เจ้าพ่อกบฏโลก นิยาย บท 41

โชคดีที่ตู้ไห่ผิง มีความรู้ทางการแพทย์ทั่วไปจากการรักษาและค้าขายยามาบ้างเล็กน้อย

มิเช่นนั้นแล้วละก็ ถ้าซ่งซานสี่ไปทำอาหารที่โรงเรียนอนุบาล เขาก็จะวิ่งไปขว้างเอาไว้อย่างแน่นอน

ข้าวมื้อกลางวัน ซ่งซานสี่ นั้นทำให้เถียนเถียน หมิงหมิงและหงหงทั้งสามคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

กลิ่นข้าวหอมกรุ่น สหายตัวจ้อยทั้งสามคนรับประทานกันอย่างอิ่มเอมใจ

หมิงหมิงกับหงหงมีมารยาทเป็นอย่างมาก ขอบคุณคุณลุงแล้ว

ซ่งซานสี่รู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมาก มารดาแม่หม้ายคนหนึ่งที่มีความรู้ในการอบรมสั่งสอน ทว่าบุตรที่กำเนิดออกมานั้นล้วนไม่เหมือนกัน

หลินลั่วเจียว กำลังหันไปทางทารกหญิงตัวน้อยน่ารักคู่หนึ่งอยู่ คุณเองก็คู่ควรที่ผมผู้แซ่ซ่ง จะช่วยเหลือสักครั้งเหมือนกัน

ถึงแม้ว่า เถียนเถียนจะไม่ได้เรียกว่าปะป๊า ทว่าก็เอ่ยประโยคที่ทะเล้นเป็นอย่างมากมาหนึ่งประโยคว่า ขอบคุณ คุณซ่ง นะคะ คุณซ่ง  คุณจะต้องผ่านการทดสอบของฉันอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ สู้ ๆ นะ!

เจ้าพ่อสี่หัวเราะแล้ว หลังจากนั้นก็นำมื้อเที่ยงมุ่งหน้าไปยังโรงงานซานหยวนอิเล็คทริค

กิจวัตรทำอยู่เป็นนิตย์ ไม่เข้าทางประตู

ที่สถานที่ทำงานของซูโหย่วหรงตอนนี้เปลี่ยนคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซ่งซานสี่มองออกได้ในทันทีว่าเงาแผ่นหลังนั่นไม่ใช่ซูโหย่วหรง

เขาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบถอยออกมาในทันที

หลังจากนั้นจึงต่อสายโทรศัพท์หาซูโหย่วหรงที่ด้านนอกโรงงาน เอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าวมาส่งแล้ว แต่คนกลับไม่อยู่ตรงที่ทำงาน

ภายในหัวใจของ ซูโหย่วหรง รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าก็รู้สึกผิดเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

เธอแจงสถานการณ์แล้ว บอกว่าตอนนี้กำลังรับประทานข้าวกลางวันอยู่ที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าลีลทางฝั่งนี้ดูแลเรื่องกิน ทั้งยังดูแลเรื่องที่พักอาศัยอีกด้วย สถานที่ที่เธอกำลังรับประทานอาหารอยู่คือสถานที่รับประทานอาหารของผู้นำระดับสูงในโรงงาน จึงให้ซ่งซานสี่ไม่ต้องส่งข้าวแล้ว

ซ่งซานสี่ได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ตกลง หลังจากนี้ตอนเที่ยงคุณก็กินในโรงงานเถอะ! เลิกงานแล้วผมจะไปรับคุณ”

“ไม่ต้องค่ะ! คุณทำธุระของคุณเถอะค่ะ! หัวหน้าโรงงานของพวกเรา เจ๊หวางฉง เองก็พักอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเรา ถือโอกาสรับฉันติดรถกลับมาก็ได้ค่ะ”

“อืม...ได้ ต้องขอบคุณ พี่หวาง กลับไปพวกเราค่อยเลี้ยงข้าว พี่หวาง สักมื้อหนึ่งแล้วกัน เพื่อแสดงความขอบคุณก็แล้วกัน”

ซ่งซานสี่ผิดหวังนิดหน่อย ก่อนจะขับรถไปมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมัธยมซานจงจงไห่ อย่างรวดเร็ว

ซูโหย่วซินน้องสาวภรรยา อายุสิบหกปี ตอนนี้กำลังเรียนมัธยมปลายปีที่หนึ่งอยู่ที่นั่น

คำนวณเวลาดูแล้ว การขับรถเองก็ใช้เวลาราวสิบนาทีเช่นเดียวกัน ยังคงไปทันเวลาอยู่

ข้าวนี่ก็ให้เธอกินก็แล้วกัน!

