลวร้ายก็พอ
"อากาศเย็นแล้ว ควรเช็ดผมให้แห้งนะ จะได้ไม่เป็นหวัด"
เจียงอวี้เห็นผมของนางยังคงมีน้ำหยดอยู่ ประกอบกับสภาพอากาศที่ไม่ค่อยอบอุ่นในตอนนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนให้นางระวัง
ซูหว่านรู้สึกหนาวจริง ๆ ลมพัดมาทีไรก็รู้สึกมึนหัวไปหมด
ในฐานะศิษย์ ก็ย่อมมีกลิ่นอายบางอย่างของอาจารย์ติดตัวมาบ้างไม่มากก็น้อย
ซูหว่านใช้ช่วงเวลาที่รอน้ำเดือดพิงขอบประตูมองเขาร่ายรำดาบ เจียงอวี้เหลือบไปเห็นนางกำลังมองเขารำดาบไม่วางตา เขาก็ยิ่งออกแรงรำดาบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาอาจจะหลงตัวเองอยู่บ้าง ความรู้สึกแบบนั้นจะพูดอย่างไรดีล่ะ เอาเป็นว่าเขาชอบปฏิกิริยาแบบนี้ของซูหว่านมากก็แล้วกัน
ซูหว่านที่เป็นคนต้นเรื่องไม่ได้คิดเลยว่าการแสดงออกทางจิตใจของจอมยุทธ์เจียงจะเป็นแบบนี้ นางก็แค่เป็นคนยุคใหม่ที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนก็เท่านั้นเอง
ฉากแบบนี้ที่มักจะปรากฏแค่ในละครโทรทัศน์ ท่าทางแบบงูๆ ปลาๆ ที่จัดฉากขึ้นนั้น เทียบไม่ได้เลยกับมืออาชีพตัวจริงแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าสู้ไม่ได้เลย
ดูฝีมือการร่ายรำดาบของเขาสิ พลิ้วไหวราวกับสายน้ำ และยังได้ยินเสียงลมที่เกิดจากคมดาบได้อย่างชัดเจน
การแสดงของมืออาชีพที่ได้ดูฟรีๆ แบบนี้ ไม่ดูถือว่าพลาด
ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งกายของเจียงอวี้ รวมถึงผมหางม้าสูงของเขา ทำให้ภาพลักษณ์ของจอมยุทธหนุ่มผู้ทะนงองอาจและรักอิสระในนิยาย ดูราวกับหลุดออกมาสู่ความเป็นจริง
นางอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเจียงอวี้ไปแสดงตามท้องถนน คงจะได้รับเงินรางวัลไม่น้อยเลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...