ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ นิยาย บท 603

สรุปบท บทที่ 603: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ตอน บทที่ 603 จาก ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 603 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ที่เขียนโดย เหมยปาเหย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 603

ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยชาว่า "คุณพูดสิ"

จงยู่ถิงรีบพูดขึ้นทันทีว่า "เชฟคะ เชฟสามารถช่วยอยู่เป็นเชฟที่ร้านของเราได้ไหมคะ? เชฟวางใจได้เลยค่ะ ว่าเรื่องราคาไม่ใช่ปัญหาอะไร จะให้เงินเดือนเชฟถึง 2 เท่าของเงินเดือนที่สูงที่สุดเลยนะคะ และยังสามารถให้เงินปันผลกำไรจากร้านอาหารให้ด้วยนะคะ เชฟว่าอย่างไรบ้าง?”

ไป๋ยี่เฟย "..."

ไป๋ยี่เฟยพวกเขาทั้ง 3 คน ต่างคนต่างมองหน้ากัน

ไป๋ยี่เฟยจนปัญญา เพราะที่พวกเขามานั้นก็เพื่อส่งมอบเงินให้จงยู่ถิงเท่านั้น นี่ทำจน แม้แต่คนก็ยังจะต้องส่งด้วยแล้วใช่ไหมเนี่ย?

เมื่อจงยู่ถิงเห็นท่าทางของพวกเขาแล้วคิดว่าหล่อนคงเสนอราคาต่ำเกินไป จึงพูดอีกว่า "กำไรร้อยละ20 "

ในเวลานั้นเอง พนักงานก็มาถึงห้องครัวและตะโกนพูดว่า "เถ้าแก่เนี้ย ลูกค้ามาอีกแล้วค่ะ"

เมื่อจงยู่ถิงเห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนกจนแทบจะไม่ไหว จึงรีบพูดขอร้องทันทีว่า "เชฟคะ ร้อยละ 30! ได้ไหมคะ?”

เมื่อพูดจบยังไม่ทันให้โอกาสไป๋ยี่เฟยปฏิเสธหล่อนก็รีบพูดขึ้นอีกว่า "นำเมนูมาให้ฉัน"

จากนั้นจงยู่ถิงจึงเดินออกจากห้องครัวไป

และห้องครัวก็เหลือเพียงไป๋ยี่เฟยพวกเขา 3 คนที่กำลังมองหน้ากันอยู่นั้น

จากนั้นหลี่เสว่ก็อดไม่ได้ที่จะ “พัฟ” ส่งเสียงหัวเราะออกมา ไป๋ยี่เฟยมองมาอย่างเอ้อระเหย หลี่เสว่ถึงได้อดกลั้นไว้ แล้วพูดแซวขึ้นว่า "ไม่งั้น พวกเราก็อยู่ต่อสิ?" ”

ไป๋ยี่เฟยไม่รู้จะทำอย่างไรดี "ที่รัก..."

หลี่เสว่ยิ้มพร้อมกับพูดว่า "จริงๆแล้วตอนที่คุณทำอาหารมันหล่อมากนะ"

ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่พอนึกอะไรบางอย่างออก ก็ถอนหายใจและพูดว่า "ผมอยู่บ้านทำมาตั้ง 2 ปีแล้ว ทำไมคุณถึงไม่พูดว่าผมหล่อล่ะ"

หลี่เสว่หยุดไปเล็กน้อย และนึกถึง 2 ปีนั้น หล่อนก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นหล่อนไม่ชอบไป๋ยี่เฟยหรือแม้กระทั่งเกลียดเลยก็เป็นได้ดังนั้นหล่อนจึงจงใจละเลยข้อดีของไป๋ยี่เฟยไป

ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าสีหน้าของหลี่เสว่ผิดปกติ เลยรีบยิ้มแล้วพูดว่า "ผมแค่ล้อเล่นน่ะ จากนี้คุณก็จะเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของผมแบบนี้ไปอีกนานเลยล่ะ?”

หลี่เสว่ได้ยินดังนั้นก็ถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย

สวีลั่งแสร้งทำเป็นไอ "ผมว่า เรามาทำอะไรที่นี่?"

......

เมนูคราวนี้จงยู่ถิงเป็นคนนำเข้ามาเอง

ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขาจึงรับงานเชฟใหญ่ไปชั่วคราว จากนั้นเขาก็ยุ่งจนถึง 5 ทุ่ม และในที่สุดความวุ่นวายเหล่านั้นก็ได้จบลง

จงยู่ถิงมีความสุขมากเพราะลูกค้าทุกคนในคืนนี้ไม่มีเลยสักคนที่ไม่ชมว่าอาหารอร่อย

หลังจากเสร็จสิ้นการทำอาหารจานสุดท้ายแล้วหลี่เสว่ก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเช็ดเหงื่อให้เขาทันที

ไป๋ยี่เฟยยิ้ม แล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมกับเดินออกจากโรงแรม และเดินมาถึงนอกหน้าต่างห้องครัวเพียงลำพัง

ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีเหล่าเชฟที่ต่างพากันตกตะลึงจนตาค้างยื่นอยู่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มีสีหน้าดีอะไร “ยังไม่ไปอีกเหรอ?”

