นักลอบสังหารที่ยิ่งใหญ่มีกลิ่นอายที่มืดครึ้มและหนาวเย็น ทำให้กลิ่นอายในห้องหนังสือหนาวยะเยือก ร่างกายที่ทรงพลังของถังเฉาก็ขึงตึงในชั่วพริบตา
แต่ก็ต่อเนื่องกันแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ความรู้สึกตึงเครียดทั้งหมดสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่แย่งชิงอำนาจของคนอื่นคือ ความเย็นชาที่ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด
หลังจากที่มองเห็นพวกหน่วยกล้าตายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดแล้ว ในที่สุดถังเฉาก็เข้าใจในขั้นต้นแล้วว่าเพราะอะไรตระกูลหลินถึงได้เป็นหนึ่งในเก้าตระกูลหลวง
เพราะว่าหลินรั่วหวี
แค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เพราะเขาคนเดียว ก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งเสียอีก
พวกนักลอบสังหารพวกนี้ เกรงว่าจะเป็นหน่วยกล้าตายชั่วร้ายที่หลินรั่วหวีแอบเลี้ยงดูเอาไว้ ทุก ๆ คนล้วนมีศักยภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟิ่งหวงเลย
สิบกว่าคนร่วมมือกัน จะต้องเป็นพลังชั่วร้ายที่น่าหวาดผวามากแค่ไหนกันนะ?
ถังเฉารู้แจ้งดี ไม่ว่าจะเป็นวงการนักฆ่า หรือว่าวงการทหารรับจ้าง ล้วนแต่ไม่มีกำลังที่จะต่อต้านกองกำลังทหารหน่วยนี้ จะต้องถูกทำลายล้างในชั่วพริบตาเป็นแน่!
แต่ถ้าคิดจะสยบถังเฉาละก็ ยังไม่พออยู่ดี
เขากวาดตามองหน่วยกล้าตายที่อยู่ด้านนอกอย่างเย็นชา ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “นี่คืออำนาจที่ได้เปรียบของคุณเหรอครับ?”
ทุก ๆ คนมีศักยภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฟิ่งหวง กองกำลังทหารนี้ ถึงจะน่ากลัว แต่ถังเฉากลัวเสียที่ไหนกันล่ะ?
บนเขาโยวเหิง ยอดนักบู๊ทั้งเก้าของโลกข้ามน้ำข้ามทะเลมา ล้วนแต่ถูกถังเฉาสังหารเรียบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทหารกองนี้เลย
ต้องรู้ว่ายอดนักบู๊ทั้งเก้า ทุก ๆ คนล้วนไปถึงขั้น ‘ระดับจื้อจุน’
“ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
ทว่าหลินรั่วหวีกลับยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ทหารองครักษ์ส่วนตัวที่ผมเลี้ยงเอาไว้ องครักษ์อ้านอิ่ง”
“ผมรู้ว่าคุณเคยเป็นทหารมาก่อน แถมตำแหน่งในกองทัพยังไม่ต่ำเสียด้วย ไม่อย่างนั้นในระหว่างห้าปีนั้นคงไม่ว่างเปล่าหรอก แต่ว่า...”
พูดมาถึงตรงนี้ หลินรั่วหวีก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีก ชี้ไปที่หน่วยกล้าตายที่อยู่ด้านนอกแล้วพูดว่า “พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีผลงานที่ไม่ด้อยไปกว่าคุณ”
“มีหนึ่งในพวกเขาที่เป็นพระราชาแห่งนักล่าที่ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลา มีหนึ่งคนที่เป็นทหารรับจ้างยอดฝีมือที่ทำได้ทุกอย่าง และยังมีสายลับที่ยอดเยี่อมอีก... ความยิ่งใหญ่ของคุณ ไม่มีค่าในสายตาของผมเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดนี้พูดออกมาได้อย่างเหยียดหยามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหมือนกับปฏิเสธความเป็นคนทุกอย่างของถังเฉา แต่ว่าถังเฉาก็ยังคงไม่โกรธ
ถึงขั้นแม้แต่อารมณ์บนใบหน้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย “คุณคิดจะฆ่าผม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
หลินรั่วหวียิ้มหัวเราะเพราะประโยคนี้ “ผมให้พวกเขาออกมาไม่ใช่เพื่อที่จะฆ่าคุณ ไม่อย่างนั้น ในวันที่คุณกลับเมืองหมิงจูไป คุณได้ตายไปแล้ว”
“ผมแค่อยากจะบอกความจริงกับคุณเรื่องหนึ่ง โลกนี้มันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่คุณคิด และก็ไม่ได้ดีงามเหมือนอย่างที่คุณคิดด้วย... พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือในด้านของตัวเอง กลับมารวมตัวกันเพื่อรับใช้ ทำไมกันนะ?”
“เพราะความศรัทธา”
หลินรั่วหวีพูดออกมาสองคำอย่างช้า ๆ สายตาก็เปลี่ยนเป็นคมปลาบในช่วงเวลาสั้น ๆ จ้องถังเฉาเขม็ง “ผมสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามผม ไม่ใช่แค่รักษาความปลอดภัยให้กับผม ทั้งยังทำเรื่องที่ไม่สามารถให้ใครรับรู้ได้แทนผมอีกด้วย”
“ผมไม่ฆ่าคุณหรอกครับ เพราะว่ากลัวว่าเธอจะเสียใจ ดังนั้นผมจึงให้โอกาสคุณได้จากเธอไปด้วยตัวเอง”
ฟังคำพูดของหลินรั่วหวีแล้ว ถังเฉาก็จมดิ่งอยู่ในความเงียบอย่างล้ำลึก บางครั้งใบหน้าของเขาก็หน้าเขียวคล้ำ บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ทั้งยังมีความพ่ายแพ้
เขาสามารถแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมาได้ ไม่ใช่เพราะว่าหวาดกลัว หน่วยกล้าตายพวกนี้เขาไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด เขาเพียงแต่อ่านความตั้งใจของหลินรั่วหวีออก
เพื่อที่จะให้ตนหย่ากับหลินชิงเสว่ เขาไม่เสียดายเลยที่จะโชว์หนึ่งในไพ่ตายของเขา เพื่อให้เขาหวาดกลัว
ถังเฉาเคยพูดเอาไว้ว่า ใครที่จะขัดขวางไม่ให้เขากับหลินชิงเสว่อยู่ด้วยกัน ก็จะเป็นศัตรูของเขา แต่ว่าเขาจะสามารถลงมือกับพ่อตาของเขาได้จริง ๆ เหรอ?
ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ หลินชิงเสว่จะมองตัวเองอย่างไร?
แต่ว่า เขาก็เคยพูดไว้อีกว่าจะไม่ให้เธอเสียใจอีกแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งสองวิธีที่ที่จะทำให้โลกนี้สงบสุข ไม่ผิดต่อพ่อตาและไม่ทำให้เธอเสียใจ?
ถังเฉาเชื่อมั่นว่าจะต้องมีวิธีสิ
ถังเฉาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะทำให้อารมณ์ที่อยู่ในใจหายไปอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสงบนิ่ง “อาหลินครับ ผมรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรคุณก็ไม่ยอมรับผม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม