อ่านสรุป บทที่ 1 จาก ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย
บทที่ บทที่ 1 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 1
“โปรดฟ้าคุ้มครองให้ตระกูลหลี่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ไร้ความเสื่อมถอยใดๆ ให้ลูกให้หลานทั้งหมดต่างก็ประสบความสำเร็จด้วยเถิด!” นายท่านหลี่คำนับก่อนจะปักธูปลงไปในกระถางธูป
วันนี้เป็นการชุมนุมประจำปีของตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงโจวซึ่งจะจัดปีละหนเท่านั้น ในงานชุมนุมเองก็มีคนนับร้อยมาพบปะพูดคุย จนเสียงดังเซ็งแซ่ ดูแล้วปลุกใจให้ฮึกเหิม
พลันมีบุคคลระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลหลี่ลุกขึ้นเดินออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานว่า : “สวัสดีทุกๆ ท่าน การที่พวกเราตระกูลหลี่จะมาถึงจุดนี้ได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะโชคเพราะบุญวาสนาของผู้นำตระกูล เพราะฉะนั้นวันนี้โปรดชนรุ่นหลังทุกท่าน ได้มอบของขวัญให้กับผู้นำตระกูลของเรา เพื่อเป็นการแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลด้วย!”
หลังจากพูดจบ ก็มีหลายสิบคนที่ต่างหยิบของขวัญของตัวเองออกมา แล้วเข้ามายืนต่อแถวรอมอบของเป็นลำดับ
แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเงาของคนๆ หนึ่งพุ่งออกมาจากประตูบ้านพักตระกูลหลี่ด้วยสีหน้าที่ร้อนรน แถมตามร่างกายก็ยังมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไม่น้อยเลยอีกด้วย
ไป๋ยี่เฟยเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ ในสายตาของคนอื่นนั้น ไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่ทั้งวันไม่ยอมทำอะไร เอาแต่เที่ยวเล่น แถมยังอาศัยเกาะกินอยู่อาศัยบ้านของตระกูลหลี่ฟรีๆ อีกด้วย
“ทำไมถึงเพิ่งมากัน!” หลี่เสว่รีบดึงไป๋ยี่เฟยเข้ามากระซิบถาม เพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นในตระกูลเห็นเขาในสภาพนี้เข้า
ไป๋ยี่เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดว่า : “คือ...น้องสาวผมเกิดอุบัติเหตุน่ะครับ แล้วต้องการเงินสามแสนเพื่อเป็นค่าผ่าตัดด่วนเลย!”
แต่ยังไม่ทันที่หลี่เสว่จะได้พูดอะไร หลิวจื่อหยุนที่เป็นแม่ยายของไป๋ยี่เฟยก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน : “น้องสาวเกิดอุบัติเหตุงั้นหรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรากันล่ะ? จะเรื่องอะไรต้องดูให้เหมาะสมด้วยว่ามันเร่งด่วนหรือเปล่า แล้วซื้อของขวัญมาหรือเปล่าล่ะ? รีบๆ เอาไปมอบให้นายท่านหลี่ได้แล้ว”
“แม่ครับ ผม...ผมเอาของขวัญราคาสามหมื่น...ไปสำรองจ่ายที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ!” ไป๋ยี่เฟยพูดจบ ก็ก้มหน้าลงทันที
“นี่พูดว่าอะไรนะ?” พลันสีหน้าของหลิวจื่อหยุนเปลี่ยนเป็นมืดทึบลงทันที : “นายนี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ นะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง แล้วใครอนุญาตให้นายเอาเงินที่ใช้ซื้อของขวัญไปใช้อย่างอื่นกัน?”
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงพูดลากยาวออกมา : “ขอเชิญหลี่เสว่แห่งตระกูลหลี่และลูกเขยตระกูลหลี่ ไป๋ยี่เฟยมอบของขวัญอวยพรให้กับนายท่านหลี่ได้!”
พอพูดจบ สายตาของทุกคนก็หันมามองที่ไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? งานชุมนุมประจำปีที่น่ายินดีแบบนี้ ทำไมถึงมีรอยเลือดเต็มตัวแบบนั้น?”
“ช่างไม่มงคลเอาเสียเลย!”
ไป๋ยี่เฟยก็พยายามฝืนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนายท่านหลี่ : “คุณปู่ครับ คือผม...ผมอยากจะขอยืมเงินสักหน่อยได้ไหมครับ พอดีน้องสาวของผมเกิดอุบัติเหตุ แล้วต้องการเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปรักษาอย่างเร่งด่วนน่ะครับ...”
เสียงที่ดูปีติยินดีจากทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งสีหน้าของคุณปู่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปอึมครึมลงอย่างช้าๆ
พลันทั่วทั้งลานขณะนั้นก็เงียบลงทันที เงียบเสียจนรู้สึกน่ากลัวขึ้นมาเลย
หลิวจื่อหยุนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ยี่เฟยก่อนจะเหวี่ยงมือตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างจัง
“คนไร้ค่าอย่างนายพูดอะไรออกมากัน? วันนี้เป็นวันชุมนุมของตระกูลนะ! มาพูดเรื่องอุบัติเหตุกับผ่าตัดอะไรตอนนี้ มันไม่มงคลเอาเสียเลย!” หลิวจื่อหยุนเธอรังเกียจไป๋ยี่เฟยมาตลอด เธอรู้สึกว่าการมีลูกเขยที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ทำให้ไม่ว่าตัวเองจะเดินไปที่ไหนก็ตามแต่ ก็ไม่อาจที่จะเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิได้เลย
โดยที่ไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยได้ตอบ หลี่ฝานก็เดินออกมา พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก : “นี่อยากจะให้ทั้งตระกูลต้องขายขี้หน้าด้วยหรือไง? ไม่มีเงินที่จะไปซื้อของขวัญใช่ไหมล่ะ? ทำไมต้องเอาเรื่องน้องสาวมาพูดเล่นแบบนี้ด้วย?”
หลี่ฝานเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหลี่เสว่ แถมยังเป็นหนุ่มที่มีตำแหน่งไม่ธรรมดา ของตระกูลหลี่รุ่นที่สามด้วย
“คุณปู่ครับ เป็นเพราะผมไม่ดีเองล่ะครับ คือ...คือว่า ตอนที่น้องสาวไปช่วยเลือกของขวัญกับผม ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ นะครับ แล้วต้องการค่าผ่าตัดสามแสนด่วนที่สุดเลยครับ” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างรู้สึกผิด
“นี่นายจะโทษคุณปู่ เรื่องที่น้องสาวนายเกิดอุบัติเหตุงั้นหรือไง?” หลี่ฝานมองไปที่เขาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ ซึ่งพอนายท่านหลี่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็มืดทึมลง จนดูน่ากลัวทันที
“ไม่ๆๆ ไม่นะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือผม...ผมก็แค่อยากจะขอร้อง ยืมเงินสามแสนจากคุณปู่สักหน่อยน่ะครับ!” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
พอได้ยินว่าไป๋ยี่เฟยยังคงพูดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอยู่ หลิวจื่อหยุนก็รีบรุดไปตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย ก่อนจะผลักเขาเต็มแรง “นี่ยังไม่ยอมไสหัวไปให้พ้นอีกหรือไงเจ้าคนไร้ค่า?” หลิวจื่อหยุนพูดด้วยสีหน้าที่อึมครึม : “ทุกคนขายขี้หน้าก็เพราะนายหมดแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยถูกผลักจนเซถอยหลังไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมจากไปไหน อีกทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อใจ : “แม่ครับ น้องสาวของผมรอผมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ หากไม่มีเงิน น้องสาวของผมก็ทำการผ่าตัดไม่ได้ อาจจะถึงขั้นตายได้เลยนะครับ!”
หลิวจื่อหยุนก็พูดด้วยอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบไปที่โรงพยาบาลสิ จะมามัวอึ้งอยู่ที่นี่ทำไมกัน? แล้วก็อย่ามาวุ่นวายให้งานชุมนุมตระกูลของพวกเราวันนี้เสียด้วย!”