เชฟเหล่านี้เฝ้าดูเขาทำอาหารมาตั้งแต่แรกแล้วและดูมาจนถึงตอนนี้

จากความตกใจในตอนแรกสู่ความเลื่อมใสอย่างไม่อาจทิ้งลงได้ในตอนนี้

ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด ต่างก็เลื่อมใสในความแข็งแกร่งกันทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยที่เก่งกาจขนาดนี้ทุกคนก็อยากจะเห็นมากขึ้น

เชฟอ้วนก็อยากเห็นจนไม่อยากจากไปไหน แต่ในเมื่อตอนนี้ไป๋ยี่เฟยได้ปรากฏตัวขึ้น กลับแสดงท่าทางดุร้ายขึ้นมาทันทีพร้อมกับพูดกับเชฟคนอื่นๆ ว่า "เราไปกันเถอะ!"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เชฟอ้วนก้าวไปได้เพียง 2 ก้าวเชฟคนอื่นๆ ต่างก็พากันคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋ยี่เฟย

“เชฟครับรับพวกเราเป็นศิษย์ด้วยนะครับ เชฟ”

ใน 3 ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เพียงพอแล้วที่พวกเขาจะเข้าใจว่าระดับของไป๋ยี่เฟยนั้นสูงกว่าเชฟอ้วนไม่ใช่แค่ 2 เกรด หากจะไหว้เป็นอาจารย์ แน่นอนว่าต้องไหว้เชฟใหญ่แล้วครับ!

ไป๋ยี่เฟยตะลึง

เมื่อเชฟอ้วนเห็นดังนั้นก็ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจ้องเขม็งไปที่พวกเขา "ไอ้พวกสารเลวคิดคดทรยศเอ๊ย ฉันต่างหากล่ะถึงจะเป็นเชฟ ของพวกแก!"

หลังจากพูดจบ ก็มีคนหนึ่งที่กล้าขึ้นมาหน่อยพูดขึ้นว่า "ระดับของคุณต่ำเกินไป อย่ามาขายหน้าที่นี่อีกเลย"

มีคนแรก ก็ต้องมีคนที่ 2 ตามมาด้วยเช่นกัน "ใช่แล้วคุณไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองมีระดับอะไรบ้าง?"

"ก่อนหน้านี้ฉันเห็นคุณหยิบเนื้อวัวครึ่งหนึ่งจากภัตตาคารกลับไปบ้าน ฉันแค่บอกไปว่าเนื้อวัวไม่พอแล้ว ช่วยหยิบไปน้อยๆ หน่อยได้ไหม อยู่ๆคุณก็หักเงินเดือนครึ่งหนึ่งของฉันไป นิสัยคนแบบคุณน่ะ ฉันไม่อยากติดตามมาแต่แรกแล้ว"

จงยู่ถิงเบิกตากว้างทันที หล่อนแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง "อะไรนะคะ?"

สวีลั่งเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ที่นี่มีเงิน 50 ล้านหยวน"

เงิน 50 ล้านหยวน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะสำหรับคนทั่วไป

คนธรรมดาส่วนใหญ่ ทั้งชีวิตต้องดิ้นรนเพียงเพื่อ บ้านและรถคันหนึ่งเท่านั้นมา และผลรวมของทั้ง 2 สิ่งนี้ก็ยังได้เพียง 2 หรือ 3 ล้านหยวนเท่านั้นเอง ดังนั้นเงิน 50 ล้านหยวนจึงเป็นจำนวนมากสำหรับคนธรรมดา

จงยู่ถิงไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลย

สวีลั่งมองไปที่จงยู่ถิงที่ทั้งตกใจและเฉื่อยชา จากนั้นจึงพูดเบาๆว่า "เขา เป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปและคริสตัลกรุ๊ป และจะไม่อยู่เป็นเชฟต่อไปครับ"

"และหล่อนก็เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจในเป่ยไห่”

คำพูดของสวีลั่ง ทำให้จงยู่ถิงตกใจอย่างสุดขีด หล่อนอ้าปากเล็กน้อย และมองไปที่ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่

และในตอนนี้เอง จงยู่ถิงถึงรู้สึกว่าตัวเองโง่

เค้าคนหนึ่งเป็นถึงประธานกรุ๊ป และอีกคนก็เป็นถึงประธานกลุ่มสหพันธ์ธุรกิจ และภัตตาคารของตัวเองที่อยู่ต่อหน้าพวกเขามันก็ไม่มีอะไรเลยแล้วอยู่ๆ หล่อนก็ยังขอร้องให้เขาอยู่เป็นเชฟอีก!

นี่มันแทบจะ...

ที่จริงแล้ว จงยู่ถิงเป็นลูกสาวของกัปตันที่ประสบภัย

สวีลั่งไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้เลย โดยเฉพาะคำพูดที่กัปตันได้พูดกับเขานั้น ซึ่งมันทำให้ดูเหมือนว่าเขาจะพบกับความหมายของชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้สำหรับในตัวลูกสาวของเขาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

จงยู่ถิงให้คนเสิร์ฟชาให้กับไป๋ยี่เฟยพวกเขาจากนั้นจึงค่อยๆเล่าถึงความยากลำบากของตัวเอง

"ที่นี่เป็นทำเลที่ตั้งดีค่าเช่าสูงทุกปี และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน หรือจะทำธุรกิจดีแค่ไหน ก็ยังหารายได้ไม่ง่ายอยู่ดี"

ทั้งอดีตสามีของฉันยังมาขอเงินฉันอยู่บ่อยๆ อีกซึ่งเดิมทีภัตตาคารก็ทำเงินได้ยากอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งขาดทุนเลย"

"ก่อนหน้านี้พ่อเคยชักชวนให้ฉันขายภัตตาคารนี้ไป แต่ฉันไม่ยินยอม"

"ภัตตาคารนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากปู่ฉันเลยไม่อยากขายให้คนอื่นไปและฉันก็ต้องการให้มันดำเนินกิจการต่อไป"

"ในตอนนี้ที่พ่อก็ได้จากไปแล้วซึ่งถ้าหากน้องชายกลับมา เกรงว่าจะประคับประคองยาก ดังนั้นฉันถึงได้..."

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่