ซ่งซานสี่ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหยางต้าหลี่คิดอะไรอยู่ในใจ

แต่ว่าซูโหย่วหรงเองก็มีความคิดความอ่านของเธอ เขานั้นเข้าใจดี

ชายหนุ่มที่ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยและความรู้สึกเป็นสุขนั้น ไม่ใช่สามีที่เธอต้องการ

ยากจน อดกลั้น สูญเสียศักดิ์ศรีมาเนิ่นนาน

ความปรารถนาในหัวใจของเธอนั้น คือตัวเธอสามารถหาเงินเองได้ ชีวิตถึงจะมีหลักประกัน

สามีคิดอยากที่จะพึ่งพาได้ ทว่าเธอไม่แน่ใจเลย

ดังนั้นจึงเซ็นสัญญากับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าลีลมาสามปีแล้ว

อ้างอิงจากอุปนิสัยที่มีคุณธรรมพรรค์นั้นของหยางต้าหลี่แล้ว จะต้องมีเงื่อนไขอะไรที่ผิดสัญญาอย่างแน่นอน

อืม นี่คือปัญหาหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นเดียวกัน

กลับไปอ่านสัญญาก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า!

รถมาถึง โรงเรียนมัธยมซานจงจงไห่ แล้วและเป็นช่วงเวลาเลิกเรียนตอนเที่ยงที่คึกคักวุ่นวายเข้าพอดี

ที่ประตูใหญ่มีผู้ปกครองของนักเรียนจำนวนไม่น้อย มาด้วยรถมอเตอร์ไซต์บ้าง ขับรถยนต์มาบ้าง

ทั้งก็มีนักเรียนที่ขี่รถจักรยานและรถมอเตอร์ไซต์แป้นเหยียบอะไรต่าง ๆ เพื่อกลับบ้านไปรับประทานข้าวเที่ยงด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อรถยนต์คันหรูของ ซ่งซานสี่หยุดตัวลง กลิ่นอายมาดเท่ของเขาก็ดึงดูดสายตาคน

หล่อเหลารูปงาม กำลังถือกล่องข้าวอยู่ ก่อนเดินมุ่งตรงเข้าประตูไป

พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นแล้วย่อมปล่อยให้ผ่านเข้าไป กระทั่งคำก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเอ่ยถามตรงหน้า

ในสายตาของพวกเขานั้น คนมีเงินที่มาส่งข้าว เข้าไปยุ่งหาเรื่องด้วยไม่ได้

ซ่งซานสี่มาถึงโรงอาหารใหญ่ของโรงเรียนแล้ว

ที่นั่นเสียงดังเจื้อยจ้าวไปหมด

กวาดมองดูรอบหนึ่งแล้ว ทว่าก็ยังไม่พบน้องภรรยาอย่าง ซูโหย่วซิน เลย

เพียงแค่เขาสังเกตจากรูปลักษณ์ของนักเรียนเท่านั้น ก็สามารถแยกแยะออกว่าคนไหนคือนักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง คนไหนคือนักเรียนมัธยมปลายปีสองหรือปีสาม

ไม่นานนักก็มองเห็นนักเรียนชายชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งคนหนึ่งเข้าได้แล้ว อีกอย่างหนึ่ง เมื่อมองดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นคนประเภทร่าเริงทำนองนั้นเล็กน้อยอีกด้วย

นักเรียนชายประเภทนี้ สำหรับสถานการณ์ระดับชั้นการศึกษาของโรงเรียนแล้ว จะต้องเข้าใจอะไรมากกว่านิดหน่อยเป็นแน่

ทันทีที่นักเรียนชายได้ยินชื่อของ ซูโหย่วซิน แล้วนั้นเอง หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “อ๋อ เธอเป็นสาวสวยห้องข้าง ๆ พวกเราเองครับ! คุณมาหาเธอหรือครับ?”

แต่เป็นแบบนี้แล้ว มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน

เขาหยิบเงินออกมาสามร้อยเพื่อขอผ่านทางเข้าไป

คุณป้าไม่ยินยอม

บวกเพิ่มไปจนถึงห้าร้อยแล้วก็ยังไม่ยินยอม

คุณป้าบอกว่านายเห็นฉันไม่เคยเห็นเงินหรือยังไง? วันนี้ถึงแม้ว่าจะเพิ่มไปถึงหนึ่งพันหนึ่งหมื่น บอกว่าไม่ให้นายเข้าไป ก็คือไม่ให้เข้าไป ฉันไม่ได้เป็นคนเห็นเงินแล้วตาลุกวาวนะ เพราะฉะนั้นจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ต่อโหย่วซินและเหล่าเด็ก ๆ เพราะสภาพสังคมตอนนี้มันวุ่นวายมากแล้ว!

ซ่งซานสี่พยักหน้าหงึกหงัก กวาดสายตามองป้ายชื่อพนักงานอยู่ครู่หนึ่ง จดจำชื่อ เมิ่งเสี่ยวหลัน ชื่อนี้เอาไว้แล้ว

“โอเคครับคุณป้าเสี่ยวหลัน คุณป้าเป็นคนรับหน้าที่ดูแลพอพักคนหนึ่ง ผมรู้สึกปลื้มใจแทนของโหย่วซินและเหล่าเพื่อนนักเรียนหญิงของเธอเลยครับ คุณป้าลำบากแล้ว”

พูดจบก็ถือกล่องข้าวแล้วหมุนตัวเดินจากไป

เมิ่งเสี่ยวหลันส่งเสียงหึเย็นยะเยือกหนึ่งเสียงออกมาหนึ่งเสียง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ซ่งซานสี่ คนเลวแบบนายน่ะ นึกว่าแสร้งเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้วตัวฉันจะไม่รู้หรือไงว่านายมีนิสัยคุณธรรมอะไร? คิดอยากที่จะเข้าประตูนี้หรือ ไม่มีทาง! ถ้าวันนี้นายเข้าไปแล้วละก็ ชื่อของฉันคนนี้ก็กลับหัวเขียนแล้ว หึ ๆ ...”

พูดตามตรง เกี่ยวกับเรื่องพี่เขยนั้น ซูโหย่วซิน เองก็เคยมาเล่าให้ ป้าเมิ่ง ฟังแล้วจริง ๆ แถมในตอนนั้นร้องห่มร้องไห้ไปหมด

เมิ่งเสี่ยวหลันนั้นไม่ใช่คุณป้าผู้ดูแลหอพักธรรมดา ๆ อายุสี่สิบต้น ทั้งยังมีใจรักและใจรับผิดชอบเป็นอย่างมากอีกด้วย

หลังจากนั้น ซ่งซานสี่ก็อ้อมไปถึงทางด้านหลังของหอพักแล้ว

ที่นั่นติดกำแพงล้มหลังของโรงเรียนแล้ว

ไวต์เบิร์ชต้นใหญ่ต้นหนึ่งปกคลุมทุกอย่างทั้งหมด

ซ่งซานสี่กำลังคาบกล่องข้าวไว้ในปาก ก่อนจะปีนไปตามรางน้ำขึ้นไปบนตึก

มีทั้งหมดหกชั้น กุลีกุจอราวกับปีศาจแมว ก่อนจะขึ้นไปถึงยอดตึก

จากนั้นก็เดินลงมาทางด้านล่างมาจนถึงชั้นสี่ สุดท้ายก็หาจนมาถึงประตูนอกของห้องนอนรวม 404 แล้ว

กำลังตระเตรียมที่จะเคาะประตูอยู่พอดี ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่ ซูโหย่วซิน กินข้าวเสร็จแล้วก็เอาเสื้อผ้าและกระโปรงของฉันไปซักด้วย ได้ยินไหม?”

เสียงของ ซูโหย่วซินดังขึ้นมาว่า “หยางเสว่ มือฉันเย็นแข็งแล้ว ไม่สามารถช่วยเธอได้หรอก...”

“เย็นแข็งแล้วก็ต้องซัก! ถ้าไม่ซักแล้วละก็ เหอะ ๆ ดูเลยว่าฉันจะจัดการกับเธอแบบไม่เจ็บปวดยังไง!” นักเรียนหญิงที่ชื่อหยางเสว่ส่งเสียงเย็นยะเยือกทรงอำนาจดังขึ้น

นักเรียนหญิงอีกคนช่วยโหมโรงอยู่ทางด้านข้าง “ซูโหย่วซิน เชื่อฟังเสียเถอะยัยซินเดอเรลลา อย่าให้ พี่เสว่ โกรธสิ! เสื้อผ้าและกระโปรงของพวกเรากี่ตัว ๆ ก็เอาไปซักให้หมดทุกตัว ได้ยินไหม?”

“อ๊ะ!” ซูโหย่วซิน ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา “ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว...”

หยางเสว่เอ่ยว่า “พอแล้วจงเหม่ย ไม่ต้องดึงแล้ว ขืนดึงอีกเส้นผมของหล่อนก็อาจจะถูกเธอดึงจนโล้นหมดน่ะสิ คิ ๆ ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าพ่อกบฏโลก