อ่านสรุป บทที่581 จาก ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย
บทที่ บทที่581 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่581
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองฉีฉีที่อยู่บนพื้นด้วยความเงียบ แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “ถ้าฉันฆ่าเธอ แล้วฉันจะต่างอะไรกับเธอและคนพวกนั้นล่ะ?”
นั่งลง ไป๋ยี่เฟยก็แตะไปที่หน้าฝากของฉีฉี ตัวร้อนมาก
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงเหงื่อที่ร้อนผ่าว คาดว่าไฟตรงปากถ้ำน่าจะยังไหม้อยู่ เขารู้สึกหนักใน
ไฟไหม้หยุดแล้ว เนื่องจากผนังถ้ำยังร้อนอยู่ คนพวกนั้นก็ยังไม่กล้าเข้ามา สิ่งที่เขากำลังกังวลก็คือ ควันจากไฟพวกนั้นต่างหาก มันจะทำให้อากาศภายในถ้ำถ่ายเทได้ไม่ดี พวกเขาจึงอาจติดพิษหรือขาดอากาศหายใจได้
แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่เป็นแบบนั้น
ไป๋ยี่เฟยแอบสบายใจขึ้นมาบ้าง จากนั้นเอาหยิบยาฆ่าเชื้อสองเม็ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เม็ดหนึ่งเขากินเอง ส่วนอีกเม็ดก็เอาให้ ฉีฉีกิน
แต่ทว่า ฉีฉีนั้นอาการหนักมาก เธอปิดปากของตัวเองอย่างสนิท เขาป้อนยังไงก็ป้อนไม่เข้า
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยก็หมดทางเลือก “เธอจะโทษฉันไม่ได้นะ”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ล้วงมือไปยังต้นขาส่วนในของฉีฉี จากนั้นก็หยิกลงไปที่เนื้ออย่างแรง
“อ้า!”
ฉีฉีเจ็บจนต้องกรีดร้องออกมา ไป๋ยี่เฟยจึงถือโอกาสนี้ป้อนยาเข้าไป
ความไม่สบายในลำคอ บวกกับความเจ็บปวดตรงต้นขา มันจึงทำให้ฉีฉีกลืนยาลงไปโดยอัตโนมัติ
ใครๆ ก็รู้ ว่าเนื้อตรงต้นขาส่วนในนั้นอ่อนที่สุด เมื่อโดนแบบนี้ความเจ็บที่ได้มันก็เท่าตัวเลย
ดังนั้นตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บนั้น เนื่องจากไข้ที่ขึ้นสูงมาก เธอจึงมองไป๋ยี่เฟยด้วยดวงตาที่ลืมขึ้นมาได้แค่ครึ่งเดียว
ดังนั้นยี่เฟยรีบอธิบายไปว่า “ฉันก็แค่จะป้อนยาให้เธอ แต่เธอไม่ยอมอ้าปาก ฉันจึงไม่มีทางเลือก”
“ฉัน……จะจำไว้” ฉีฉีพูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ
ไป๋ยี่เฟยสบถออกมาด้วยความรำคาญว่า “ฉันนี่แม่งไม่น่าช่วยเธอเลยจริงๆ!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ไม่สนใจฉีฉีอีก แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบๆ
เขาสังเกตเห็นว่าในนี้มีโคมไฟติดผนังอยู่เยอะมาก พวกมันสว่างอยู่ตลอดเวลา มันจึงทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า การที่ไฟยังสว่างอยู่มันจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า ถ้าไม่มีไฟฟ้าแล้วมันจะสว่างอยู่ตลอดได้ยังไง?
แต่เขาไม่ได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟจากในนี้เลย หรือต่อให้เป็นเครื่องปั่นไฟมันก็คงไม่ทำงานอยู่ตลอดหรอกมั้ง? ถ้าไม่มีเครื่องปั่นไฟ แล้วไฟมันยังสว่างอยู่ตลอดได้ยังไง?
ไป๋ยี่เฟยคิด ถ้าไม่มีของจำพวกเครื่องปั่นไฟ งั้นก็มีแต่ต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น
ในเมื่อต้องใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ มันก็ต้องมีดวงอาทิตย์ถึงจะถูก หรือก็คือ ในนี้จะต้องมีทางออกทางอื่นอยู่ด้วยแน่นอน
พอคิดได้แบบนั้น ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาเริ่มเดินหาไปทั่วทุกทิศ
แต่พอเขาเดินสำรวจไปรอบหนึ่งกลับไม่พบอะไรเลย
“ตู้ม!”
