สรุปตอน บทที่ 60 ความจริงที่ไม่อยากเชื่อ – จากเรื่อง เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี
ตอน บทที่ 60 ความจริงที่ไม่อยากเชื่อ ของนิยายInternetเรื่องดัง เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดยนักเขียน เยว่กวางจู่อวี เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
"จริงเหรอ? เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?" เมื่อเหยาเหม่ยได้ยินว่าเธอประสบอุบัติเหตุก็รีบถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นไป๋มู่ชิงส่ายหน้าไปมา แล้วยื่นหน้ามองไปที่ท้องเธอ "แล้วตัวน้อยล่ะ?"
ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างลึกลับ "ไม่เป็นอะไร"
"ดีแล้ว" เหยาเหม่ยถอนหายใจยาวแบบโล่งอก
"มาแล้วเหรอมู่ชิง?" จ้าวเฟยหยางกับหยวนกวยทักขึ้น
"ขอโทษทีนะที่ฉันมาสาย" ไป๋มู่ชิงยื่นมือไปจับมือของหยวนกวยไว้พร้อมกวาดสายตามองชุดของเธอ "กวย วันนี้เธอสวยมากเลยนะ"
หยวนกวยหมุนรอบๆตัวให้เธอดูอย่างมีความสุข "แน่นอน ถ้าไม่แต่งให้สวยวันนี้จะให้ฉันแต่งสวยวันไหนล่ะ?"
"ผมไม่เคยบอกคุณเหรอ?ว่าคุณดูสวยทุกวันอยู่แล้ว" จ้าวเฟยหยางโอบไหล่เธอเอาไว้พร้อมสีหน้าหลงรัก
"ดูมีความสุขมากเกินไปละ พวกเราเบื่อที่จะอิจฉาแล้ว เข้าไปหาไรกินข้างในเถอะ" ไป๋มู่ชิงพูดไปพร้อมคล้องแขนเหยาเหม่ยจะเดินเข้าไปในงาน
แต่จ้าวเฟยหยางสังเกตเห็นรอยแผลบนหน้าผากเธอเลยดึงแขนเธอกลับมา พร้อมจ้องไปถามเธอไปว่า "นี่มู่ชิง หน้าผากเธอเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมบวมขนาดนี้ล่ะ?"
ไป๋มู่ชิงรีบจัดหน้าม้าของตัวเองพร้อมพูดว่า "ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เมื่อกี้ไม่ระวังหัวโขกกับรถน่ะ"
"ทำไมไม่ระวังขนาดนี้?"
"อุบัติเหตุน่ะ" ไป๋มู่ชิงตบมือเขาเบาๆแล้วเร่งเขาว่า "รีบไปดูแลแขกเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก"
"ใช่สิมู่ชิง" สีหน้าของหยวนกวยจริงจังขึ้นพร้อมเอ่ยขึ้น "จะบอกเธอว่าวันนี้หลินอันหนานอาจจะมาร่วมงานหมั้นของฉันกับเฟยหยางนะ"
"หลินอันหนาน? เขามาทำไม?" จ้าวเฟยหยางถามขึ้นอย่างสงสัย
หยวนกวยตอบอย่างรำคาญ "ตระกูลหลินกับพ่อฉันทำธุรกิจร่วมกันน่ะ พี่น้องตระกูลหลินก็เป็นเพื่อนกับพี่ชายฉันอีก พ่อฉันเลยเชิญมา แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคุณชายหลินใหญ่หรือรองที่จะมา"
ได้ยินชื่อของหลินอันหนานตอนนี้ทำให้ไม่สบอารมณ์จริงๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลินกับตระกูลหยวนหยวนกวยก็ทำอะไรไม่ได้ เธอเลยต้องแกล้งทำว่าไม่สนใจแล้วพูดยิ้มๆ "ไม่เป็นไรหรอก เลิกกันไปแล้วแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้"
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ หยวนกวยก็โล่งใจ "งั้นก็ดี เข้าไปกินของอร่อยๆข้างในเถอะ"
แต่ไป๋มู่ชิงกับเหยาเหม่ยเพิ่งเข้าไปในงานได้ไม่นานก็เห็นหลินอันหนาน
ไป๋มู่ชิงไม่ทันที่จะหลบหน้าก็เห็นเขาเดินตรงมาทางเธอ ที่นี่เป็นงานของคนอื่นเธอไม่อยากทำตัวเด่นมากเลยทักทายกับหลินอันหนานด้วยสีหน้าปกติ
"ไม่เจอกันนานเลยนะ" หลินอันหนานยิ้มทักเธอ "กี่วันนี้กำลังอยากหาเธอพอดี"
"คุณชายหลินหาฉันมีอะไรเหรอคะ?" ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างฝืนใจ
คิดว่าเขาไม่โผล่มาให้เห็นนานขนาดนี้คงหมดหวังกับเธอแล้ว คงยอมแพ้ที่จะตามตอแยเธออีก
"ไม่มีอะไรมาก แค่พอดีมีเพื่อนฉันเพิ่งเข้าไปทำงานที่สำนักงานที่อยู่อาศัย เลยอยากให้ของขวัญเธอ" หลินอันหนานพูดอย่างมีเลศนัย
"หมายความว่ายังไง? นายคิดจะทำอะไรอีก?
"เธอจะร้อนตัวทำไม?"
"ฉันไม่ได้ร้อนตัว"
"งั้นก็ดี ตอนงานเย็นผมจะเอาของขวัญนี้มาด้วย" หลินอันหนานชูแก้วขึ้นมาทางเธอ "มาดื่มกันเถอะ"
ถึงไป๋มู่ชิงจะไม่อยากสนใจเขาแต่ด้วยมารยาทก็ยกน้ำผลไม้ในมือขึ้นไปชนแก้วเขา แล้วยกดื่มอึกนึง
หลินอันหนานมีเพื่อนที่ต้องคอยทักทายเลยไม่ได้ทำอะไรเธอมากแล้วเดินไปหาเพื่อนที่ห้องรับรอง ไป๋มู่ชิงถึงได้อยู่เงียบๆคนเดียวสักที
กับของขวัญที่หลินอันหนานพูดถึง เธอไม่สนใจแล้วก็ไม่ใส่ใจด้วย
จ้างเฟยหยางกับหยวนกวยก็พาเด็กๆมาร่วมงานด้วย แต่กลัวว่าเด็กจะเกเรเลยมีพนักงานคอยดูแลอยู่ในสวน
งานทั้งเช้านี้ เวลาของไป๋มู่ชิงก็หมดไปกับเด็กๆ
งานเย็นของจ้าวเฟยหยางกับหยวนกวยถูกจัดขึ้นในบาร์หรูแห่งหนึ่ง ถึงจะบอกว่าเป็นงานเย็นแต่จริงๆแล้วก็คือปาร์ตี้ของหนุ่มสาวนั่นแหละ
ความจริงไป๋มู่ชิงไม่ค่อยอยากไปเพราะร่ายกายที่ไม่ค่อยสะดวก แต่จ้าวเฟยหยางกับหยวนกวยไม่รู้ว่าเธอท้องเลยลากเธอไปด้วย
แต่เธอไม่รู้จะปฏิเสธทั้งสองยังไง เธอคิดไปคิดมาคืนนี้หนานกงเฉินคงกลับดึก อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาเธอเลยตอบตกลงไปบาร์ด้วย
พอเธอเข้าไปถึงในบาร์ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คน พร้อมกับควันฟุ้งกระจายไปทั่ว
หลังจากที่ไป๋มู่ชิงโดนหยวนกวยลากไปสนุกด้วยพักหนึ่ง เธอก็หาโอกาสบอกจ้าวเฟยหยางว่าจะกลับก่อน ทีแรกจ้าวเฟยหยางก็ยังไม่อยากให้เธอกลับหรอกแต่เหยาเหม่ยก็มาช่วยพูดเสริมอีกแรง "เฟยหยาง นายก็รู้หนิว่ากฎตระกูลหนานกงเข้มงวดขนาดไหน ปล่อยเธอกลับไปเถอะ"
"แต่เธอยังไม่ได้ดื่มเหล้ากับฉันเลยนะ" จ้าวเฟยหยางเริ่มเมาแล้วจึงพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจ เหยาเหม่ยยิ้มไปด้วยพร้อมยกแขนเขาออกจากไหล่ของไป๋มู่ชิง "นายจะดื่มอีกเหรอ เดี๋ยวฉันดื่มเป็นเพื่อนเอง!"
"ได้ คำไหนคำนั้น"
"ได้เลย" เหยาเหม่ยพยุงตัวจ้าวเฟยหยางเข้าไปในห้องวีไอพี แต่ก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับมู่ชิงกลับบ้านระวังๆด้วย
ไป๋มู่ชิงโล่งอกไป ได้กลับบ้านสักที
แต่เธอยังไม่ทันได้ก้าวออกไปก็พบกับหลินอันหนาน เขาเดินมาบังทางของเธอไว้ "ทำไมล่ะ? กลับเร็วขนาดนี้?" เขายกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา "เพิ่งจะสามทุ่มเอง"
ไป๋มู่ชิงหมดคำพูดกับเขาเพียงแต่มองบนไปแล้วเอ่ยว่า "คุณชายหลินคะ นี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอคะ? คุณไม่รำคาญเหรอ?"
"ถึงผมจะน่ารำคาญแต่ก็ทำเพื่อคุณนะ" อยู่ๆหลินอันหนานก็จับข้อมือเธอไว้ "ตามฉันมา"
โดยที่ไม่ให้ไป๋มู่ชิงมีโอกาสปฏิเสธเขาก็ลากเธอไปที่ห้องวีไอพีอีกห้อง จากนั้นก็ก็ชี้ไปทางห้องลับนั่นพร้อมยิ้มเย้ยใส่ "เธอดูเองสิ"
ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาไปที่เขา ถึงจะไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขามากแต่ด้วยความสงสัยเธอก็เปิดประตูออกเล็กน้อย
ในห้องที่แสงไฟริบหรี่เธอมองเข้าไปแล้วเห็นหนานกงเฉินนั่งอยู่ตรงกลาง ข้างๆเขายังมีหญิงสาวเซ็กซี่สวยหรูนั่งประกบข้าง หนานกงเฉินกำลังคุยกับผู้ชายอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมพูดเล่นกับสาวในอ้อมกอดอย่างถนัดเคยชิน
สีหน้าของไป๋มู่ชิงเปลี่ยนไป เธอรู้สึกได้ว่าหนานกงเฉินมีผู้หญิงอื่นแน่ๆ ไม่งั้นท่าทางเรื่องบนเตียงเขาจะดีขนาดนั้นได้ยังไงแถมเธอยังเห็นเขาใกล้ชิดดูสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นเป็นครั้งแรกกับตาตัวเอง
เธอแน่นหน้าอกเล็กน้อยจึงปิดประตูนั้นแล้วหันหลังให้
ความเยือกเย็น เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวในตัวหนานกงเฉินเธอเคยเห็นหมด แต่ไม่เคยเห็นท่าทางที่สนิทสนมกับผู้หญิงขนาดนี้จนเธอทนดูไม่ได้
เธอยืนนิ่งไปกับที่ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงสติกลับมา
เธอก้าวขาเดินไปโดยที่ไม่สนใจหลินอันหนานเลย ก้าวโดยที่ไม่รู้ว่าเดินไปถูกทางหรือเปล่าด้วยซ้ำ
"รอก่อน" หลินอันหนานดึงเธอไว้แล้วลากเธอไปนั่งลงที่โซฟาห้องข้างๆ แล้วเทน้ำให้เธอแก้วหนึ่งจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ
หลินอันหนานสูดหายใจเข้าเบาๆพร้อมมองไปที่เธอ "มู่ชิง ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมดแหละ ต่างก็มีผู้หญิงข้างกายกันทั้งนั้น เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใคร? เธอเป็นถึงคุณหนูของตระกูลเหอเลยนะ จากที่ผมสืบมาหนานกงเฉินเริ่มมีความเกี่ยวข้องกับเธอมาปีกว่าแล้ว"
คุณหนูตระกูลเหองั้นเหรอ ก็ว่าทำไมถึงดูสง่าสวยหรูขนาดนี้ ก็จริง ผู้หญิงในบาร์ทั่วๆไปหนานกงเฉินจะสนใจได้ยังไง? แค่มองก็ไม่อยากมองแม้แต่หางตาด้วยซ้ำ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยใส่เขา "คุณชายหลิน นี่คุณกำลังหาเหตุผลมาอ้างกับที่คุณเคยหักหลังฉันเหรอ?"
