สีครามค่อนข้างหมกมุ่นเรื่องความสะอาด เห็นเด็กมือสกปรก ทำของเล่นใหม่สกปรก จึงให้ของเล่นชุดใหม่แก่อีกฝ่ายอย่างใจกว้าง
เด็กทั้งสองก็ไม่งอแงอีกต่อไป บรรยากาศของผู้ใหญ่ก็ดีขึ้น
ถึงแม้สีครามไม่พูดอะไร แต่สายตาเขาเมื่อกี๊ ท่าทางของเขา ทำให้คนตระกูลขีปณาวีรู้ว่าสามีของดอกหญ้ารับมือด้วยยาก
แม่สินีคิดว่าดอกหญ้าไม่ใช่คนเรื่องเยอะ ตอนนี้หาผู้ชายที่รับมือด้วยยากมาอีกคน รู้ว่าลูกสะใภ้กับน้องสาวรักกันมาก ส่วนลูกชายตัวเองมีศีลธรรมอย่างไร ในใจของแม่สินีรู้ดี
เธอต้องหาโอกาสเตือนลูกชาย อย่าเยอะมากไป ถึงแม้น้ำทิพย์จะเลี้ยงลูกไม่ได้หาเงิน แต่ก็มีหลานชายให้พวกเขาตระกูลขีปณาวี ไม่มีคุณงามความดีแต่ก็ทำงานหนัก ต้องให้เกียรติน้ำทิพย์บ้าง
ไม่นานประจวบก็กลับมา
หลังจากเขากลับมา นั่งลงสักพัก น้ำทิพย์ก็เรียกทุกคนไปทานข้าว
ดอกหญ้าเข้าครัวไปเอาอาหารตามพี่สาว เห็นมีอาหารทะเลหลายอย่าง เธอก็พูดเบาๆ กับพี่สาว:“พี่ ฉันกับสีครามเราคนกันเอง กินอาหารธรรมดาๆ ไม่ต้องจำเป็นต้องมีอาหารทะเลเยอะแบบนี้เลย”
“พี่เขยแกให้ฉันซื้อมาเยอะๆ แกก็รู้ว่าบ้านพี่สาวเขาชอบกินอาหารทะเล พวกเขาอยู่บ้านตัวเองดันกินไม่ลง ทุกครั้งที่มานี่ก็จะกินอาหารทะเล และยังเอาของแพง ส่วนแม่สามีนั่นก็ชอบกินเนื้อวัว”
“ทำไมฉันต้องออกเงินให้พวกเขากินด้วย?ตอนเที่ยงฉันไม่ได้ทำให้พวกเขากิน เอาใส่ไว้ในตู้เย็น คืนนี้ค่อยทำ รอแกกับสีครามมาแล้วดินด้วยกัน”
ตอนเที่ยง เธอแค่ทำอาหารธรรมดาให้ครอบครัวสามี สีหน้าของทางบ้านสามีก็ดูแย่ ส่วนเธอทำเป็นไม่เห็นมัน
อาหารค่ำมื้อนี้ ทานกันอย่างมีความสุข
ทานข้าวเสร็จ นั่งอยู่ต่อสักพัก สีครามก็อยากกลับ ดอกหญ้าจึงได้แต่กลับไปกับสามี
สองสามีภรรยาคู่นี้ไปแล้ว น้ำทิพย์ก็เก็บจานชามตะเกียบของเธอกับคู่สามีภรรยาของน้องสาวไปในครัวเพื่อล้าง
ที่จริงประจวบอยากหั่นแตงโมให้พ่อแม่และพี่สาวกิน หยิบแตงโมออกมาจากในตู้เย็น เห็นบนโต๊ะทานข้าวยังเก็บไม่สะอาด ก็ตะโกนเรียก:“น้ำทิพย์ คุณไม่เห็นเหรอว่าบนโต๊ะยังเก็บของไม่หมด?ยังไม่ออกมาเก็บทำความสะอาดอีก”
น้ำทิพย์ก็ไม่ออกมา เธอตะโกนออกมาจากครัวว่า:“คุณบอกว่าต่อไปพวกเราจะหารกัน วันนี้เงินที่ซื้อผักผลไม้มาทำ ถือว่าคืนเงินรายเดือนครั้งที่แล้วที่ฉันซื้อเสื้อผ้า ฉันไม่คิดที่คุณแล้ว”
