ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ นิยาย บท 552

สรุปบท บทที่552: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

บทที่552 – ตอนที่ต้องอ่านของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ตอนนี้ของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่552 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่552

ซินชิวที่อยู่ในบ้านทำเสียงฮึดฮัด “ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ? มันต้องใส่อารมณ์กันขนาดนี้เลยเหรอ?”

ซินชิวพูดไปก็พยายามหาทางเอาไหมพรมซ่อนเอาไว้ เขาถึงสามารถนั่งลงมาอย่างสบายใจได้

ความจริงในบ้านมันรกมาก ไม่มีทางดูออกเลยว่ามันเป็นบ้านพักที่แสนเรียบง่ายของยอดฝีมือที่อยู่ในป่าลึกแบบนี้

จื่ออีพุ่งเข้ามาในบ้านทันที ชี้ไปที่ซินชิวแล้วพูดว่า” ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เฒ่าคนนี้ออกโรงละก็ ตอนนี้ศพคงแข็งไปแล้วมั้ง!”

ซินชิวไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของจื่ออีเลย แล้วเขาก็หยิบกระดานหมากรุกออกมาจากตรงไหนไม่รู้ “มามามา มาเล่นกันตาหนึ่ง”

“เล่นกับผีแกสิ! ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย!” จื่ออีทำเสียงฮึดฮัด

ซินชิววางหมากรุกลงด้วยความเหลืออด “นี่ศิษย์น้อง เธอเป็นคนทำผิดกฎก่อนไม่ใช่รึไง?”

จื่ออีระเบิดแล้ว “เหลวไหล! ฉันเปล่าซะหน่อย!”

ซินชิวขำออกมา แล้วพูดออกมาอย่างสงบว่า “ฉันรู้ แถมเธอยังช่วยคนๆ หนึ่งเอาไว้ด้วย”

พูดจบ เขาก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “นี่ศิษย์น้อง เธอก็รู้นี่ว่าอาจารย์เคยเตือนพวกเราเอาไว้แล้ว ว่าห้ามให้คนนอกรู้ถึงการมีอยู่ของเราเด็ดขาด”

พอจื่ออีได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเธอก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา “แหะแหะ…ศิษย์พี่คะ พี่สามารถถักเสื้อได้ด้วย มันช่างน่ายกย่องจริงๆ ฮ่าฮ่า……”

ซินชิวทำเสียงเคร่งขรึม “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“ฮ่าฮ่า…” จื่ออีหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง “เรามาทำเหมือนไม่รู้อะไรเลยดีมั้ยคะ?”

พูดจบ สีหน้าของจื่ออีก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง “ดูลูกศิษย์ของพี่ให้ดีๆ แล้วกัน”

“ปั้ง!” ประตูถูกปิดลง

จื่ออีเดินออกจากบ้านไม้ไป

ซินชิวมองดูจื่ออีที่จากไป ดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบมือถือของตัวเองออกมา แล้วต่อสายออกไป “ฉีฉีบอกให้ศิษย์พี่ของแกเบามือลงหน่อย” ……

ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาระหว่างที่กำลังเจ็บอยู่

แผลที่อยู่กลางหลัง จนถึงความเจ็บที่อยู่ตรงหน้าอก ทำให้ใบหน้าของเขาย่นไปหมดแล้ว

พอลืมตาขึ้น แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่า ตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อเอาไว้ แถมตรงหน้าอกยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ด้วย

แถมห้องที่เขาอยู่ตอนนี้ มันกลับอยู่ในบ้านไม้ที่เขาได้รับการฝึกพิเศษเมื่อเดือนก่อน

ไป๋ยี่เฟยพยายามฝืนเปิดผ้าห่มออกด้วยความเจ็บปวด เพื่อที่จะลงจากเตียง

แต่ว่าแผลนั้นมันเจ็บเกินไป แค่เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย มันก็เจ็บจนขยับไม่ไหวแล้วพอมานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันแล้ว มันก็เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เสียงที่หวานแหววอันคุ้นเคยดังขึ้น

ไป๋ยี่เฟยตกใจทันทีที่คิดได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อ เขาจึงรีบเอาผ้าห่มขึ้นมาห่ม จากนั้นก็มองไปทางประตู

จื่ออีเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของในมือ พอเห็นท่าทางของไป๋ยี่เฟยแล้ว เธอก็ร้องชิออกมา “ฉันนี่แหละเป็นคนถอดเสื้อผ้าให้แก อะไรที่ควรมองไม่ควรมองฉันก็เห็นมันหมดแล้ว ยังจะปิดบังอะไรอีก”

ไป๋ยี่เฟย “……”

“” คุณ……ช่วยผมไว้เหรอครับ?” ไป๋ยี่เฟยข้างคำถามเมื่อกี้ไป

จื่ออีมองบน วางของลงบนโต๊ะ “ยังต้องถามอีกเหรอ?”

“บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฉัน ยังจะมีใครสามารถช่วยแกได้อีก?”

