“ไม่ต้องมากพิธี” เมื่อหมิงโร่ได้ยินการทักทายที่ฟังดูน่าอึดอัดเป็นพิเศษ ก็เกือบจะหันไปแล้วตอบกลับว่า----ลุกขึ้นเถอะ......
หญิงรับใช้สุ่ยลู่ลุกยืนขึ้น สายตาและมือของนางลดต่ำลง
หมิงโร่สูดหายใจเข้าลึก เธอไม่ต้องการสาวใช้โบราณเช่นนี้อยู่เคียงข้างเธอ : “เจ้าชื่ออะไร ?”
เมื่อหญิงรับใช้สุ่ยลู่ได้ยิน ก็รีบโค้งคำนับ : “พระชายาโปรดพระราชทานชื่อให้ด้วยเพคะ”
หมิงโร่ลูบหน้าผาก เธอรู้ว่าหลายแห่งมีธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อง “การเปลี่ยนชื่อเพื่อแสดงความจงรักภักดี” ศิษย์พี่ที่เรียนวิชาแพทย์กับคุณปู่ โดยจะมีการใช้คือว่า “จื่อ” แทนเข้าไปในชื่อ เช่น ศิษย์พี่ใหญ่เฉียวจื่อเยี่ยน หรือศิษย์พี่เจ็ดที่เอ็นดูเธอที่สุดชื่อเฉิงจื่อยี่
แต่ว่า เธอเป็นนักตั้งชื่อที่ไม่ได้เรื่องอย่าสมบูรณ์แบบจริง ๆ
“เจ้ามีชื่อเดิมว่าอะไร ?” หาตัวอย่างเพื่อประกอบการพิจารณาดูสักหน่อย
“หม่อมฉันมีชื่อเดิมว่าชาเขียวเพคะ”
“เอ่อ......” หมิงโร่หมดคำจะวิจารณ์ได้อีก “ชาเขียว......หรือว่ายังมีดอกบัวขาวด้วย......”
ชาเขียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และรีบเอ่ยตอบว่า : “พี่บัวขาวเป็นนางกำนัลขององค์ไท่เฟยเพคะ......”
หมิงโร่รู้สึกเหมือนมีสัตว์ในตำนานเป็นหมื่นตัววิ่งพล่านอยู่ในใจ มีบัวขาวด้วยจริง ๆ หรือนี่......หมิงโร่ถอนหายใจ ถึงเวลาแสดงฝีมือของตนเองแล้ว สมุนไพรจีนมีเป็นพันเป็นหมื่นชนิด หาสักชนิดที่ฟังดูคล้ายชื่อคน ก็นับว่าไม่ยากเท่าไรนัก : “เช่นนั้นให้เจ้าชื่อว่าจือซูก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยพระชายาที่พระราชทานนามให้” จื่อเฉ่าคารวะอีกครั้ง
“ต่อไปไม่ต้องคารวะบ่อยครั้งนักหรอก” หมิงโร่สงสัยว่าเด็กสาวคนนี้คงจะติดสปริงอยู่ที่หัวเข่า จึงได้คุกเข่าได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้ “เจ้าจงรีบไปทำอาหาร......เช้ามาหน่อย จากนั้นก็เตรียมน้ำร้อน ข้าจะอาบ......อาบน้ำ” เพื่อไม่ให้องค์หญิงหงสาผู้นี้ต้องเสื่อมเสีย หมิงโร่รู้สึกว่าตนเองพูดอะไรก็ผิดไปเสียหมด
“เพคะ” จือซูไปทำตามคำสั่ง
ในที่สุด หมิงโร่ก็สามารถพักผ่อนสมองที่กำลังปิดเครื่องได้เสียที
จือซูทำงานอย่างคล่องแคล่วว่องไว ผ่านไปแค่ประมาณสิบห้านาที โต๊ะที่อยู่ตรงหน้าหมิงโร่ก็เต็มไปด้วยอาหาร----มีติ่มซำสี่อย่าง อาหารจานเล็ก ๆ อีกสี่อย่าง โจ๊กหนึ่งถ้วย และก๋วยเตี๋ยวอีกหนึ่งถ้วย
ถึงแม้หมิงโร่จะหิว แต่ก็กินได้ไม่มากขนาดนั้น เธอกินโจ๊กเข้าไปก่อนหนึ่งคำ : “ต่อไปไม่ต้องเตรียมอาหารเช้ามากมายขนาดนี้ แค่ครึ่งเดียวก็พอแล้ว”
“หม่อมฉันจดจำไว้แล้วเพคะ” จือซูรีบขานรับ
หลังจากหมิงโร่กินมื้อเช้าเสร็จ ก็เข้าไปในห้องนอน ถึงแม้ห้องนอนจะมีการตกแต่งที่ไม่วิจิตรนัก แต่ก็ดูสง่างาม ให้ความรู้สึกสละสลวย เพียงแต่ก่อนหน้านี้อาจเป็นเพราะถูกใช้เป็นห้องรอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน หรือแม้กระทั่งเบาะบนเก้าอี้ล้วนเป็นสีแดงสด ดูแล้วยากจะอธิบาย
ตรงมุมห้องใช้ฉากกั้นพื้นที่เอาไว้ พอจะมองเห็นราง ๆ ว่ามีถังอาบน้ำวางอยู่ด้านใน
มีผ้าเช็ดตัวหนึ่งพับวางไว้บนถาดที่จือซูถืออยู่ มีช้อนไม้ด้ามยาว สบู่หอม และกลีบดอกไม้ตพกร้าเล็ก ๆ
นางวางถาดลงบนโต๊ะตัวเตี้ย จากนั้นจึงหยิบกลีบดอกไม้โปรยลงไปในถังอาบน้ำ : “พระชายา หม่อมฉันจะถอดเสื้อให้นะเพคะ”
“ไม่ต้อง เจ้าออกไปเถอะ” หมิงโร่เห็นจือซูออกจากห้องนอนแล้ว ก็ถอดเสื้อผ้าออก แล้วหย่อนร่างกายลงไปในน้ำอุ่น พลางถอนหายใจออกมา เมื่อครู่คงเป็นวิธีการในการเปิดที่ถูกต้องของการย้อมเวลาสินะ”
ที่เท้าของหมิงโร่มีบาดแผล ไม่เหมาะที่จะแช่น้ำ จึงอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว
มองดูเสื้อผ้าที่จือซูจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอหนึ่งชุด รวมไปถึงซับในตัวเล็กอีกด้วย เด็กคนนี้ถึงแม้จะดูแข็งทื่อไปสักหน่อย แต่ก็ทำงานได้ละเอียดลอออย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงชีวันพสุธา
ไม่อัพต่อแล้วหรอคะ เรื่องนี้ตามหามานานมาก เสียดายจัง...
เรื่องนี้ก็ดองนานมากเลย😭...