ดอกหญ้ายิ้มและพูดว่า “ลูกพี่ลูกน้องของเธอมีแฟนแล้ว ฉันจะเป็นแฟนเขาได้ยังไงล่ะ? ฉันน่ะจดทะเบียนสมรสแล้ว สายไปสำหรับการเสียใจ แต่เธอต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ อย่าให้พี่สาวของฉันรู้ความจริง ไม่งั้นพี่จะต้องเสียใจมากแน่ๆ”
แก้วตาตกอยู่ในความเงียบ
เพื่อนสาวของเธอช่างกล้าหาญจริงๆ
“นางเอกในนิยายชอบแต่งงานกับมหาเศรษฐีสายฟ้าแลบ เธอก็เหมือนกันใช่ไหม?”
หลังจากที่เสียงเงียบลง ดอกหญ้าก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เธออ่านนิยายทั้งหมดในร้านจนครบแล้วสินะ เธอน่ะกำลังฝันกลางวันอยู่ คิดว่าการแต่งงานสายฟ้าแลบกับมหาเศรษฐีมันง่ายมากเลยหรือไง คิดว่ามหาเศรษฐีอยู่ทุกทีเลยสินะ”
แก้วตารู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้อง หลังจากถอนหายใจเบา ๆ ก็ถามอีกครั้ง “บ้านที่สามีเธอซื้ออยู่ที่ไหน?”
“กุสดีศิลป์”
“ก็ดีนะ สภาพแวดล้อมดี การเดินทางสะดวก แถมไม่ไกลจากร้านของเราด้วย สามีเธอทำงานบริษัทอะไร? ถ้าเขาสามารถซื้อบ้านในจังหวัดนรารีกับชุมชนระดับไฮเอนด์อย่างกุสดีศิลป์ได้ รายได้เขาต้องสูงมาก มันเดือนละเท่าไรเหรอ? เธอต้องช่วยผ่อนด้วยหรือเปล่า?”
“หญ้า ถ้าเขาขอให้เธอช่วยผ่อน เธอต้องขอให้เขาเพิ่มลงในใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ด้วยนะ ไม่งั้นเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พูดตรงๆ ก็คือถ้าเธอสองคนต้องหย่าร้างกัน บ้านนั้นถือเป็นสินทรัพย์ก่อนสมรส เธอจะไม่ได้ส่วนแบ่ง”
ดอกหญ้าชำเลืองมองเพื่อนของเธอแล้วพูดว่า “เธอคิดเหมือนพี่สาวฉันเลย จริงๆ แล้วเขาซื้อบ้านเองทั้งหมด โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยผ่อน ฉันไม่ได้จ่ายเงินสักบาท คงไม่ดีแน่ถ้าต้องขอให้เขาเพิ่มชื่อฉันลงในใบรับรองอสังหาริมทรัพย์”
“ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาดีก็ไม่เป็นไรหรอก” แก้วตา กล่าว
จู่ๆ ดอกหญ้าก็นึกขึ้นได้ว่าบ้านที่พี่สาวของเธออาศัยอยู่นั้นพี่เขยของเธอเป็นคนซื้อก่อนแต่งงาน และพี่เขยก็เป็นคนจ่ายค่าผ่อนบ้านด้วย แต่ค่าตกแต่งเป็นเงินของพี่สาวเธอทั้งหมด ที่สำคัญคือพี่เขย...ไม่ได้เพิ่มชื่อพี่สาวของเธอในใบรับรองอสังหาริมทรัพย์
ดอกหญ้าคิดว่าพี่เขยมักจะกล่าวหาว่าพี่สาวของเธอรู้แค่วิธีใช้เงิน แต่ไม่รู้วิธีหาเงิน ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจ
หากมีโอกาส เธอจะต้องเตือนผู้เป็นพี่ให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม