“เป็นหวัด ?” ซือห้าวเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“เอ่อ......” หมิงโร่ตบหัวตัวเอง “หมายถึงไม่สบายเพราะอากาศหนาวน่ะ......”
หมิงโร่วางเสื้อผ้าที่ผิงไฟจนเกือบแห้งสนิทลงบนโขดหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็ใช้มือปัดผมที่ห้องลงมาตรงหน้าอกไปด้านหลัง แล้วลุกขึ้นเดินไป
“เจ้าจะไปไหน ?” ดวงตาเรียวยาวของซือห้าวเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ผมหญิงคนนี้ปล่อยผมเผ้ารุงรัง ซ้ำยังแต่งกายไม่เรียบร้อยก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว นี่ยังจะเดินเล่นไปทั่วอีกหรือ ?
“ข้า......จะไปเก็บฟืน......เสื้อผ้าของท่านก็ต้องผิงให้แห้งด้วยเช่นกัน......” หมิงโร่มองไปยังหน้าผาสูงชันโดยรอบ ที่ดูเหมือนกระบี่แหลมคมแทงทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อให้เธออยากจะออกไปก็จะต้องมีทางให้ไปด้วยสิ
“สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย” ต่อให้ในใจยังไม่ยอมรับ แต่นางก็แบกรับชื่อเสียงของพระชายาหยุนอยู่ จึงจำต้องมีความรับผิดชอบต่อชื่อเสียงนี้
หมิงโร่ผงะไปครู่หนึ่ง ก้มลงมองเสื้อและกางเกงตัวยาวที่ตนเองสวมใส่อยู่ ถึงแม้จะห่อหุ้มร่างกายอย่างมิดชิด แต่ในสายตาของคนโบราณ นี่ถือว่าเป็นเพียงชุดชั้นในเท่านั้น
เอาล่ะ ๆ สมัยเด็กเธอเคยท่อง 《กฎของลูกศิษย์》----ต้องสวมมงกุฎให้ตรง ติดกระดุมให้เรียบร้อย สวมทั้งถุงเท้าและรองเท้า ทุกอย่างต้องพอดีตัว......แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้วิธีสวมใส่เสื้อผ้าสมัยโบราณนัก สามารถฝืนใส่จนครบก็นับว่าไม่เลวแล้ว ส่วนเรื่องการปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง----ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นหมิงโร่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเล ซือห้าวเฉินจึงจำต้องฝืนใจเชื่อว่านางคือองค์หญิงที่ต้องมีคนรับใช้คอยแต่งตัวให้
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว นางก็ไปเก็บไม้ฟืนอีก ถึงแม้ท่าทางจะไม่กระฉับกระเฉงนัก แต่ไม้ฟืนที่เก็บกลับมานั้นได้ความยาวที่พอดี ซ้ำยังแห้งสนิท อย่างไรเสีย----ก็น่าสงสัยอยู่ดี
เสื้อผ้าที่ผิงไฟจนแห้งเกิดรอยยับเล็กน้อย แต่ซื้อห้าวเฉินก็ยังคงใส่ได้อย่างเป็นระเบียบ
หมิงโร่แอบตกใจกับตนเอง----หยุนชินอ๋องคนนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำนะ
ดูเหมือนซือห้าวเฉินจะคิดอะไรบางอย่างออก จู่ ๆ เขาก็หันมองหมิงโร่ : “โรคหัวใจของข้า เจ้าสามารถรักษาได้ถึงขั้นไหน ?”
“หากจะรักษา ย่อมต้องรักษาจนหายดี หรือท่านอ๋องอยากเก็บเอาไว้สักหน่อยเพื่อแก้เบื่อ ?”
หากรักษาไม่หาย คงเป็นการดูถูกป้ายทอง “มือนางฟ้า”ของเธอเกินไป
สำหรับหมิงโร่แล้ว การผ่าตัดนี้ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่เมื่อไม่มีผู้ช่วยในการผ่าตัด ทำให้สูญเสียพลังงานมากสักหน่อย
ซือห้าวเฉินกลับไม่เชื่อคำพูดของหมิงโร่ หมอเทวดาเซวมีความมั่นใจการรักษาโรคหัวใจของเขาเพียงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งต้องใช้หญ้าน้ำแข็งและเมล็ดบัวหัวใจอัคคี ซึ่งต่างก็เป็นสมุนไพรล้ำค่า เขาส่งคนออกไปค้นหาทั่วทุกสารทิศ แต่ใช้เวลาถึงสามปีจึงจะพบเบาะแส
“เจ้าสามารถรักษาข้าให้หายได้อย่างนั้นหรือ ?”
“อืม” หมิงโร่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เหอะ ๆ” สำหรับความมั่นใจของหมิงโร่ ซือห้าวเฉินมองว่าเป็นการหลงตัวเอง แต่วิชาแพทย์ของผู้หญิงคนนี้นับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็สามารถยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ เพื่อรอให้หมอเทวดาเซวและฉินโม่หายากลับมา
หมิงโร่ไม่รู้ว่ากฎการสิ้นสุดบทสนทนาด้วยคำว่า “เหอะ ๆ” เหมาะสมที่จะใช้กับยุคที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ในสมัยไหนเช่นนี้หรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะหุบปาก
ซือห้าวเฉินหยิบลูกปัดสีฟ้าออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แล้วยิงขึ้นไปบนฟ้า แสงสีแดงระเบิดขึ้นกลางอากาศ ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ก็ส่องประกายระยิบระยับเป็นอย่างยิ่ง
หมิงโร่คิดว่าของชิ้นนี้อัศจรรย์มาก หากใช้ในตอนกลางคืนแล้วละก็ จะต้องสวยมากแน่นอน : “เอ่อ ท่านกำลังทำอะไร ?”
“เรียกองครักษ์ลับส่งข้ากลับจวน” ซือห้าวตอบกลับหนึ่งประโยค
“เอ่อ......” ทำไมฟังดูแล้วเหมือนชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่ได้หมายรวมถึงตนเองด้วย หมิงโร่กวาดสายตามองป่ารกทึบโดยรอบ ดวงตาที่งดงามก็ปรากฏความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “สามารถ......พาข้าไปด้วยได้ไหม ?”
“จวนหยุนชินอ๋องไม่เลี้ยงดูคนที่ไร้ประโยชน์” ซือห้าวเฉินไม่รู้ตัวเลยว่า คนที่ตัดสินใจฆ่าคนอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอดอย่างเขา กลับไม่อาจใช้ความเด็ดขาดกับผู้หญิงคนนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงชีวันพสุธา
ไม่อัพต่อแล้วหรอคะ เรื่องนี้ตามหามานานมาก เสียดายจัง...
เรื่องนี้ก็ดองนานมากเลย😭...