กำไรที่แผนกการค้าต่างประเทศเยอะ แต่งานก็ยุ่งมาก เดิมทีหลินฉ่ายเวยกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกับคนหนึ่งที่เหมือนกับหัวหน้า จึงไม่มีใครสนใจ
แต่ว่าเมื่อมีเสียงตบดังขึ้น ทั้งห้องทำงานก็เงียบในทันที ทุกคนต่างก็มองไป
หลินฉ่ายเวยเองก็ตกใจกับฝ่ามือนี้ นิ่งอึ้งอยู่นาน ถึงได้สติ และก็โมโหในทันที “ทำไมเธอถึงตบฉัน?”
“ฉันตบเธอแล้วทำไม? งานที่มอบหมายเธอ มีอะไรบ้างที่ทำได้ดี?”
ผู้หญิงที่ตบดูแล้วน่าจะอายุประมาณ 27-28 ปี ใบหน้าเต็มไปด้วยฝ้ากระ กำลังยิ้มเยาะใส่หลินฉ่ายเวย เหมือนกับว่าที่เธอตบไปนั้นถูกแล้ว “รายงานประจำไตรมาสทำไม่ดี สรุปรายงานบัญชีก็เขียนไม่ดี ตบเธอยังถือว่าให้เกียรติ ถ้าหากว่าไม่อยากทำ ก็ไปให้พ้นซะ!”
หลินฉ่ายเวยจับใบหน้าไว้ ไม่พูดสักคำ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับอดทนไว้ไม่ให้มันไหลลงมา
ถังเฉายืนอยู่ข้างนอก มองอย่างเย็นชา ในใจแอบเศร้าเล็กๆ
หลินฉ่ายเวยเปลี่ยนไปเยอะมาก แม้แต่นิสัยใจร้อนของเธอก็เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน จะทนรับความดูถูกแบบนี้ได้ยังไงกัน?
คนอื่นในแผนก ก็มองดูหลินฉ่ายเวยอย่างสมน้ำหน้า ไม่มีใครมาช่วยเธอสักคน
“หล่อนเป็นใคร?”
สีหน้าถังเฉาเย็นชา ชี้ไปที่ผู้หญิงคนที่ลงมือ
“หล่อนชื่อ หวังวี่ เป็นหัวหน้าที่แผนกการค้าต่างประเทศ”
หลี่ถาวเองก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา ดูออกว่า ไม่ได้ชอบเธอสักเท่าไหร่ “เธอเป็นคนของฝ่ายเฉิงเพ่ยค่ะ พึ่งที่มีรองประธานช่วยอยู่ จึงบีบกดดันพนักงานในมือหลายครั้ง”
เงียบสักพัก แล้วก็พูดเสียงทุ้มว่า “อีกอย่าง เธอและหลินฉ่ายเวยยังมีความแค้นต่อกัน เธอเป็นรุ่นพี่ในมหาลัยของหลินฉ่ายเวย เพียงแต่ว่าแฟนคนหนึ่งของหวังวี่ในตอนนั้นชอบหลินฉ่ายเวย จึงได้ทิ้งเธอไป ตั้งแต่นั้นก็ตามเกลียดหลินฉ่ายเวย”
ตอนนี้ถังเฉาถึงได้เข้าใจว่าทำไมหวังวี่ถึงต้องหาเรื่องหลินฉ่ายเวย แต่ว่า คิ้วของเขาขมวดแน่น “การกระทำของหล่อน พวกเธอไม่สนใจงั้นหรอ?”
สีหน้าหลี่ถาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยค่ะคุณถัง หวังวี่คนนี้เก็บซ่อนไว้ได้อย่างดี ทุกครั้งที่พวกเราอยากจะตรวจสอบ เธอก็รอดพ้นเสมอ อีกอย่าง ไม่มีใครกล้าชี้ตัวเธอ!”
