สรุปตอน บทที่325 – จากเรื่อง ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย
ตอน บทที่325 ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดยนักเขียน เหมยปาเหย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่325
“ผู้อาวุโสหวังเชิญพูดมาเลยครับ” ไป๋ยี่เฟยรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
หวังไห่ไม่พูดอ้อมค้อม “ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ”
“ผู้อาวุโสหวัง หวังไห่ ประเมินผมสูงไปแล้วครับ” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ หวังไห่เป็นถึงประธานของสหพันธ์ธุรกิจ จำเป็นต้องให้โหวจวี๋ช่วยด้วยเหรอ?
หวังไห่ถอนหายใจ “เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเธออย่างเก็บไปคิดมากเลยนะ ฉันแค่อยากหาพวกพ้องสักคนที่ไว้ใจได้ ฉันเลยต้องทดสอบความสามารถของเธอ มันไม่ใช่เรื่องที่เกินไปใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจจุดประสงค์ที่เขาหวังไห่ทำแบบนั้น แต่เขาก็ยังติดใจอยู่เรื่องหนึ่ง “ทำไมผู้อาวุโสหวังถึงเลือกผมครับ?”
“ที่ฉันเลือกเธอก็เพราะว่าเธอขาวสะอาด” หวังไห่พูดออกมาตรงๆ “และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ร่วมมือกับใครอยู่ด้วย นี่เสี่ยวไป๋ เธอคงยังไม่รู้สินะ ถึงฉันจะเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจ ผู้ผิวเผินมันอาจจะดูดี แต่จริงๆ แล้ว ไม่รู้ว่ามีคนอีกเท่าไหร่ที่กำลังจ้องเก้าอี้ตัวนี้อยู่ พวกเขาพร้อมที่จะถีบฉันลงจากตำแหน่งทุกเมื่อ”
“รายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้มันไม่ต่างกับการคิดจะก่อกบฏในสมัยก่อนเลย เธอคิดว่าคนที่เป็นฮ่องเต้จะอยากให้คนอื่นมาปรารถนาในตำแหน่งที่ตัวเองกำลังครอบครองอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“ความหมายของผู้อาวุโสหวังคือ จะให้ผมช่วยเฝ้าบัลลังก์นี้เอาไว้ใช่ไหมครับ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
หวังไห่พยักหน้า “ฉันได้แสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วยการปกป้องโหวจวี๋เอาไว้ ต่อไปถ้าเราร่วมมือกัน โหวจวี๋จะต้องสามารถเหยียดขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกของเมืองได้แน่
ไป๋ยี่เฟยจ้องไปที่ หวังไห่ “แล้วผู้อาวุโสหวังต้องการต่อกรกับใครเหรอครับ?”
“สองตระกูล เย่ซื่อกรุ๊ปกับฟ่านจูหรู” หวังไห่ตอบ “แค่สองเจ้านี้เท่านั้น โดยเป้าหมายแรกคือตระกูลเย่”
“พอดีเลย เย่อ้ายของตระกูลเย่จ้องจะเล่นงานโหวจวี๋อยู่ตลอดแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอเองก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการจัดการกับหล่อนได้เหมือนกัน และยังมีเย่ฮวนอีกคน” ไป๋ยี่เฟยนึกถึงครั้งก่อนที่เย่ฮวนมาที่เมืองเทียนเป่ย ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะมาร่วมลงทุนกับโหวจวี๋ แต่เพราะความคาดหวังที่เย่ฮวนมีต่อหลงหลิงหลิง จึงทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจในการลงทุนไป และมันก็คงเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เย่อ้ายหันมาเพ่งเล็งโหวจวี๋แบบนี้
“เย่อ้ายเธอเป็น……” ไป๋ยี่เฟยถามเพื่อให้มั่นใจ
“น้องสาวของเย่ฮวน”
ใช่จริงๆ ด้วย!
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจสักที แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี “เย่ซื่อกรุ๊ปเป็นถึงอันดับหกของเมืองเลยนะครับ แล้วจะให้ผมที่เข้าอันดับสิบยังไม่ได้ไปต่อกรกับพวกเขายังไงไหวครับ?”
“ฉันก็อยู่ตรงนี้ไม่ใช่รึไง?” หวังไห่ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ถ้าเราร่วมมือกัน ก็สามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสหวัง การที่คุณต้องขอความร่วมมือจากคนอื่นเพื่อต่อกรกับตระกูลเย่แบบนี้ มันก็เท่ากับว่า คุณเพียงคนเดียวไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ ถ้าแม้แต่คุณยังไม่ไหว แล้วโหวจวี๋อย่างเราจะไปไหวได้ยังไงล่ะครับจริงไหม?”
“ผู้อาวุโสหวังครับ คุณประเมินผมสูงไปจริงๆ ผมในตอนนี้แม้แต่โหวจวี๋ยังแทบเอาไม่อยู่เลยครับ แล้วจะให้เอาความสามารถจากไหนไปทำเรื่องอย่างอื่นอีกเหรอครับ?”