"ผมแค่อยากให้คุณรู้ สิ่งที่ผู้ชายทำกับผู้หญิงแบบนั้นไม่เท่ากับว่ารักผู้หญิงคนนั้น"
"พอแล้ว!" ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นจากโซฟามาแล้วจ้องเขา "คุณก็พูดถูก ผู้ชายเป็นเหมือนกันหมด ถ้าที่บ้านยังร่ำรวยเขาก็ยังใช้ชีวิตยังไงก็ได้ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างหนานกงเฉิน อย่าว่าแต่คุณหนูเหอเลย แม้แต่คุณหนูของผู้ว่ายังอยากได้เขาเลย แล้วทำไมฉันต้องใส่ใจด้วยว่าเขาจะมีผู้หญิงอื่นหรือเปล่า? ตราบใดที่เขายังจำทางกลับบ้านได้ยังไงฉันก็ยังเป็นคุณหญิงน้อยของตระกูลหนานกงอยู่ดี"
สีหน้าของหลินอันหนานหมองลง เขาคิดว่ายังไงเขาก็ดีกว่าหนานกงเฉิน!
ไป๋มู่ชิงยังพูดต่ออย่างหงุดหงิด "หลินอันหนาน นายพอใจหรือยัง? ฉันเคยบอกแล้วไงถึงฉันจะเลิกกับหนานกงเฉินฉันก็ไม่มีวันกลับไปเกี่ยวข้องกับนายอีก นายหยุดเถอะ"
พูดเสร็จเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟาแต่หลินอันหนานลากเธอลงมาอย่างใส่อารมณ์ "ทำไมมันมีชู้เธอคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่กลับผมทำไมเธอไม่ให้โอกาสผมอีก?"
ก็จริง ทำไมกัน? เพราะอะไรกันแน่?
ไป๋มู่ชิงก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะชู้ของเขาเป็นพี่สาวเธองั้นเหรอ? เพราะว่าเขาร่วมมือกับไป๋ยิ่งอันยัดเยียดเธอให้หนานกงเฉินเหรอ? ทั้งๆที่แต่ก่อนเธอเคยรักเขาจริงๆ
แต่กลับกัน เธอรู้จักกับหนานกงเฉินได้แค่ครึ่งปีกว่า แถมยังไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขามากนัก จะพูดว่ารักก็คงเร็วไป แต่ทำไมตอนที่เธอเห็นหนานกงเฉินอยู่กับคุณหนูเหอเธอไม่รู้สึกขยะแขยงแต่กลับรู้สึกเสียใจล่ะ?
เธอทำตัวแบบนี้ได้ยังไงกัน? ศักดิ์ศรีของเธอล่ะ? หรือว่านี่เป็นผลมาจากที่เธอโดนหนานกงเฉินกดขี่?
"ขอโทษนะ ฉันไม่มีวันลืมภาพที่นายกับไป๋ยิ่งอันนั่งเปลือยกายอยู่บนอ่างล้างมือหรอก" เธอพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย คงเป็นเพราะเหตุผลนี้สินะ ต้องใช่แน่ๆ!
