แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง สองคนของตระกูลไป๋ที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นธรรมชาติ
บนใบหน้าของท่านไป๋ไม่ได้มีความกังวลใจเลย กลับกัน ยิ้มออกมาอย่างปล่อยวาง
ในที่สุดสุดท้ายไป๋ตี๋ก็ทนไม่ไหว เอ่ยปากถาม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? พ่อครับ ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าจะให้ผมแข่งขันต่อสู้ จากนั้นก็ให้ผมเป็นทายาทหรอกหรือ ตอนนี้ก็เปลี่ยนใจอีก ตกลงแล้วท่านอยากจะให้ใครเป็นทายาทกันแน่?”
หลังจากที่ท่านไป๋ฟังประโยคนี้จบแล้วก็หัวเราะขึ้นมา ตบบ่าของลูกชายตนเองพลางเอ่ยว่า
“เจ้าลูกโง่ของฉัน แกเข้าใจผิดแล้ว แน่นอนว่าพ่อจะต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้ ถึงได้พูดแบบนี้ ส่วนทายาท...ก็ยังต้องเป็นแกสิ”
ได้ยินประโยคนี้ของท่านไป๋แล้ว ไป๋ตี๋ก็อึ้งไป
เห็นได้ชัดว่าคนที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นนี้ของตระกูลไป๋นั้นก็คือไป๋ตี๋ ถ้าหากว่าตนไม่ไปแข่งขันต่อสู้ ไม่ได้เป็นทายาทจริง ๆ ละก็ ยังจะมีใครที่สามารถขึ้นต่อสู้แทนตระกูลไป๋ได้อีกล่ะ?
“ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของฉัน แกลืมไปแล้วหรือ? คนเมื่อคราวก่อน คนที่มาขายสินค้าชิ้นหนึ่งให้กับตระกูลของเรา”
ไป๋ตี๋คิดอย่างละเอียดรอบหนึ่ง มีบุคคลที่ลึกลับคนหนึ่งที่เอาของชิ้นใหญ่มาก ๆ ชิ้นหนึ่งมาในบ้านของตนแล้วบอกว่าสามารถขายให้กับตระกูลไป๋ได้จริง ๆ
ถึงแม้ว่าไป๋ตี๋จะไม่รู้ของที่ห่ออยู่ข้างในนั้นคืออะไรกันแน่ แต่เขายังจำความเบิกบานใจของท่านไป๋ในวันนั้นได้อย่างเลือนราง
และพอพูดมาถึงตรงนี้ ก็คิดไปถึงว่าหลังจากที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ความประหลาดในใจของไป๋ตี๋ก็พุ่งสูงขึ้นมาไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าในทันที
“ตกลงแล้ววันนั้นคนคนนั้นขายอะไรให้กับท่านกันแน่?”
หลังจากที่ท่านไป๋ฟังจบ ก็เอามือทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลัง เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางราวกับทุกอย่างอยู่ในกำมือว่า
“นั่นก็คือร่างโคลนที่ผิดกฎหมายคนหนึ่ง ส่วนเจ้าของร่างของร่างโคลนผิดกฎหมายนี้ก็คือหลี่เห้า เจ้ามังกรต้าเซี่ยคนก่อน”
“หลี่เห้าคนคนนี้คือใครแกรู้ไหม? ก็คือคนที่ต่อให้พวกเราเอาผู้อาวุโสทุกคนมารวมเข้าด้วยกันแล้วไปต่อสู้กับเขา ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ถึงแม้ว่าร่างโคลนของเขาจะอ่อนแอกว่า แต่ก็ยังมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก ๆ อยู่กับพวกเราที่นี่ การจะเอาแชมป์มาก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว”
หลังจากที่ไป๋ตี๋ได้ยินชื่อของหลี่เห้าแล้ว ก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“ร่างโคลนของหลี่เห้าอะไร? หลี่เห้าเป็นไอดอลของผมเลยนะ เขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหรอกหรือ? ทำไมถึงได้โดนคนอื่นจับไปทำเป็นร่างโคลนได้ล่ะ? ถ้าหากพวกเราช่วยชีวิตเขาออกมาทำประโยชน์ให้กับพวกเราได้ละก็ มันจะไม่...”
ไป๋ตี๋เพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้ ท่านไป๋ก็รีบตัดบทไป๋ตี๋
“คำพูดแบบนี้จะมาพูดมั่ว ๆ ไม่ได้นะ เจ้าโง่ แกคิดว่าองค์กรที่มีความสามารถเพียงพอที่จะสามารถมีร่างโคลนของหลี่เห้าได้จะอ่อนแอมากอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากถูกพวกเขาได้ยินคำพูดแบบนี้ของแกเข้านั่นก็เท่ากับพวกเราฆ่าตัวตาย เข้าใจไหม? เจ้าเด็กโง่”
หลังจากที่ฟังคำพูดของท่านไป๋จบ ไป๋ตี๋ก็รีบปิดปากของตัวเองทันที เพิ่งจะเข้าใจว่าปัญหามันร้ายแรงขนาดไหน
“ยังดีที่มีพ่ออยู่ ไม่อย่างนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ท่านหมายความว่าหลังจากให้ร่างโคลนนี้เข้าแข่งขันแล้ว พวกเราก็จะกุมอำนาจใหญ่ผ่านการควบคุมร่างโคลนนี้ใช่ไหมครับ?”
หลังจากที่ไป๋ตี๋พูดประโยคนี้จบแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก เพียงแค่หัวเราะเสียงดังออกมา
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ถังเฉาก็คือศิษย์น้องของหลี่เห้า
ในตอนเช้าของวันถัดไปนั้นเอง ไวโอเล็ตส่งข้อความหนึ่งข้อความให้กับถังเฉากะทันหัน บอกว่าตนเองก็มาถึงราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้วเช่นกัน ถังเฉาจึงรีบไปรับไวโอเล็ตทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น แองเจล่า คุณเข้ามาในราชวงศ์ต้าเซี่ยได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีบัตรผ่านหรอกหรือ?”
หลังจากที่ไวโอเล็ตฟังจบก็มีรอยยิ้มหยอกเย้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม