เจ้ามังกรพรีเมี่ยม นิยาย บท 220

สรุปบท บทที่ 220 มีดบินคร่าชีวิต: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

สรุปเนื้อหา บทที่ 220 มีดบินคร่าชีวิต – เจ้ามังกรพรีเมี่ยม โดย เป๋ต้งสู่เพี่ยน

บท บทที่ 220 มีดบินคร่าชีวิต ของ เจ้ามังกรพรีเมี่ยม ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เป๋ต้งสู่เพี่ยน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ต่งวี่ซู่ให้เว่ยเช่นเช่นใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงหลินชิงเสว่ สิ่งนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ตระกูลต่งจะต้องมีแผนการสำหรับขั้นตอนต่อไปอย่างแน่นอน

ฆ่าคนต้องฆ่าให้เกลี้ยง ตัดหญ้ายังต้องถอนราก นี่คือกฎในการทำสิ่งต่างๆของถังเฉาในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

เขาโทรหาเฟิ่งหวง :”ไปบ้านตระกูลต่งกับผม”

“ได้เลย”

เสียงหนาวเย็นที่ดังมาจากอีกด้าน ไม่ใช่เฟิ่งหวงเลย

“ไป๋เสว่?”

ถังเฉาประหลาดใจครั้งใหญ่ : “ตอนนี้คุณอยู่กับเฟิ่งหวงงั้นเหรอ?”

“ฉันมาหาเธอเพราะมีธุระนิดหน่อย” เจียงไป๋เสว่พูดอย่างแผ่วเบา

หลังจากนั้น ด้านข้างจึงมีเสียงขอโทษอย่างสุดซึ้งของเฟิ่งหวงดังขึ้น : “ขอโทษด้วยค่ะรองหัวหน้า หลายวันนี้พี่เสว่อยู่กับฉันตลอดเลยค่ะ เธอให้ฉันช่วยผ่าศพ----”

“ชันสูตรพลิกศพ?”

ดวงตาของถังเฉาหรี่ลง

เสียงราบเรียบของเจียงไป๋เสว่ดังขึ้นมาอีกครั้ง : “ฉันฆ่าเจ้าหน้าที่บริหารระดับหนึ่งดาวที่ชื่อ”หว่างเหลี่ยง”บนเขาหู่กวยแล้วนำศพเขากลับมาด้วยค่ะ เฟิ่งหวงเป็นเชี่ยวชาญในด้านการพิสูจน์ศพค่ะ”

ได้ยินแล้ว ถังเฉาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพในค่ำคืนนั้นที่เจียงไป๋เสว่มีเลือดปกคลุมไปหมดทั้งตัว

เจียงไป๋เสว่กล่าวอีกว่า : “คุณไม่ได้อยากไปตระกูลต่งเหรอ เฟิ่งหวงยุ่งมากไปกับคุณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยจัดการ ไปตระกูลต่งเป็นเพื่อนคุณเอง”

ถังเฉาหัวเราะเจื่อนๆ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับไป๋เสว่?

หลังจากนั้นสิบนาที รถปอร์เช่เปิดประทุนสีดำคันหนึ่งได้จอดอยู่ข้างๆถังเฉา เจียงไป๋เสว่เดินออกมาพร้อมผมสีดำ

เธอยังคงแต่งตัวเหมือนดั่งเช่นก่อนหน้านี้ ชุดหนังรัดรูปสีดำ รองเท้าบูทหนังทรงสูงสีดำ แม้แต่ผมยาวก็ยังเป็นสีดำเช่นกัน

“ขึ้นรถ”

ถังเฉานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ทันทีที่เจียงไป๋เสว่เหยียบคันเร่ง เธอขับไปทางบ้านของตระกูลต่ง

……

ตระกูลต่งในเวลานี้กำลังตกอยู่ในความโกลาหล

ต่งอี้สิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เต็มไปความหม่นหมอง เมื่อดูภาพถ่าย ในรายงานข่าวแล้ว เส้นสีน้ำเงินก็ปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผาก

ในเวลานี้เอง รุ่นน้องตระกูลต่งคนหนึ่งได้เดินเข้ามา ต่งอี้สิงรีบลุกขึ้นยืนทันที : “เป็นยังไงบ้าง ปฏิเสธความสัมพันธ์ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?”

เพราะรายงานข่าวฉบับนี้ ชื่อเสียงของตระกูลต่งได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว และราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดลดลงร้อยละหนึ่ง ขาดทุนอย่างหนัก

รุ่นน้องคนนั้นส่ายหัว “ยังครับ ถ้าพูดออกไปตอนนี้ จากที่ต้องการปิดบัง มันจะยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามีพิรุธได้น่ะสิ”

“บ้าเอ๊ย!”

ได้ยินแล้วต่งอี้สิงก็กัดฟันแน่นและเงียบอยู่นานมาก

ตอนนี้เอง ต่งหนานหลิ่งเดินเข้ามาและเหลือบมองเขาออย่างลึกซึ้ง : “อี้สิง ถังเฉาคนนี้เป็นภารกิจอย่างหนึ่งแล้ว แกอย่าประมาทเขาโดยเด็ดขาด”

“ครับคุณปู่ หลานเข้าใจแล้ว”

ต่งอี้สิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “แต่ยังไงก็ตาม เขาเป็นแค่ปัญหาเล็กๆเท่านั้น ตราบใดที่วิดีโอต้นฉบับยังอยู่ในมือผม พวกเราจะไม่มีวันพ่ายแพ้เขาตลอดกาล!”

