บทที่582
พอ ฉีฉีเห็นอย่างนั้น เธอก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ฉันไม่ได้โง่นะ นายตั้งใจทำให้ฉันสิ้นหวังแล้วหรอกถามข้อมูลจากฉันใช่มั้ยล่ะ?”
“นายน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฉันแอบใส่เครื่องติดตามไว้ในตัวนาย ตอนที่รู้ว่าตึกใหญ่ถูกทำลายนายก็ฉวยโอกาสนั้นเอามันออกไป แล้วทิ้งไว้ในห้องน้ำใช่มั้ยล่ะ?”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็อึ้งไปเลย แล้วสีหน้าก็จริงจังขึ้นมา
ฉีฉียังคงยิ้มอย่างไม่ชอบใจ “ฉันเคยได้ยินมาว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของนายนั้นสูงมาก การที่คนอย่างนายยังสามารถใจเย็นได้ในสถานการณ์แบบนี้ ก็แสดงว่านายหาทางออกเจอแล้วสินะ?”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมา “ความจริงเธอเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่ก็ชี้กังวลเกินไป”
“ใช่ ฉันยอมรับ ฉันได้เอาเครื่องติดตามออกมาแล้วจริงๆ ฉันแค่ไม่อยากให้มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกายเท่านั้น ขั้นตอนที่เอาออกมาก็ไม่เจ็บเลยสักนิด จริงๆ นะ!”
ฉีฉีมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ “นายคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบไม่พูด
ใช่ซิ ทำไมมันจะไม่เจ็บล่ะ?
ของสิ่งนั้นถูกงัดออกมาจากในเลือดเนื้อของเขาเลยนะ ยาชาก็ไม่มี ทำไมจะไม่เจ็บล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉีจ้องตากันอย่างเงียบๆ ไป๋ยี่เฟยมองเห็นความเย็นชาและความเจ้าเล่ห์ที่เขารู้สึกรังเกียจจากทางแววตาของฉีฉี
เนิ่นนาน จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็กดฉีฉีไปที่กำแพง แล้วยื่นมือไปปลดเสื้อผ้าของเธอ
ฉีฉีอึ้งไป จากนั้นก็เธอก็ขัดขืนพร้อมกับตะคอกออกมา “ไป๋ยี่เฟย นี่นายคิดจะทำอะไร?”
“ก็เผด็จศึกเธอไง!” ไป๋ยี่เฟยยังคงจัดการกับฉีฉีต่อ มือข้างหนึ่งยื่นไปฉีกเสื้อผ้าของเธอออก ไม่นาน เสื้อคลุมของฉีฉีก็ถูกโยนออกไป ไป๋ยี่เฟยหันไปถอดเสื้อของเธอต่อ
ฉีฉีมองดูความป่าเถื่อนที่อยู่ในแววตาของไป๋ยี่เฟย เธอใจหายวาบ แล้วความสิ้นหวังก็เข้ามาเยือนอีกครั้ง
“ไม่ ไม่นะ……” ฉีฉีขัดขืน และพยายามผลักไป๋ยี่เฟยออกไป
อย่างไรก็ตาม ไป๋ยี่เฟยก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถึงฉีฉีจะได้รับบาดเจ็บมากกว่าไป๋ยี่เฟยก็ตาม แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยได้ถอดเสื้อของฉีฉีออกมาแล้ว
“ไม่นะ!” ฉีฉีตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาได้ไหลลงมาตามร่องแก้ม
ทันใดนั้น ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็หยุดมือของตัวเอง เขาวางเสื้อของเธอลงแล้วเอาเสื้อคลุมที่ตกอยู่ตรงพื้นโยนใส่ตัวเธอ
ไป๋ยี่เฟยไปนั่งพิงอยู่ที่กำแพงที่อยู่ไม่ไกล แล้วไม่หันมาสนใจฉีฉีอีกเลย
ฉีฉีนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม โดยไม่ขยับเขยื้อนไปพักใหญ่ ผ่านไปสักพักเธอถึงได้พูดออกว่า “นายรู้ว่ามีทางออกอยู่ใช่มั้ย? นายรู้ใช่มั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ตอบ
ในตอนนี้ ความหวังของฉีฉีได้พังทลายลงไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
เธอตั้งใจศึกษาไป๋ยี่เฟยมาเป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนยังไง เมื่อกี้เธอจึงตั้งใจหลอกล่อไป๋ยี่เฟย
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือไป๋ยี่เฟยรู้ว่ามีทางออก รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ยังไง แต่ตอนนี้……ทุกอย่างมันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้เลย
แววตาของไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้ รวมทั้งการแสดงออก มันบ่งบอกชัดเจนว่าพวกเธอไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว
“นายบอกฉันมาสิ!” ฉีฉีคำรามออกมา พร้อมกับเสียงร้องไห้
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ “เธอเห็นทุกอย่างแล้วไม่ใช่รึไง?”
จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “เห็นแก่ที่เธอบาดเจ็บสาหัสอยู่ ฉันจึงปล่อยเธอไป ส่วนตอนนี้ ฉันจะนอนแล้วอย่ามารบกวนฉัน”
การหนีเอาตัวรอดของไป๋ยี่เฟยในวันนี้ มันทำให้เขาสูญเสียพลังกายไปเยอะมาก ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก บวกกับตอนนี้ที่นี่ไม่มีใครเลยนอกจากฉีฉี แต่เขาก็ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลย ดังนั้นเขาจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ฉีฉีเห็นว่าไป๋ยี่เฟยหลับไปแล้วจริงๆ แสงในแววตาของเธอก็ได้หายไปจนหมดสิ้น
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่ เขาตื่นขึ้นมาเพราะความหิวแท้ๆ
พอลุกขึ้นนั่ง เขาก็มองไปยังฉีฉีที่นั่งเหม่อลอยอยู่ บรรยากาศรอบตัวนั้นดูสิ้นหวังมาก
พอฉีฉีเห็นว่าไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาแล้ว เธอก็ถามขึ้นว่า “เราไม่มีทางออกจากที่นี่แล้วจริงๆ ใช่มั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าฉีฉี แล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “เธอเองก็น่าจะเห็นรอบๆ แล้วไม่ใช่เหรอ? เห็นว่ามีทางออกมั้ยล่ะ?”
พอได้ยินอย่างนั้น ฉีฉีก็เงียบไปทันที มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธออาศัยตอนที่ไป๋ยี่เฟยนอนอยู่ มองดูแล้ว และมองไม่เห็นทางออกจริงๆ
ความเงียบเกินขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ ฉีฉีก็พูดออกมาว่า “นายอยากรู้เรื่องอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่