ถังเฉาสีหน้าเย็นไม่พูดอะไร เดาไม่ยาก ว่าเธอใช้อำนาจในการกดดันให้ลูกน้องห้ามพูดความจริงออกมา
“ฉันเป็นผู้นำของแผนกการค้าต่างประเทศ จะจัดการเธอยังไง คงจะฉันตัดสินใจใช่มั้ย?” อยู่ๆเขาก็พูดออกมา
หลี่ถาวพยักหน้า และเข้าใจความหมายของถังเฉาในทันที และรีบพูดว่า “คุณถังคะ อย่าใจร้อน ไล่ออกใครอย่างไม่มีเหตุผลจะ....”
ถังเฉากลับยิ้มอ่อน “แน่นอนว่าฉันไม่ไล่ใครออกตามใจหรอก”
อีกด้านหนึ่ง หลินฉ่ายเวยฟังคำสั่งของหวังวี่ ทำได้เพียงเอาเอกสารทั้งหมดไปแก้ไข
“ทำงานทั้งหมดใหม่อีกรอบ วันนี้ทำไม่หมดก็ห้ามเลิกงาน! วันนี้ประธานหลินกลับมาแล้ว ถ้าหากว่ามีผลกระทบต่อการประชุมวันพรุ่งนี้ ก็รอโดนไล่ออกได้เลย!”
หวังวี่พูดประโยคนี้อย่างดุร้าย แล้วก็เดินอยู่หน้าลิฟต์อย่างสบายใจ ทำหน้าไร้อารมณ์
“พี่หวัง พี่สุดยอดจริงๆ เพิ่งมาก็ต้องมีท่าทางของคนเพิ่งมา ครั้งนี้เธอคงจะทำตัวดีๆแล้วละ”
“ใช่แล้ว พี่หวัง เลิกงานแล้วกะจะทำอะไร ไม่ก็พวกเราเลี้ยงข้าวพี่ดีมั้ย?”
“ในมื้ออาหาร ก็เล่าให้พวกเราฟังสักหน่อยว่าตอนอยู่มหาลัยมันทำตัวมารยายังไง”
เมื่อหลินฉ่ายเวยกลับที่นั่ง ผู้หญิงไม่น้อยที่เข้าไปเอาอกเอาใจ น้ำเสียงปกติ ทำให้หลินฉ่ายเวยได้ยินพอดี
หวังวี่เองก็เพลิดเพลินไปกับคำเยินยอนี้ มองไปยังหลินฉ่ายเวยที่ก้มหัวแก้เอกสาร พูดว่า “ได้สิ เดี๋ยวตอนกินข้าวฉันจะเล่าให้พวกเธอฟังว่าตอนเรียนมหาลัยมันหลอกล่อผู้ชายยังไง”
หลินฉ่ายเวยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน อยากจะพยายามให้ตัวเองไม่ได้ยินคำพูดนินทาพวกนี้ แต่ว่าพวกเธอยิ่งพูดยิ่งเกินไป ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ
และในตอนนี้เอง มือข้างหนึ่งค่อยๆตบบ่าเธอเบาๆ
ท่าทางอ่อนโยน เหมือนกับว่ากำลังปลอบใจ ความน้อยใจของหลินฉ่ายเวยก็หายไปทันที
เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพียงมองแค่แวบเดียว น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ถังเฉา.....”
เธอร้องไห้เรียกชื่อถังเฉา จากนั้นก็รู้ตัวว่าเธอร้องไห้นั้นน่าเกลียด อยากจะหยุดร้องไห้ แต่ก็หยุดไม่อยู่
ทุกครั้งที่อารมณ์เธอกำลังจะระเบิด เขาก็จะมาปรากฏตัวพอดี เหมือนกับตอนเด็กมาก
หวังวี่เองก็เห็นสถานการณ์ตรงนั้น แต่ละคนต่างก็นิ่งอึ้ง สายตาสำรวจมองถังเฉาอย่างแปลกใจ
พวกเธอไม่เคยเจอถังเฉา และก็ไม่รู้ว่าบริษัทมีรองประธานเพิ่มเข้ามาอีกคน ต่างก็หัวเราะขึ้น “ฉันพูดว่ายังไงนะ เพิ่งเข้าทำงาน ก็ยั่วผู้ขายจากแผนกอื่นได้แล้ว”
“มารยาจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม