บทที่632
“สถานการณ์ในตอนนั้น บอกได้เลยว่ามืดจนมองไม่เห็นนิ้วมือด้วยซ้ำ เสื้อผ้าที่สวีลั่งใส่ก็เป็นสีโทนมืด ไม่ง่ายเลยที่จะสังเกตเห็น ที่สำคัญ ฝีมือของพวกคนพวกนั้นไม่น่าจะสู้สวีลั่งได้ แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงไม่โดนยิงบ้างเลย แต่สวีลั่งกลับโดนไปสามนัดเลยนะ?”
“เมื่อกี้เฉินอ้าวเจียวก็บอกผมมาแล้วว่าเขาเจอมือปืนคนนั้นแล้ว และเขาก็ฆ่ามือปืนนั่นไปแล้ว เขายังบอกอีกว่ามือปืนนั่นอ่อนแอมาก”
จางหัวปินขมวดคิ้ว “เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย นอกจากว่า……”
“นอกจากว่าเขาจงใจให้ถูกยิง” ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจออกมา
จางหัวปินถามออกมาด้วยความสงสัย “แล้วมันเพราะอะไรล่ะครับ?”
เหตุการณ์ของฉินหัวกับสวีลั่งนั้นไม่เหมือนกัน ตอนที่ฉินหัวโดนเพราะศัตรูนั้นยิงแบบไม่เลือกหน้า แต่ของสวีลั่งนั้นเป็นการยิงในสถานการณ์ที่ทัศนวิสัยถูกจำกัด แถมยังถูกยิงในระยะที่ต่ำกว่าสิบเมตร ที่สำคัญ อีกฝ่ายกลับไม่มีการยิงพลาดไปโดนพวกตัวเองเลย!”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ได้แต่พูดออกมาว่า “เอาไว้กลับไปถามเขาอีกทีแล้วกัน”
จางหัวปินชะงักไปแป๊บหนึ่ง เหมือนคิดอะไรออก แล้วพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ก่อนหน้านี้เราเคยไปที่หลันเต่ามาแล้วไม่ใช่เหรอครับ เฝิงจั๋วบอกว่าสวีลั่งได้ไปที่เมืองเป่ยไห่มารอบหนึ่ง ไม่แน่ ถ้ารู้ว่าเขาไปทำอะไรที่เมืองเป่ยไห่ เราก็น่าจะรู้ว่าเขาทำแบบนี้ไปเพราะอะไรก็ได้นะครับ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่พอใจว่า “เรื่องพวกนี้เอาไว้ทีหลัง ไม่ว่าสวีลั่งจะจงใจถูกยิงรึเปล่าแต่ยังความจริงก็คือเขาถูกยิงจนบาดเจ็บไปแล้ว”
“เมื่อพี่น้องถูกคนอื่นยิง ก็ควรแก้แค้นแทนให้พี่น้อง ก่อนอื่นก็ต้องจัดการหวังโหวก่อน!”
สิ้นเสียง จางหัวปินก็ชะงักไป เหมือนอยากพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตามองเขา “มีอะไรก็พูดมา”
เมื่อจางหัวปินได้ยินอย่างนั้นก็ต้องพูดออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เมื่อกี้ผมลองค้นหาข้อมูลของหวังโหวดู เขาเป็นคนของหลี่จู้ครับ”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตกใจเล็กน้อย
คนของหลี่จู้
หลี่จู้เป็นเจ้าของที่ดินส่วนที่สร้างสถานีรถไฟฟ้าของเมืองหัวซ่าง ตอนนี้เย่ฮวนได้ตกลงเซ็นสัญญากับเขาเรียบร้อยแล้วการที่มายุ่งกับคนของเขาตอนนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ?
จางหัวปินคิดๆ แล้วพูดออกมา “ต้องเอาที่ดินผืนนั้นของเขามาให้ได้ คุณถึงจะไปเติบโตที่เมืองหลวงได้ ดังนั้น ทางที่ดีตอนนี้คุณไม่ควร……”
พอได้ยินอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เงียบไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัด “มันจะเป็นใครก็ช่าง? ถ้ามายุ่งกับพี่น้องของผมก็อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ!”
“จัดการ!”
เมื่อสมาชิกขวางซาที่ยืนอยู่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น สายตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
จางหัวปินเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าห้ามไม่ได้แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เป็นคนแบบนี้ เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด ตอนนั้นทุกคนต่างก็ห้ามไม่ให้เขาฆ่าฉุงโยวเวย แต่เขาก็ดึงดันที่ไปฆ่าฉุงโยวเวยจนได้ เพียงเพราะฉุงโยวเวยไปทำร้ายฉินหัวเข้า
แต่เห็นๆ อยู่ว่าเรื่องคราวนี้มันไม่ได้หนังเท่าครั้งก่อน อาการของสวีวั่งแค่พักสองเดือนก็หายแล้ว ไม่เหมือนฉินหัวที่ต้องการเป็นเจ้าชายนิทรา ที่สำคัญไป๋ยี่เฟยจำเป็นต้องเอาที่ดินผืนนี้มาให้ได้ ถึงจะสามารถไปเข้าร่วมกับหลี่เสว่ที่เมืองหลวงได้
ไป๋ยี่เฟยมีแผนอยู่ในใจ
เฉินอ้าวเจียวนำคนชุดดำไปล้อมบ้านทั้งหลังเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เมืองหลวงนั่น ถ้าผมอยากไปก็สามารถไปได้ ไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากใครทั้งนั้น ส่วนตระกูลไป๋ ถ้ากล้ามาขวางผม ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะทำลายตระกูลไป๋ทิ้งซะ”
……
ภายในลานหน้าบ้าน มีศพนอนอยู่ ส่วนหวังโหวตอนนี้กำลังแอบคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง
“อย่าพูดอะไรไร้สาระเลย คุณจำเป็นต้องให้ผมยืนกำลังคนแล้วก็ปืน ไม่อย่างนั้นต่อไปผมจะทำยังไง?”
“ใช่ ผมยอมรับว่าผมผิด ผมดูถูกไอ้หนูไป๋ยี่เฟยนั่นเกินไป อีกไม่กี่วันถ้าผมกลับมาได้ก่อน แล้วผมจะจัดการมันแน่นอน”
“คุณไม่ต้องห่วง ไม่มีใครหาที่ซ่อนตัวของผมเจอหรอก!”
“คิดจะมาหาเรื่องฉันเหรอ ยังอ่อนไปหน่อยนะ!”
หวังโหวยิ่งพูดยิ่งโมโห
เขาพัฒนาอยู่ในเมืองหัวซ่างมาสิบกว่าปี ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่ไปแล้ว มีลูกน้องเป็นร้อยๆ มีสถานบันเทิงอีกหลายสิบที่
มาตอนนี้ กลับถูกคนจากเมืองข้างมาจัดการจนราบคาบในคืนเดียว แถมยังถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ แล้วจะให้เขาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง?
เขาคิดแค่ให้หลบครั้งนี้ให้ได้ก่อน แล้วค่อยเรียกรวมพี่น้องทั้งหมดของเขา จากนั้นก็ไปจัดการกับไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางสู้เขาได้แน่นอน
พูดได้คำเดียวว่า ความคิดนั้นสวยหรู แต่ความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย
และยังมีอีกคำก็คือ : มีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่