จู่ๆ หวังไห่ก็ทำหน้าเคร่งขรึม “นี่เสี่ยวไป๋ เธอคิดว่าฉันไม่รู้รึไง? สถานการณ์ที่เห็นในตอนนี้เธอตั้งใจให้เป็นแบบนั้นต่างหาก ถ้าเธอคิดจะผ่านมันไปมันง่ายซะยิ่งกว่าง่ายเสียอีก”
ไป๋ยี่เฟยก็ทำหน้าจริงจังบ้าง หรี่ตาลง หวังไห่คนนี้ข้อมูลแน่นจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้เขายังรู้ เขาจำเป็นที่จะต้องระวังตัวมากกว่านี้แล้ว
“ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมรับปากคุณไม่ได้จริงๆ” ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธไปตรงๆ
หวังไห่ทำเสียงเข้ม “ไม่ลองคิดดูก่อนเหรอ? เธอควรรู้ไว้นะ การจัดการกับตระกูลเย่ มันก็เท่ากับจัดการเสี้ยนหนามของเธอไปด้วยในตัวนะ”
“เมื่อเสี้ยนหนามพวกนี้ถูกกำจัดไป ต่อไปตำแหน่งของโหวจวี๋ในเป่ยไห่ก็จะสูงตามไปด้วยเลยนะ จนอาจจะถึงขั้นไม่มีใครกล้าต่อต้านเธออีก พอถึงตอนนั้น ครอบครัวของเธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ จริงไหม?”
ฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็หรี่ตาลงแล้วรู้สึกลังเลขึ้นมา “แล้วผู้อาวุโสหวังต้องการให้ผมช่วยอะไรครับ?”
“ฮาๆ ……” หวังไห่หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ “ฉันคิดไว้ไม่มีผิด เสี่ยวไป๋เป็นคนที่ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแน่นอน คือแบบนี้ พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับไปแล้ว คืนนี้เย่อ้ายจะเลี้ยงส่งฉัน เธอเองก็มาด้วยกันนะ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเบาๆ “ผู้อาวุโสหวังครับ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ผมไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวสู่ภายนอกสักเท่าไหร่”
“มีฉันอยู่ทั้งคน มีอะไรต้องห่วง” หวังไห่พูดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยจึงต้องพยักหน้าตกลงไป
เย่อ้ายยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ เธอพยักหน้า แต่สายตาที่เธอมองไป๋ยี่เฟยมันค่อนข้างคลุมเครือ
ตอนแรกเธอคิดว่าไป๋ยี่เฟยสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แถมยังโง่อีกด้วย พอได้เจอกับซูต้าหลิวเธอก็เริ่มสงสัย หลังจากนั้น ภายใต้การกดดันจากบริษัทมากมายขนาดนี้โหวจวี๋ก็ยังสามารถอยู่รอดได้ มันดูไม่ปกติเอาซะเลย
ในตอนนั้น เธอก็ได้คาดการณ์ว่า ไป๋ยี่เฟยนั้นไม่ได้โง่ ทั้งหมดมันเป็นแผนที่เขาวางไว้ แค่เธอยังไม่มีหลักฐานและหาที่มาที่ไปของไป๋ยี่เฟยไม่ได้เท่านั้น เธอจึงยังตัดสินไม่ได้
แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างได้กระจ่างแล้ว
เบื้องหน้าไป๋ยี่เฟยอาจดูไม่มีอะไร แต่ในใจกลับรู้แล้วว่าหวังไห่วางแผนอะไรอยู่ ตอนเช้าบอกว่าอยากให้เขาช่วยจัดการกับเย่ซื่อกรุ๊ป แล้วบอกว่าตอนเย็นเป็นงานเลี้ยงส่ง แต่แค่สามคนเท่านั้น
หรือแค่ต้องการทำตัวเป็นมิตรกับเย่อ้าย เพื่อให้เธอลดการระวังตัวลง?
หวังไห่ได้สังเกตสีหน้าของทั้งคู่อยู่ จากนั้นเขาก็พูดกับบอดี้การ์ดของตัวเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไป ไปบอกให้เอาอาหารมาเสิร์ฟไปได้แล้ว”
แล้วเขาก็หันมาพูดกับคนทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่ “ที่เรียกพวกเธอมาวันนี้ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ฉันก็แค่อยากจะมาช่วยไกล่เกลี่ยเท่านั้น อย่าหาว่าฉันยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยนะ”
“ฉันรู้ดีว่าทั้งสองบริษัทกำลังมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ว่านะ ทุกคนต่างก็ต้องเติบโตก้าวหน้า การเข้าใจผิดกันแบบนี้มันไม่เป็นผลดีกับการเติบโตสักเท่าไหร่ ควรจะเดินหน้าไปด้วยกันสิ สามัคคีคือพลังนะ
“เรื่องที่เคยเกิดขึ้นก็ให้มันแล้วกันไป หลังอาหารมื้อนี้ก็ลืมๆ มันไปซะ!”
สิ้นเสียง ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
ไป๋ยี่เฟยได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก
เย่อ้ายเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่ท่าทางนั้นก็ดูไม่อยากจะดีกันเลยสักนิด
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศรอบๆ ก็ดูอึดอัดไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่