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นในถ้ำ ในเวลาเดียวกัน ตัวถ้ำก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยโยกเยกไปมา จากนั้นก็วิ่งไปยังทางเข้าที่ผ่านมาเมื่อกี้
ฉีฉีเองก็ยืนพิงกำแพงขึ้นมา แล้วพูดด้วยเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงว่า “พวกมัน……ระเบิดถ้ำแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเธอ มันเป็นคำพูดที่ไร้สาระไม่ใช่เหรอ? การกระทำนี่มันชัดเจนจะตายไป
เมื่อกี้ก็พูดไปแล้ว ถ้ำที่เพิ่งถูกไฟเผาไปอุณหภูมิมันสูงมาก อีกนานกว่ามันจะเย็นลง พวกเขาก็ลงมาไม่ได้ จึงเลือกที่จะระเบิดถ้ำทิ้ง
ต่อให้พวกไป๋ยี่เฟยจะไม่ถูกไฟคลอกตาย ไม่สำลักควันจนตาย พอปากถ้ำถูกปิดตายแบบนี้ พวกเขาก็ต้องถูกขังจนตายอยู่ข้างในอยู่ดี
ฉีฉีเลิกยันตัวเองกับผนังถ้ำแล้วทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง ปากถ้ำถูกปิดไปแล้ว พวกเธอต่างก็บาดเจ็บสาหัสแถมยังไม่มีเครื่องมือที่เอาไว้ติดต่อคนภายนอกอีก แล้วยังจะเหลือทางรอดอะไรอีก
แต่ในทางกลับกัน ไป๋ยี่เฟยก็เบาใจได้ระดับหนึ่ง เพราะเขารู้ว่ายังมีทางออก เขาจึงไม่กังวล ตอนนี้ปากถ้ำถูกปิดแล้วคนพวกนั้นก็จะไม่ลงมา เมื่อไม่ลงมาพวกเขาก็ไม่มีทางรู้ว่ามีทองคำมากมายถูกซ่อนไว้ในนี้
เมื่ออยู่ต่อหน้าความโลภและความปรารถนา คนเราก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ถ้าปล่อยให้คนพวกนั้นรู้ถึงการมีอยู่ของที่นี่เข้า ไม่อยากจะจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย
ผ่านไปสักพัก การสั่นสะเทือนก็หยุดลง น่าจะระเบิดเสร็จแล้วล่ะ
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองฉีฉีโดยที่ไม่พูดอะไร
ถ้าจะไปจากที่นี่น่ะมันได้ แต่ปัญหาคือ ทางออกอยู่ไหน?
“ได้สิ”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ฉีฉี แล้วให้เธอหนุนลงบนตัวเขา
ฉีฉีเริ่มพูดออกมาอย่างช้าๆ
“ตอนที่ฉันอายุสิบสาม เคยแอบหนีลงเขาไปเล่น พอกลับมาก็ถูกอาจารย์ตีไปรอบหนึ่ง ต่อมาอาจารย์ก็ท้องเสีย ท่านนึกว่าฉันวางยาท่าน แต่มันไม่ใช่เลย ฉันแค่จงใจเอาอาหารที่เสียแล้วไปให้ท่านกินเท่านั้น”
“แล้วเสื้อกันหนาวที่ฉันใส่ตอนฤดูหนาว ตอนแรกฉันก็นึกว่าอาจารย์เป็นคนซื้อมา แต่ฉันมารู้ทีหลังว่าท่านเป็นคนถักมันขึ้นมาเอง……”
“จริงด้วย ยังมี…”
พอไป๋ยี่เฟยฟังไปฟังมาก็เริ่มปวดหัวขึ้นมา “เดียวก่อน เดี๋ยวก่อน เราจะตายกันอยู่แล้ว เธอพูดเรื่องพวกนี้เนี่ยนะ?”
ฉีฉีชะงักแล้วขำออกมา จู่ๆ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ก็ได้ ความจริงฉันเป็นผู้ชาย”
“เหรอ งั้นความจริงฉันก็เป็นผู้หญิง” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
ฉีฉี “……”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของทั้งคู่นั้นไม่มีความน่าเชื่อถือเลย
ฉีฉีพูดออกมาอีกว่า “ฉันพูดไปเยอะขนาดนี้แล้ว ถึงตานายบ้าง”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป “ฉันรักภรรยาของฉัน”
ฉีฉีลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องเขม็งมาที่ไป๋ยี่เฟย “แล้วนายยังมาฉวยโอกาสแอบมองเรือนร่างของฉันทำไม?”
“ฉัน……” ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพูดบางอย่างออกไปโดยไม่คิดอะไร แต่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที “อ๋อ สรุปคือเธอรู้สินะ รู้แล้วจะทำไม? ฉันก็แค่ช่วยทำแผลให้เธอ เปลี่ยนชุดให้เธอ ไม่ได้ทำอะไรที่มันเลวทรามสักหน่อย”
“แต่นายมองเห็นเรือนร่างของฉันแล้วนี่!” ฉีฉีพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยเริ่มโกรธแล้ว “เห็นก็เห็นหมดแล้ว ทำให้ทำไงได้? อีกอย่างนะ หุ่นอย่างกับถั่วงอกอย่างเธอไม่มีอะไรน่าดูเลยสักนิด!”
สิ้นเสียง ไป๋ยี่เฟยก็ถูกฉีฉีผลักออก “ไสหัวไปเลย!”
โชคดีที่ข้างหลังเป็นผนังถ้ำ แต่ทันทีที่ฉีฉีออกแรงผลัก แรงที่มีอยู่ในร่างกายก็หมดไป โซเซไปมา ไป๋ยี่เฟยจึงรีบยื่นมือไปโอบไหล่เธอเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่