“ไม่ต้องพูดให้เสียเวลาแล้วล่ะค่ะแม่! พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวหนูคิดหาวิธีเอาเอง” ในที่สุดหลี่เสว่ก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงรีบสาวเท้ายาวไปหาไป๋ยี่เฟยทันที
ส่วนนายท่านหลี่ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง ก็ไม่อยากที่จะสนใจไป๋ยี่เฟยเลยแม้แต่นิด เขาโกรธเสียจนหันหลังเดินออกจากโถงใหญ่ไปทันที
หลี่ฝานหันไปมองหลี่เสว่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “วันนี้สามีสุดที่รักของเธอทำตัวน่าขายหน้าเหลือเกินนะ แต่ดูจากสภาพของเธอแล้ว การจะหาเงินสามแสน คงจะยากเย็นเลยล่ะสิใช่ไหม? อยากให้พี่คนนี้ช่วยพวกเธอหน่อยไหมล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเป็นพระคุณขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอย่างพี่ชายคนนี้ จะยอมให้เขายืมเงินได้
แต่หลี่ฝานก็พูดขึ้นต่อทันที โดยไม่รอให้ไป๋ยี่เฟยได้เปิดปากพูด : “แค่ไป๋ยี่เฟยต้องมาคุกเข่าให้พี่ต่อหน้าทุกคน แล้วก้มลงคำนับพี่สามครั้ง ถึงจะสามารถยืมเงินจากพี่ได้!”
“พี่หลี่ฝาน พี่ทำเกินไปแล้วนะ!” พอได้ยินแบบนั้น หลี่เสว่ก็โมโหขึ้นมาทันที
ในสายตาของหลี่เสว่ ถึงแม้ว่าไป๋ยี่เฟยจะดูไร้ประโยชน์อย่างไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นสามีของเธอ เธอไม่มีทางให้คนอื่นมาดูถูกดูแคลนเขาได้ง่ายๆ แน่นอน
เพียงแต่ สิ่งที่หลี่ฝานพูดเองก็ไม่ผิด ตอนนี้บริษัทของเธอกำลังพบกับอุปสรรค จนแทบจะขาดทุนจนเกือบหมด ทำให้ไม่สามารถจะหยิบยืมเงินสามแสนออกมาได้จริงๆ
พอได้ยินแบบนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ยืนอึ้งไปทันที!
ผ่านไปอยู่นาน กว่าที่ไป๋ยี่เฟยจะได้สติกลับคืนมา ก่อนเขาจะพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า : “เอ่อ คุณอาครับ คุณน่าจะจำผิดคนแล้วนะครับ ผมมีพ่อมีแม่อยู่แล้วนะครับ”
ไป๋หยุนเผิงมองมาที่ไป๋ยี่เฟยอย่างเมตตาและอ่อนโยน : “พ่อรู้ว่าลูกต้องไม่เชื่อแน่ๆ นี่ไงล่ะ ที่เป็นหลักฐานว่าพ่อกับหลิงเอ๋อเป็นครอบครัวเดียวกัน แถมยังมีภาพผ้าอ้อมของพวกลูกด้วยนะ โดยเฉพาะปานที่อยู่ด้านหลังนั่นน่ะ ตอนแรกที่พ่อพาพวกลูกไปส่งน่ะ พ่อแทบขาดใจเลยนะรู้ไหม”
พอเห็นว่าไป๋หยุนเผิงเตรียมเอาข้อมูลมาอย่างดี ในใจของไป๋ยี่เฟยก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เป็นเพราะเขายืนยันได้อย่างแน่นอนเลยว่า เด็กทารกที่อยู่ในภาพเหล่านั้น เป็นพวกเขาพี่น้องกันจริงๆ ส่วนคนที่อุ้มพวกเขาอยู่ ก็เป็นผู้ชายที่มีชื่อว่าไป๋หยุนเผิงที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาอยู่นั่นเอง
ต่อจากนั้น ไป๋หยุนเผิงก็หยิบเอาบัตรเอทีเอ็มสีม่วงเข้มออกมาใบหนึ่ง “เฟยเอ๋อ นี่เป็นบัตรคิงนะ ทั่วทั้งประเทศเสี้ยนี้ มีเพียงแค่ยี่สิบใบเท่านั้น และวันนี้พ่อก็เป็นคนเอามันมาให้กับลูก...ด้านในบัตรมีเงินอยู่สามร้อยล้านนะ”
ต่อจากนั้นไป๋หยุนเผิงก็หยิบแหวนออกมาวงหนึ่ง แล้วก็เอามันสวมเข้าที่นิ้วกลางของไป๋ยี่เฟย : “หากใช้แหวนอันนี้ ลูกก็จะสามารถไปขอเบิกเงินได้หนึ่งพันล้าน ทุกๆ ธนาคารในประเทศเสี้ยโดยไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมใดๆ ถือซะว่าเป็นการชดเชยให้ลูกแล้วกันนะ”
ตอนแรกก็สามร้อยล้าน มาตอนนี้ก็อีกพันล้านงั้นหรือ? ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นล่ะก็ ไป๋ยี่เฟยคงจะไม่มีทางเชื่อแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดที่ออกมาจากไป๋หยุนเผิงคนนี้ ถึงไม่มีความน่าสงสัยอยู่เลย
ต่อจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ยื่นนามบัตรใบหนึ่งมาให้ไป๋ยี่เฟย : “บัตรใบนี้มีเบอร์ของพ่ออยู่นะ อีกอย่างอาการบาดเจ็บของหลิงเอ๋อก็ดูสาหัสเอาการ พ่อกลัวว่าการรักษาของโรงพยาบาลนี้ คงทิ้งอาการตกค้างไว้แน่ ดังนั้นรอให้อาการของหลิงเอ๋อดีขึ้นกว่านี้ก่อน เดี๋ยวพ่อจะมารับเธอไปอยู่ด้วยเองนะ”
สำหรับข้อเสนอของไป๋หยุนเผิง นั้น ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ถ้าหากหลิงเอ๋อยังมีอาการหลงเหลืออยู่จริงๆ เขาคงต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่ๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ประตูของห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ พลันเขาก็เห็นร่างของไป๋ยี่หลิงที่ถูกมัดเอาไว้ทั้งตัว
ไป๋หยุนเผิงเห็นดังนั้นแววตาของเขาก็ร้อนผ่าว เขาโบกมือปัด บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขาเห็นแบบนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะยกมือถือขึ้นโทร เพียงไม่นานก็มีรถพยาบาลระดับสูงมารับตัวของไป๋ยี่หลิงไป
ส่วนไป๋ยี่เฟยที่มองดูอยู่นั้น ในใจของเขาก็เหมือนกับถูกยกหินที่ทับไว้ออกมาแล้ว!
ไป๋หยุนเผิงตบบ่าของไป๋ยี่เฟยเบาๆ ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินจากไปทันที
ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ยกมือขึ้นลูบบัตรที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา ก่อนจะรีบขับรถไปที่ธนาคารทันที! ถึงแม้ว่าไป๋หยุนเผิงจะไม่เหมือนกับพูดเล่นก็ตาม แต่ไป๋ยี่เฟยก็อยากที่จะไปพิสูจน์ดู ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือปลอมกันแน่
หลังจากผ่านไปสิบนาที ไป๋ยี่เฟยก็เดินออกมาจากธนาคาร ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้รู้สึกว่าขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ซึ่งเหตุผลมันก็ง่ายมากๆ เพราะบัตรใบนี้นั้น มีเงินอยู่สามร้อยล้านจริงๆ!
หลังจากที่พาตัวเองกลับมาบ้านอย่างทุลักทุเล ขณะที่ไป๋ยี่เฟยเพิ่งจะเดินมาถึงที่หน้าประตูบ้านนั้น เขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะโวยวายดังมากจากด้านใน
“นี่ลูกโง่หรือเปล่า วันนี้เจ้าคนไร้ประโยชน์นั่น ทำพวกเราตระกูลหลี่ขายหน้ากันหมด แล้วลูกคิดจะขายบ้านเพื่อเจ้านั่นอีกหรือ?” หลิวจื่อหยุนพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว พร้อมทั้งตะโกนออกมาเสียงดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่