ทั่วทั้งงานเลี้ยงเงียบสงัด ทุกคนล้วนเบิกตากว้าง มองไปยังถังเฉาที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
รูปร่างของถังเฉาทรงพลัง ยืนอยู่ข้างแท่นฝนหมึก ปรับสารสำคัญในร่างกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด จากนั้นจึงเริ่มจรดพู่กัน
คนที่อยู่ข้าง ๆ ค้นพบได้ด้วยความประหลาดใจว่า อิริยาบถที่ถังเฉาเขียนตัวอักษรนั้นได้มาตรฐานอย่างคาดไม่ถึง ถ้าหากไม่ได้ฝึกมาหลายปีต้องทำออกมาไม่ได้แน่
ยอดกวีจางหยู่ซึงเองก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากเรียกสติคืนมาได้ ก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังมองไปยังถังเฉา
เขาหลงใหลในงานเขียนอักษรจนถึงขั้นเป็นนักสะสม พอได้พบภาพเขียนอักษรหรือภาพวาดดี ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้น อยากจะซื้อไปสะสม
ในดวงตาของหลินชิงเสว่ก็มีความทึ่ง ลั่วเย่นหัวแม่ของเธอก็เคยบอกเธอเอาไว้ว่า การเล่าเรียนจะช่วยบ่มเพาะสารสำคัญในร่างกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณได้ การวาดรูปจะช่วยบ่มเพาะลมปราณให้ยิ่งใหญ่ได้
ดังนั้นคนที่เรียนหนังสือจึงมีไฟสามดวงอยู่บนศีรษะ เคารพฟ้าดิน ไม่หวาดกลัวต่อผีสางเทวดา
หลินชิงเสว่เชื่อฟังคำพูดนี้ จึงได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เติมให้กับตัวเองเหมือนเป็นฟองน้ำก้อนหนึ่ง
เธอเองก็รักการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กัน รักการปักดอกไม้ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่มีลมปราณที่ยิ่งใหญ่นี่!
แต่นึกไม่ถึงว่าหลินชิงเสว่จะสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณที่เข้มข้นได้จากบนร่างของถังเฉา ทำให้โจรหรือคนชั่วรอบด้านตกใจกลัว ผีสางเทวดายากจะเข้าใกล้
ฉู่หยังตะลึงในทันที อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้ หรือว่า... เขาจะสามารถเขียนงานเขียนของแท้ได้จริง ๆ งั้นหรือ?”
งานเขียนพู่กันที่ดีก็จะถูกยกย่องให้เป็น ‘งานเขียนของแท้’ ทุกขีดทุกเส้นล้วนถ่ายทอดจิตวิญญาณ มีพลัง
งานเขียนอักษรเช่นนี้ยิ่งจะถูกคนมีชื่อเสียงพวกหนึ่งแย่งกันสะสม
พวกเขาดูแล้วไม่เข้าใจ แต่ว่าการสะสมงานเขียนเช่นนี้ทำให้พวกเขามีหน้ามีตามาก
“คุณชายฉู่ไม่ต้องกังวล เขาเพียงแค่มีท่าทางที่ได้มาตรฐาน ยังไม่ได้จรดพู่กันเลยนะ ไม่แน่ถ้าหากว่าเขียนออกมาบิด ๆ เบี้ยว ๆ เหมือนไก่เขี่ยล่ะ!”
สีหน้าของเจียงเฉาเองก็ไม่น่ามองเป็นอย่างมาก แต่ก็กำลังปลอบใจตัวเองเช่นนี้
สรุปแล้วทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนมีความคิดต่าง ๆ นานา รอถังเฉาเริ่มเขียน
ทว่ารออยู่นาน ถังเฉาก็ยังไม่เริ่มเขียน รักษาท่าทางเช่นนี้ไว้นานมากแล้ว
เนิบนาบ ทุกคนล้วนแต่หงุดหงิดกันแล้ว ฉู่หยังกับเจียงเฉาก็ยิ่งมีใบหน้าเหน็บแนม
“ตกลงแกเขียนพู่กันเป็นหรือไม่กันแน่น่ะ? รักษาท่าทีแบบนี้ตลอด เป็นนายทวารหรือไง?”
“เฮอะ แสร้งท่าดีหลอกลวงคนอื่น ฉันว่าเขาหวาดกลัวแล้ว!”
เจียงเฉาเอ่ยขึ้น “ท่านจางยอดกวีจางหยู่ซึงอยู่ที่นี่ เขาเป็นแค่คนที่เกิดทีหลัง ไหนเลยจะกล้าสอนหนังสือสังฆราช? จริงหรือไม่ครับ ท่านจาง?”
มองเห็นถังเฉาอ้อยอิ่งอยู่นานไม่ยอมลงมือเขียนสักที เจียงเฉาก็ชี้ขาดภาพรวมได้ทันทีว่าถังเฉาเขียนพู่กันไม่เป็น
ท่าทางการจับพู่กันดี ต้องเป็นเพราะว่าเขาเคยจับมาก่อนแน่
“ไม่มีความรู้แล้วยังจะกล้ามาพูดจาเลอะเทอะที่นี่อีก ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ!”
ทุกคนเริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว ในสายตาพวกเขา ถังเฉาก็คือตัวตลกที่เอาใจทุกคนเพื่อที่จะได้รับความรักและความเชื่อถือคนหนึ่ง!
“ผมกลับไม่คิดอย่างนั้นนะ”
ในตอนนี้เอง เสียงที่ไม่เหมือนกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดกวีจางหยู่ซึง!
จางหยู่ซึงเป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง ฐานะทางสังคมดีเลิศ เขาเป็นอาจารย์สอนภาษาประจำชาติให้กับหลงเจียเจีย
ตระกูลหลงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และหวังว่าต่อไปหลงเจียเจียจะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรของประเทศชาติ
ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทหาร ขอเพียงเป็นประโยชน์ต่อต้าเซี่ย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งรวมไปถึงว่านี่เป็นเรื่องที่เขาชำนาญ ดังนั้นจางหยู่ซึงที่เป็นอาจารย์ที่ให้ความรู้ในระดับสูงท่านนี้ มีอิทธิพลในการพูดเป็นอย่างมาก
สีหน้าของฉู่หยังกับเจียงเฉาไม่น่ามองอยู่บ้าง “ท่านจาง คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรครับ?”
สายตาที่จางหยู่ซึงมองไปที่ถังเฉาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ก่อนหน้านี้ผมได้พูดแล้วว่าการเขียนอักษรไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่พวกคุณคิด ไม่ใช่แค่การเขียนเลียนแบบ เขียนตัวอักษรไม่กี่ตัวก็ได้อย่างนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม