บทที่ 609
ไป๋หู่นั่งตรงข้ามไป๋ยี่เฟย แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่ง ก็รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ มันไม่ง่ายเลย คำพูดสั้นกะทัดรัดแต่กินความครอบคลุม "ท่านพูดสิ"
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เอ่ยปากพูดในทันที แต่กลับตกอยู่ในการไตร่ตรองและในที่สุดก็มองไปที่ไป๋หู่อย่างจริงจัง เขาจึงพูดว่า "ไป๋หู่ ฉันไว้ใจนายได้หรือเปล่า"
ไป๋หู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูด
ไป๋ยี่เฟยหยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้ไป๋หู่ ไป๋หู่ส่ายหัวปฏิเสธ ไป๋ยี่เฟยจึงดูดบุหรี่ไปม้วนหนึ่ง
หลังจากจุดบุหรี่แล้ว ก็พูดว่า "พูดตามตรงนะ ตอนนี้นายยังติดต่อกับแม่ผมอยู่หรือเปล่า?
ไป๋หู่ได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับว่า "ยังไงก็เป็นแม่แท้ๆ ของคุณ มันจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปิดบังบางแล้ว และในหลายๆครั้ง หล่อนก็ยังสามารถช่วยคุณได้เช่นกัน"
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองไป๋หู "ฉันเข้าใจแล้ว"
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็สูบบุหรี่ไป 2 ทีแล้วดับไฟจากนั้นก็ยิ้ม "ผมสบายดี แค่มาหาคุณเพื่อคุยเล่นแค่นั้น"
หลังจากพูดไปแบบนั้นก็ลุกขึ้นและจากไป
ไป๋หู่มองไปที่ไป๋ยี่เฟย และจ้องไปที่บุหรี่ครึ่งม้วนในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วจมสู่การนั่งเหม่อลอย
แค่มาหาฉันเพื่อคุยเล่นจริงๆ เหรอ?
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยออกมาเขาก็ถอนหายใจกับท้องฟ้าสีคราม
ไป๋หู่จงรักภักดีต่อเขา แต่ปัญหาคือทั้งไป๋หู่และจงเหลียนต่างก็จงรักภักดีต่ออู๋กุ้ยเซียงและไป๋หยุนเผิงเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดไปสักพักแล้วคิดว่าจะกลับบ้านและขับรถไปที่โรงพยาบาลโว่หลง และตอนนี้ คนเดียวที่ทำให้เขาวางใจได้ก็คือจางหัวปิน
เพียงแค่เขาเดินไปถึงที่ประตูบ้านก็เห็นคนหนึ่งอยู่ที่ประตูบ้านตัวเอง
เมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าเป็นจางหรง
ไป๋ยี่เฟยเดินไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง และเตะก้นจางหรงไปทีหนึ่ง “มาคุกเข่าทำไมที่นี่?”
จางหรงสั่นสะท้าน และยืดตัวขึ้นมอง พบว่าเป็นไป๋ยี่เฟย เขาจึงรีบโผเข้าไป กอดขาของไป๋ยี่เฟยทันที และพูดขอร้องความเมตตาว่า "ท่านประธานครับ ผมผิดแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว ท่านประธานครับ โปรดยกโทษให้ผมด้วย ต่อไปผมจะไม่กล้าทำผิดอีกแล้วครับ จะไม่ทรยศต่อท่านแล้ว
ก่อนที่หลิ่วจาวเฟิงจะรับช่วงต่อโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น จางหรงก็โดนเขาส่งไปช่วยเหลือฝูรุ่ยจิวเวลรี่ของหลี่เสว่ แต่ หลังจากที่รู้ว่าโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นถูกรับช่วงต่อโดยหลิ่วจาวเฟิงแล้ว เขาก็ละทิ้งหลี่เสว่ไว้ และตัวเองก็วิ่งกลับไปที่ โหวจวี๋กรุ๊ป
ที่จริงแล้วไป๋ยี่เฟยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดนั้น ท้ายที่สุดจางหรงเองก็ต้องการเลี้ยงดูครอบครัวของเขาเช่นกัน เมื่อประสบกับเรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเขามากที่สุด
นี่ยังไม่นับว่าเป็นการทรยศ แค่ยังไม่จงรักภักดีต่อเขามากพอแค่นั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ถือว่าเขาเป็นคนสนิทหรือคนที่น่าไว้ใจได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยเห็นเขาที่เป็นแบบนี้ และเริ่มขี้เล่น เขาจึงไม่เปลี่ยนสีหน้าและพูดว่า "ในเมื่อคุณมาที่นี่เพื่อยอมรับความผิด ก็ควรแสดงความจริงใจหน่อยสิ"
จางหรงรีบพยักหน้าทันที กลัวว่าไป๋ยี่เฟยจะไม่ให้โอกาสเขา "มีครับๆ ผมมาที่นี่ด้วยความจริงใจ และผมก็รู้ความลับของหลิ่วจาวเฟิงด้วย"
ไป๋ยี่เฟยยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "งั้นคุณก็พูดมาก่อนสิ"
จางหรงรีบพูดทันที "ท่านประธานครับ ผมรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังหลิ่วจาวเฟิง"
เขาบอกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เขาเดินผ่านห้องทำงานของท่านประธาน เขาได้ยินหลิ่วจาวเฟิงคุยกับใครบางคน จางหรงคิดว่าจะแอบฟังแค่สองสามประโยคเท่านั้น และในภายหลังก็ยังมีโอกาสประจบสอพลอ
แต่เมื่อเขาเพิ่งจะแนบหูเข้าไป ประตูก็แตกทันที และเขาเองก็โดนจับเข้าไปข้างใน
จางหรงยังพูดอีกว่า "คนคนนั้นดูเหมือนจะคล้ายๆ กับเพื่อนตำรวจของท่านมากเลย"
เพื่อนตำรวจเหรอ?
ไม่ใช่ฉินหัวเหรอ?
ฉินหัวอยู่ในโรงพยาบาลงั้นก็ต้องเป็นฉินซาน
เมื่อจางหรงนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นก็ยังรู้สึกกลัวมาก "โชคดีที่ตอนนั้นในมือผมมีเอกสารที่หลิ่วจาวเฟิงต้องเซ็น ดังนั้นผมจึงบอกไปว่าผมมาหาประธานหลิ่วเพื่อเซ็นชื่อ"
"เหมือนพวกเขาจะไม่จะสงสัยอะไรผมมากจึงปล่อยผม ตอนนี้ทำให้ผมน่าเวทนามาก”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว
ฉินซาน?
ฉินซานไม่ได้ติดตามคุณชายรองตระกูลหลินเหรอ? งั้นก็แสดงว่า ที่พึ่งของหลิ่วจาวเฟิงคือตระกูลหลินงั้นเหรอ?
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า แล้วโบกมือพูดว่า “นั่นคือคุณสร้างผลงานแล้วล่ะสิ แต่คุณก็ควรไปหาหลงหลิงหลิงเพราะตอนนี้หล่อนถึงจะเป็นประธานโหวจวี๋กรุ๊ป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่