ไป๋ยี่เฟยชะงักไป ไม่รู้ทำไม จู่ๆ เขาก็นึกถึงฉินหัวขึ้นมา ฉินหัวบาดเจ็บหนักมาก ถึงจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่……ก็ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว

จื่ออีหยิบตะเกียบออกมาคู่หนึ่ง แล้วพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “กินก่อนค่อยว่ากัน”

เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้น ก็อยากยื่นมือออกไปหยิบข้าวกล่อง แต่แค่ขยับเบาๆ เขาก็เจ็บแผลจนเหงื่อไหลออกมา พอจื่ออีเห็นเข้า จึงได้ยื่นข้าวกล่องไปด้วยความมีน้ำใจ

“ขอบคุณครับอาจารย์”

จื่ออีนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ “ไม่ต้องมาทำตัวสนิทสนมเลย รีบๆ กิน กินเสร็จก็รีบไปซะ” ไป๋ยี่เฟยเปิดข้าวกล่องออก แล้วกินไปพูดไปว่า “อาจารย์ครับ แผลผมเต็มตัวไปหมดจะไปไหวได้ยังไงล่ะครับ?”

“มันไม่ถึงกับตายซะหน่อย ทำไมต้องทำเสียงอ่อยด้วย?” จื่ออีทำเสียงฮึดฮัด

ไป๋ยี่เฟย “……”

มันเป็นรถตู้ธุรกิจคันหนึ่ง ในนั้นมีคนนั่งอยู่เยอะมาก จนครบทุกคนแล้ว

เฉินห้าวเป็นคนขับ พอไป๋ยี่เฟยขึ้นรถมาจางหัวปินนั่งอยู่ข้างคนขับก็พูดขึ้นว่า “ตอนบ่ายผมได้โทรหาคุณแล้ว แต่ไม่มีคนรับ”

“มีเรื่องอะไร?” ไป๋ยี่เฟยถาม

จางหัวปินตอบกลับมาว่า “เจอตัวหลิ่วจาวเฟิงแล้ว แต่ จับเขาไว้ไม่ได้ครับ”

“ทำไมถึงจับไม่ได้ล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว หลิ่วจาวเฟิงไม่มีวิชาการต่อสู้อะไรเลย แต่คนเยอะขนาดนี้กลับจับหลิ่วจาวเฟิงคนเดียวไม่ได้เนี่ยนะ?

ไป๋หู่รีบพูดขึ้นมาว่า “เป็นความผิดของผมเองครับ ผมติดกับ มันเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ”

เมื่อตอนบ่าย ตอนที่เห็นหลิ่วจาวเฟิง ไป๋หู่กับสวีลั่งก็เฝ้าอยู่ตรงนั้นด้วย เหมือนคนฝั่งนั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเฝ้าอยู่ จึงได้วางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ

จางหัวปินพูดต่อว่า “ถึงหลิ่วจาวเฟิงจะหนีไปได้ แต่เราก็จับลูกน้องของเขาได้คนหนึ่ง คนๆ นั้นบอกว่าคืนนี้จะมีการเคลื่อนไหวครับ”

ไป๋ยี่เฟยรีบถามไปว่า “การเคลื่อนไหวอะไร?”

“อีกสามวันสวี่ชางจะกลับเมืองหลวงแล้ว แต่คนที่อยู่ในสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงไม่ต้องการให้เขากลับไป คืนนี้สหพันธ์ธุรกิจเมืองเป่ยไห่มีการจัดงานเลี้ยง พวกเขาจึงตั้งใจ……”

คำพูดต่อจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ทุกคนน่าจะเข้าใจดี

แต่มันก็เป็นสิ่งที่จางหัวปินเป็นกังวลเหมือนกัน “” งานเลี้ยงในคืนนี้มันถูกจัดขึ้นเพื่อน้องสะใภ้ เธอเป็นเจ้าของงาน ผมกลัวว่า……ผมถึงได้โทรหาคุณตลอด แต่คุณก็ไม่รับสายสักที เราจึงตัดสินใจมาที่เมืองเป่ยไห่ก่อนเลย”

พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที จากเมืองเทียนเป่ยมาที่เมืองเป่ยไห่นั้นต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า แต่พวกเขาใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าก็มาถึงแล้ว

พอฟังจบไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้ว “มันเป็นการลอบสังหารสวี่ชาง”

จางหัวปินพยักหน้า “ถูกต้อง แถมคืนนี้ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้จับหลิ่วจาวเฟิงด้วยครับ”

แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบมาพากล “ในเมื่อลูกน้องของหลิ่วจาวเฟิงถูกจับแล้ว แสดงว่าพวกเขาก็ต้องรู้แล้วสิว่าแผนที่วางไว้ถูกเปิดเผย แบบนี้พวกเขายังจะลงมืออีกเหรอ?”

“คือ……” จางหัวปินชะงักไปพักหนึ่ง

……

ท่าเรือเมืองเป่ยไห่ เรือสำราญลำใหญ่ลำนั้นยังคงจอดอยู่ที่เดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่