"งั้นเธอลืมลงเหรอว่ายายเธอตายยังไง?" หลินอันหนานยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ขอบคุณนะ" ไป๋มู่ชิงพยักให้เขาพร้อมคืนเสื้อคลุมให้เขาแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป
เธอวางมือไปที่ประตูถึงรู้ว่ามือตัวเองไม่มีแรงเลย เธอรีบกัดฟันแน่นแล้วดึงสติกลับมา
หลินอันหนานเห็นเธอบิดเปิดประตูไม่ได้เลยรีบเดินไปช่วยเธอเปิดประตู
เมื่อประตูถูกเปิดออก ไป๋มู่ชิงที่กำลังก้าวออกไปก็เห็นเงาของคนสองคนยืนอยู่ เป็นเงาของหนานกงเฉินกับคุณหนูเหอนั่นเอง ไม่รู้ว่าคุณหนูเหอเมาหรือเปล่าเลยเอาแขนไปคล้องคอหนานกงเฉินไว้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน "คุณชายเฉินคะ ถึงคุณจะแต่งงานมีภรรยาแล้วแต่ก็อย่าลืมฉันนะ เดี๋ยวฉันจะเสียใจแย่เลย"
"ไม่หรอก ผมไม่ลืมคุณหรอก" หนานกงเฉินพูดยิ้มๆพร้อมบีบแก้มเธอจากนั้นก็เอาแขนที่คล้องคอเขาอยู่ออก
พอเขาหันหลังมารอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็หายไปเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแทน เขามองไปที่ไป๋มู่ชิงพร้อมกำลังจะอธิบาย แต่คุณหนูเหอกลับเอนตัวมาอยู่ในอ้อมกอดเขา ใบหน้าแนบไปกับหน้าอกเขาพร้อมยิ้มเย้ย "งั้นคืนนี้ไม่ต้องกลับแล้ว นานแล้วนะที่เราไม่ได้……"
"พอแล้ว คุณหนูเหอ" สีหน้าของหนานกงเฉินเย็นลงพร้อมพยุงตัวเธอออกจากอ้อมแขน เขาเองก็เห็นหลินอันหนานที่ยืนอยู่หลังไป๋มู่ชิงซึ่งสีหน้าที่เยือกเย็นนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากหลินอันหนาน
คุณหนูเหอดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ยังยืนอยู่ข้างเขาพร้อมมองไปที่ไป๋มู่ชิงพร้อมพูดหัวเราะว่า "พวกเขาเป็นใครเหรอ……เพื่อนของคุณ……ดูเหมาะสมกันดีนะ"
"เธอเป็นภรรยาผม" หนานกงเฉินกัดฟันตอบ ไม่รู้ว่ากำลังตอบคำถามคุณหนูเหอหรือว่ากำลังเตือนหลินอันหนานกันแน่
"ภรรยาคุณเหรอ?" คุณหนูเหอทำสีหน้าตกใจพร้อมกวาดมองไปที่ไป๋มู่ชิงแล้วพูดเสียงต่ำ "แล้วทำไมเธอถึงอยู่กับผู้ชายคนอื่น? ไม่ใช่ว่าแอบคุณไปมี……"
ไป๋มู่ชิงไม่รู้สึกเลยว่าเธอเมาแล้วพูดไม่คิด แทนที่จะขอโทษที่คล้องแขนสามีคนอื่นแต่กลับพูดให้เธอดูแย่?
ไป๋มู่ชิงเดินตรงไปด้วยความโกรธพร้อมตบหน้าเธอ "ฉันไม่ได้สำส่อนเหมือนคุณหนูเหอหรอก!"
ด่าเสร็จเธอก็หันหลังเดินออกไปจากบาร์
หนานกงเฉินมองไปทางคุณหนูเหอแล้วขมวดคิ้วเป็นปมแล้วตามเธอออกไป
ด้วยความที่ในบาร์ค่อยข้างมืด คนก็เยอะ เขาเห็นเพียงเงาของเธอที่เดินทะลุผู้คนไป พอเขาเดินตามผ่านผู้คนไปก็ไม่เห็นตัวไป๋มู่ชิงแล้ว
เขายืนมองซ้ายมองขวาอยู่หน้าบาร์ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตัดสินใจเดินไปทางที่มีแม่น้ำ เพราะไม่ว่าไป๋มู่ชิงจะโกรธหรือเสียใจเธอก็ชอบไปริมแม่น้ำ เขาจำเรื่องนี้ได้
ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไป๋มู่ชิงพยายามกั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา แต่พอก้าวออกมาเท่านั้นแหละน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาเต็มหน้า
แสงสีต่อหน้าก็เปลี่ยนเป็นแถบสีแทน ใบหน้าผู้คนที่เดินผ่านก็มัวไปหมด เธอพยายามเดินออกไปให้ได้เร็วที่สุด
บาร์นี้ไม่ไกลจากริมแม่น้ำมากเธอถึงมาถึงที่นี่ได้เร็วกว่าที่คิด
เธอยังไม่กล้ากระโดดลงไป เพียงแค่ร้องไห้ต่อหน้าแม่น้ำ เธอทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย……
พอหนานกงเฉินตามมาถึงก็เห็นเธอยืนร้องไห้ด้วยสีหน้าโศกเศร้า เขาชะลอความเร็วในการเดินลงแล้วไปยืนอยู่ข้างหลังเธอ พร้อมมองใบหน้าเธอแล้วเอ่ย "ก่อนที่ผมจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณหนูเหอ คุณก็ควรบอกผมก่อนว่าทำไมคุณถึงออกมาจากห้องพร้อมกับหลินอันหนาน?
พอได้ยินเสียงเขา ไป๋มู่ชิงก็ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาจากนั้นก็หันหลังไปชี้หน้าเขา "หนานกงเฉิน! ฉันจะหย่ากับคุณ!"
หย่างั้นเหรอ? ถึงแต่ก่อนเธอจะร้องไห้อาละวาดแค่ไหนก็ไม่เคยพูดว่าจะหย่า แต่วันนี้เธอจะหย่ากับเขางั้นเหรอ?
"ทำไม? เพราะผู้ชายคนนั้นเหรอ?" สีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากนัก
"ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา"
"งั้นเกี่ยวกับผมเหรอ?" หนานกงเฉินถามพร้อมขมวดคิ้วเข้ม "ผมกับคุณหนูเหอเราแค่แสดงละครตบตากัน เรา……"
"ผู้หญิงที่แสดงละครตบตากับคุณเยอะแยะไป อย่าว่าแต่คุณหนูเหอเลย?" ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาอีกครั้งพร้อมจ้องเขาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่าเกลียดกว่าร้องไห้สักอีก "คุณหนูเหอ คุณหนูฟาง เลขาเหยียน……เยอะจนเปิดเป็นโรงเรียนได้แล้วมั้ง คุณกำลังจะบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องคุณสินะ? ฉันไม่ควรยุ่ง? ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอกเลยเลือกที่จะหย่ากับคุณไง?
"ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ล่ะก็ ไม่มีวัน!
"เหตุผล? นายคิดว่าตัวเองรวยแล้วสามารถปิดบังรอยด่างกับสิ่งที่คุณทำลงไปได้เหรอ? คุณแค่อยากได้บ้านของคนอื่นถึงขั้นต้องบีบคั้นเขาจนตาย เพื่อโรคของตัวเองแล้วบังคับให้คนอื่นแต่งงานด้วยแล้วสุดท้ายพวกเธอก็ตาย แล้วตอนนี้ยังจะมาอ้างว่า 'แสดงละครตบตา'เพื่อที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้มีชู้ ทำไมคุณถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้?"
พอได้ยินเธอพูดใจของหนานกงเฉินก็หวั่นไปแล้วถามเธอว่า "ใครเป็นคนบอกเธอ?"
ใครกันแน่ที่เป็นคนบอกเธอเรื่องที่เขาจะยึดบ้านสวนจูจนทำให้คุณหญิงจูเสียชีวิต?
"ใครจะเป็นคนบอกมันต่างกันเหรอ?" ไป๋มู่ชิงกรีดร้องออกมา ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง? เขายอมรับงั้นเหรอ? ยอมรับสักที!
เมื่อเห็นเธอแสดงอาการขนาดนี้ทำให้หนานกงเฉินสับสนเล็กน้อย ถึงเขาจะเลือดเย็นขนาดนี้แต่ทำไมเธอถึงแสดงออกมากขนาดนั้น? อย่างกับเขาบังคับคนในครอบครัวเธอจนทำให้เสียชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...