ต่งหนานหลิ่งพยักหน้า : “คำนวณเวลาแล้ว เจ้าหนูนั่นกำลังมาที่ตระกูลต่งของฉันจริงๆ”

“ถ้าหากเขายอมจำนน จะไว้ชีวิตเขาก็ทำได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แค่กลัวว่าจะต้องต่อสู้กันจนตายไปทั้งสองฝ่าย”

ต่งอี้สิงหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า : “จะต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่ายได้ก็ต้องเป็นคนที่มีความสามารถด้วย ต่อหน้าตระกูลต่งของผม เขาทำอะไรไม่ได้หรอก”

ตูม----

ในขณะนั้นเองมีเสียงดังอึกทึกมาจากด้านนอก รถปอร์เช่สีดำได้ขับพุ่งชนกับประตูบ้านของตระกูลต่งโดยตรง

จากนั้น ชายและหญิงคู่หนึ่งได้เดินออกมาจากในรถ ท่าทางที่ก้าวเดินออกมานั้นเฉยชา

“พวกแกเป็นใครถึงได้กล้าบุกรุกตระกูลต่ง!”

ตูม----

ยามของตระกูลต่งพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเจียงไป๋เสว่เตะอย่างแรงจนลอยไปในอากาศ ถังเฉาเหลือบมองเจียงไป๋เสว่ด้วยสายตาประหลาดใจ เขายังไม่ทันได้ลงมือเลย ไป๋เสว่กลับลงมือก่อนแล้ว

“เรียกคนของตระกูลต่งให้โผล่หัวออกมา”

ดวงตาทั้งคู่ของเจียงไป๋เสว่เผยรังสีแห่งการฆ่า น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับแม่น้ำ ยามทุกคนของตระกูลต่งเงียบสนิทราวกับจักจั่นในฤดูหนาว แล้วรีบวิ่งเข้าไปรายงานทันที

รังสีแห่งการฆ่าบนใบหน้าของเจียงไป๋เสว่หายทันที เธอหันหน้ากลับมาแล้วเหลือบมองถังเฉาเบาๆ : “งานของเฟิ่งหวงเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”

ถังเฉาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เจียงไป๋เสว่ยิ้มเงียบๆ : “ดูแล้ว ฉันก็ทำงานของเฟิ่งหวงได้นะ”

“เพราะว่าแกเลือกไม่ดื่มเหล้าคารวะ แต่ดื่มเหล้ารับโทษแทน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษว่าฉันโหดเหี้ยม!”

ทันทีพูดจบ เขาก็แสดงท่าทาง

วื้ดๆๆ----

บอดี้การ์ดตระกูลต่งที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าขึ้นมาด้านหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมถังเฉากับเจียงไป๋เสว่เอาไว้

บอดี้การ์ดแต่ละคนล้วนถือปืนไว้ในมือแล้วชี้ไปที่หัวของพวกเขา

ถึงแม้ว่าภายในประเทศจะห้ามพกพาปืนโดยเด็ดขาด แต่ขอเพียงแค่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยล้วนมีวิธีการพิเศษที่จะเอาปืนมาได้

เห็นฉากนี้แล้ว ต่งอี้สิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ : “ครั้งก่อนฉันคิดไม่รอบคอบ ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย ถึงได้ทำให้แกมีโอกาสได้เข้าใกล้ ตอนนี้ แกจะหนีเอาชีวิตรอดจากท่ามกลางดงลูกตะกั่วนี้ยังไง?”

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังไม่ใช่ไพ่ไม้ตายสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของเขา ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว บางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่ไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดเพื่อฆ่ามันเลยก็ได้

ถูกปืนจำนวนมากขนาดนี้ชี้มาที่หัว ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่กลับไม่กลัวเลยสักนิด

ไม่เพียงแค่ไม่กลัว พวกเขายังเหลือบมองกันและกัน จากสายตาของทั้งคู่สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่หายไปนาน

เหมือนกับสิงโตสองตัวที่สักวันหนึ่งจะต้องย้อนกลับไปยังทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยความดุร้ายตามธรรมชาติของพวกมันออกมาอย่างเต็มที่

“คนละครึ่งไหม?”

ถังเฉาหันหน้าไปถาม

“ให้ฉันทั้งหมดนั่นแหละ”

เจียงไป๋เสว่ยิ้มบางๆ ดาบดอกไม้ในมือที่หมุนอยู่ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้นเอง กริชเล่มเดียวได้กลายเป็นหลายเล่มราวกับพระพันมือก็ไม่ปาน แล้วถูกเจียงไป๋เสว่ปัดออกไปเบาๆ

วินาทีต่อมามันคือ พายุดอกสาลี่ ประกายดาบเงากระบี่

ปึ่กๆๆ----

มีดบินได้คร่าชีวิตบอดี้การ์ดทั้งหมดของตระกูลต่ง แม้แต่จะลั่นไกก็ยังไม่ทันได้ทำ โดยบนคอมีรอยมีดปรากฏอยู่เล็กน้อย

ปากแผลระเบิดออก เลือดไหลรินราวกับน้ำพุ

บอดี้การ์ดทุกคนล้มลงไปอย่างไร้เสียงและนอนตายด้วยตาเบิกโพลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม