บทที่ 594
เฉินอ้าวเจียวคิดว่าครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยจะหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่เพียงหลังเที่ยงคืนไป๋ยี่เฟยก็ตื่นเสียแล้ว
หลังไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาก็สงบลงอย่างมาก ไม่มีปฏิกิริยาอย่างที่เฉินอ้าวเจียวนึกไว้
เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และรู้ว่าตอนนี้ต่อให้โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์
เขาทำแค่ลุกขึ้นมานั่งอย่างสงบ พลางถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
“ตีสี่” เฉินอ้าวเจียวตอบ
สิ้นคำ ไป๋ยี่เฟยพลันตัวสั่นระริก กำหมัดตัวเองแน่นอย่างเงียบๆ
จากนั้นก็กัดฟัน ฝืนยิ้มออกมา “ฉันมันไร้ค่า”
เฉินอ้าวเจียวเข้าใจความรู้สึกเขาในตอนนี้ ตีสี่แล้ว จนป่านนี้สวีลั่งก็ยังไม่กลับมา นั่นเท่ากับว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว พวกเขาพบกับอันตรายแล้ว
เฉินอ้าวเจียวไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่กล่าวอย่างแห้งแล้งว่า “บางที อาจมีปาฏิหาริย์”
“เขาถนัดในการซ่อนร่องรอยของตัวเองที่สุด......”
พูดจบ เฉินอ้าวเจียวก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
เพราะพวกเขารู้ดีว่า ต่อให้สวีลั่งถนัดในการปิดบังร่องรอยเพียงใด อยู่บนทะเลที่กว้างใหญ่ มีแต่น้ำ ยังจะปิดบังร่องรอยของตัวเองได้ยังไงอีก?
ทั้งคู่ต่างฝืนยิ้มออกมา
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็กวาดตามองคนที่อยู่บนเกาะนี้ เขาเห็นหยางเฉียวนั่งอยู่ไกลๆ คอยจ้องมองทะเลอยู่ตลอด ภายในใจรู้สึกเจ็บปวด
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขายังพูดกับสวีลั่งว่า หากพวกเขาทำสำเร็จ ก็จะมอบโรงพยาบาลสักแห่งให้สวีลั่ง ทำให้พวกเขาสามารถตั้งตัวได้ พาตัวเองผ่านวันเวลาไปอย่างสงบสุข
แต่ตอนนี้......
ไป๋ยี่เฟยล้วงบุหรี่ออกมาโดยสัญชาตญาณ มองของที่ตัวเองขโมยมันมาจากสวีลั่ง เปิดดูอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ปิดไว้เหมือนเดิม
เฉินอ้าวเจียวเห็น ก็คิดจะคลายความรู้สึกในตอนนี้ของไป๋ยี่เฟยลงบ้าง จึงกล่าวว่า “ขอฉันสักมวนสิ”
“ไม่ กลับไปค่อยสูบ ฉันจะซื้อให้นายเอง” ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธ
เฉินอ้าวเจียวแปลกใจ
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่สนใจเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เดินโซซัดโซเซไปหยุดอยู่ข้างกายหยางเฉียว แล้วนั่งลง “ตรงนี้ลมแรง ไปตรงนั้นเถอะ”
หยางเฉียวยังคงจ้องไปทางทะเลเช่นเดิม ส่ายหน้าเบาๆ
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ในใจก็รู้สึกละอายอย่างยิ่ง กล่าวเสียงค่อยว่า “ฉันขอโทษ”
หยางเฉียวได้ยินก็รีบส่ายหน้าทันที มีปฏิกิริยาบ้างแล้ว “ไม่ใช่เลย พี่ใหญ่ไป๋ คุณขอโทษไปทำไม? ควรเป็นฉันกับน้องชายที่ขอบคุณคุณถึงจะถูก”
“พวกเรามีชีวิตที่ยากลำบากอยู่ในเมืองหลัน ทุกวันเอาแต่คิดเพ้อฝันว่าตนเองจะสามารถเก็บเงินได้มากพอ ซื้อตั๋วเรือสองใบกลับไปแผ่นดินใหญ่ได้”
“แต่ว่า พวกเราต่างก็รู้ดี นั่นเป็นเพียงความคิดเพ้อฝันอย่างหนึ่ง เป็นความฝันอย่างหนึ่ง พวกเราเก็บเงินทองเหล่านั้นไม่พอด้วยซ้ำ”
“แต่ว่า พอพี่ใหญ่ไป๋มา คุณพาพวกเราไปจากที่นั่น ทำให้ฝันของพวกเราเป็นจริง”
“ฉันควรจะขอบคุณคุณ ขอบคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่พวกเรา ฉันไม่มีทางลืมบุญคุณนี้ไปชั่วชีวิต ต่อให้คุณจะให้ฉันเป็นวัวเป็นม้า ฉันก็ยินดี”
หยางเฉียวที่รอคอยอยู่จู่ๆ ก็ร้องสะอื้นออกมา พลางถามว่า “พี่ใหญ่ไป๋ คุณว่า ฉันเป็นดาวหายนะหรือเปล่า?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป “ทำไมเธอคิดแบบนี้ล่ะ?”
หยางเฉียวสะอื้นเสียงเบา “ฉันทำให้พ่อแม่ต้องตาย ตอนนี้ยังมาทำให้พี่ใหญ่สวี......”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็เงียบไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหยางเฉียวเลย จะโทษตัวเองได้อย่างไร แต่ในเวลาแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรเหมือนกัน
เพราะว่า จนถึงตอนนี้ สวีลั่งก็ยังไม่กลับมา ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็ล้วนไร้หนทางเกลี้ยกล่อม
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยที่เห็นหยางเฉียวฝังหน้าลงกับหัวเข่าตัวเองสะอื้นไห้เบาๆ จึงได้แต่ยื่นมือออกไปลูบไหล่หยางเฉียวเบาๆ
......
ขอบฟ้าเริ่มมีสีขาวเหมือนท้องปลา ฟ้าสว่างแล้ว
ทว่า สวีลั่งก็ยังไม่กลับมา
ลูกเรือมองขอบฟ้า เริ่มร่ำไห้ เพราะกัปตันของพวกเขาก็ไม่กลับมาเช่นกัน
เวลานี้ เรือครูซยักษ์ลำหนึ่งได้ปรากฏสู่สายตาของพวกเขา
เรือครูซใหญ่กว่าเรือสำราญก่อนหน้านี้หลายเท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่