“เรื่องในบ้าน พวกเราก็ต่างคนต่างทำ ให้ยุติธรรมนะ ฉันเก็บจานชามส่วนของฉันกับพวกหญ้าแล้ว ที่เหลือเป็นของคุณกับครอบครัวคุณ คุณอยากเก็บก็เก็บไป ไม่อยากเก็บ พรุ่งนี้คุณก็ใช้ต่อ ฉันจะไม่สนแล้ว ”
พอได้ยิน คนตระกูลขีปณาวีต่างมองไปที่ประจวบ
แม่สินีกับพี่กานจญ์เคยเตือนประจวบแล้ว ให้เขาหารกับน้ำทิพย์ พวกเขาคิดว่าน้ำทิพย์เอาเปรียบ หญิงสาวทั้งสองสงสารกระเป๋าสตางค์ของลูกชายและน้องชายตัวเอง
ตอนนี้ครอบครัวน้องชายจะเริ่มหารกันจริงๆ ลูกสะใภ้ก็หารงานบ้านไปด้วย
ประจวบรู้ว่าสีครามทำงานในบริษัทใหญ่ แต่บริษัทไหนนั้น สองคนพี่น้องน้ำทิพย์ไม่ได้บอก เขาก็อยากตีสนิทกับสีคราม แต่สีครามเอาแต่รักษาระยะห่างและเยือกเย็น เขาเป็นแค่ผู้จัดการในบริษัท เห็นสีครามเย็นชา ก็ไม่กล้าไปตีสนิทด้วยกับสีคราม
หลังจากได้ยินคำพูดของแม่ เขาก็รู้สึกว่าโดนสีครามดูถูก ก็ยิ่งโมโห พูดไปอย่างเดือดดาลว่า:“เรื่องของสามีภรรยาชาวบ้าน เขาเกี่ยวอะไร?ดอกหญ้ากล้าทำผม?สามีเธอรับมือด้วยยาก แล้วผมประจวบรับมือด้วยง่าย?”
พี่กานจญ์ก็ยุยงอยู่ด้านข้าง:“ประจวบ ถึงแม้จะสั่งสอนน้ำทิพย์ แต่แม่พูดถูก อย่าให้โตะตกใจกลัว น้ำทิพย์ก็จริงๆ เลย แกให้เธออยู่ดีกินดี เธอกลับไม่พอใจ ยังมีหน้ามาให้แกทำงานบ้าน หลังจากที่พี่เขยแกกลับมาจากที่ทำงาน แม้แต่น้ำล้างเท้าฉันยังเตรียมให้พี่เขยแกเลย”
“ผู้ชายทำงาน หาเงินนอกบ้าน เราเป็นผู้หญิงต้องเก็บกวาดบ้านให้สะอาด ถ้าให้สามีทำงานบ้านอีก เมียแบบนี้ไร้คุณธรรม”
พี่กานจญ์เหมือนจะโน้มน้าวน้องชายอยู่ด้านข้าง แต่ก็พูดจาใส่ไฟ เธอแทบอยากจะให้น้องชายเข้าไปสั่งสอนน้ำทิพย์สักที
เมื่อคิดว่าลูกชายยังเด็ก และถูกแม่อุ้มไม่ปล่อยเลย ประจวบจึงล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปในห้องเพื่อสั่งสอนน้ำทิพย์ชั่วคราว
“รอโตะหลับ ดูนะผมสั่งสอนเธอแน่ วันๆ เอาแต่กิน อ้วนอย่างกับหมู ยังจะมาชักสีหน้าใส่ผม ให้ผมล้างจานอีก!”
ประจวบหยิบมีดผลไม้ขึ้นมาหั่นแตงโมใหม่
แม่สินีเรียกลูกสาวไปช่วยกันเก็บโต๊ะอาหาร
สักพักหนึ่ง สองแม่ลูกกลับมานั่งลงที่หน้าโซฟา พี่กานจญ์หยิบแตงโมชิ้นหนึ่งมากิน กินไปพูดกับน้องชายไปว่า:“ประจวบ หลานสาวแกจะได้ขึ้นชั้นมอต้นแล้ว ฉันอยากให้พวกเขาเรียนมอต้นในเมือง แกว่า ให้พวกเขาย้ายมาเรียนโรงเรียนประถมในเมือง แล้วให้มาพักกับแกก่อนได้ไหม เรียนประถมในเมืองสักปีสองปี จะได้เลื่อนชั้นง่ายขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม