เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บทที่ ควรจะอธิบายหรือเปล่า

สรุปบท บทที่ ควรจะอธิบายหรือเปล่า: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

บทที่ ควรจะอธิบายหรือเปล่า – ตอนที่ต้องอ่านของ เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ตอนนี้ของ เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ ควรจะอธิบายหรือเปล่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็หยิบขึ้นมาดูหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหนานกงเฉินในใจก็เกร็งไป เขาเคยคิดว่าถ้าหนานกงเฉินหาตัวเธอไม่เจอคงมาหาที่นี่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้

ลังเลไปครู่หนึ่งเขาก็กดรับสาย "พี่ชายโทรหาผมมีอะไรหรอครับ?"

น้ำเสียงดูปกติเหมือนทุกวันแล้วยังแฝงด้วยความยิ้มอ่อนอ่อน

"นายว่าล่ะ?" มุมปากของหนานกงเฉินลดลงไปพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม "นายเอาพี่สะใภ้ไปไว้ที่ไหน?"

หลินอันหนานเงยหน้าขึ้นมองข้างบนแล้วตอบไปว่า "พี่สะใภ้? พี่ชายกำลังพูดอะไร?"

"คุณชายหลิน คุณแน่ใจเหรอว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้?" น้ำเสียงหนานกงเฉินมีความไม่พอใจอย่างชัดเจน

แต่หลินอันหนานก็ไม่คิดที่จะหลุดปากแถมยังแสร้งพูดต่อว่า "พี่ชายผมไม่เข้าใจจริงๆว่าพี่กำลังพูดอะไร พี่สะใภ้เป็นอะไรครับ?"

หนานกงเฉินลังเลไปครู่นึงแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "ไม่มีอะไร"

ทีแรกคิดว่าตัวเองพูดจนเขาได้ถอดใจไปแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้เลย

มองไปที่รถของหนานกงเฉินข้างล่าง มุมปากหลินอันหนานก็ขยับขึ้นยิ้มอ่อนแล้วหันไปมองไป๋มู่ชิงที่นั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างแล้วพูดว่า "พวกแกสองคนรักกันจริงๆ สามารถถึงที่นี่ได้"

ไป๋มู่ชิงได้ยินเสียงที่เขาพูดแล้วขยับร่างกายมองลงไปก็เห็นรถของหนานกงเฉินจอดอยู่ข้างล่าง

เวลานี้เธอก็ยังใส่ชุดนอนอยู่เส้นผมก็ยุ่งเหยิงแล้วอิงไปที่กระจกหน้าต่างเบาๆ เธอมองจากมุมนี้ลงไปก็เห็นตำแหน่งที่หนานกงเฉินอยู่พอดี

หนานกงเฉินที่อยู่ข้างล่างก็เห็นเธอพอดี มองผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา เขาเห็นสีหน้าซีดขาวของไป๋มู่ชิงแล้วยังเห็นชุดนอนบนตัวเธอด้วย

ในใจเขาก็ดีใจที่ได้เจอเธอที่นี่ อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ความดีใจก็ถูกด้วยความโมโหแทนที่ทันที เธออยู่ในบ้านของผู้ชายคนอื่นแถมยังใส่ชุดนอนอีก? ช่างทิ่มแทงสายตาเขาแล้วความรู้สึกของเขามาก!

หนานกงเฉินมองไปที่เธอสักพักจากนั้นก็ก้าวเข้ามาในบ้านพัก

เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องรับรองชั้นแรก หลินอันหนานก็กำลังเดินลงมาพอดี เดินมาต่อหน้าด้วยหนานกงเฉินสีหน้ารู้สึกผิด "พี่ชาย พี่มาแล้วหรอ"

หนานกงเฉินจ้องเขา "นายยังบอกว่าพี่สะใภ้ไม่อยู่ที่นี่อีกหรอ?"

"ไม่ครับ พี่ชายเข้าใจผิดแล้ว" หลินอันหนานเสียหน้าแล้วถูมือตัวเอง "พี่สะใภ้ถูกโจรขโมยโทรศัพท์ที่นอกเมืองแถมยังตากฝนอีก ผมเจอเธอพอดีก็เลยรับกลับมาด้วย เอ่อ……พี่สะใภ้ก็กลัวพี่จะเข้าใจผิดเลยไม่อยากให้พี่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่"

สีหน้าที่เสียดสีของหนานกงเฉินชัดขึ้น "เจอกันพอดีหรอ?"

"ใช่ครับ" หลินอันหนานพยักหน้าให้

หนานกงเฉินเดินผ่านตัวเขาไปแล้วก้าวขึ้นไปชั้นบน หลินอันหนานเห็นแผ่นหลังของเขาที่ก้าวเดินขึ้นเข้าไปก็ถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าจะตามมาถึงที่นี่ได้ ไม่คิดเลย!

เขาถอยหลังไปแล้วนั่งลงบนโซฟา ในใจก็ว้าวุ่นไปหมด

เขาไม่อยากมีปัญหากับหนานกงเฉิน แล้วไม่มีปัญญาไปทำอะไรเขาด้วย ครั้งนี้เขาก็ถามตัวเองในใจว่าทำแบบนี้ดีแล้วหรอ? มันคุ้มหรอ?

ความรักที่เขามีให้ไป๋มู่ชิงเป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หลงหัวปักหัวปัมขนาดนั้น เขาสามารถเสียสละทุกอย่างได้เพื่อตำแหน่งฐานะของตัวเอง

แต่หลังจากที่ไป๋มู่ชิงจากเขาไป เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยวางง่ายขนาดนี้ไม่ได้ ในใจก็รู้สึกว่างๆ ถึงแม้จะมีไป๋ยิ่งอันที่หน้าตาเหมือนกันก็ทดแทนไม่ได้

ยิ่งตอนที่เห็นไป๋มู่ชิงอยู่กับหนานกงเฉินอยู่ด้วยกัน เห็นไป๋มู่ชิงท้องลูกของตระกูลหนานกง ในใจเขาก็ยิ่งวุ่นขึ้นไปอีก จนทำอะไรไม่คิดก็เหมือนถ้าเรื่องวันนี้เกิดขึ้นเขาคงไม่ได้รับความอภัยจากไป๋มู่ชิงแถมยังมีปัญหากับหนานกงเฉินอีก

หนานกงเฉินขึ้นไปถึงชั้นสองเปิดประตูห้องของไป๋มู่ชิงแล้วก้าวเข้าไป ไป๋มู่ชิงก็ยังนั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่อย่างนั้น

หนานกงเฉินมองกวาดไปที่ชุดนอนบนตัวเธอก็รู้สึกหน่วงๆขึ้นมาแล้วถามว่า "เสื้อผ้าของคุณล่ะ?"

ทำไมเขาจะไม่รู้หลังจากที่เธอตากฝนคงใส่เสื้อผ้าที่เปียกอย่างนั้นตลอดไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากถามคือใครเป็นคนถอดเสื้อให้เธอ ร่างกายของเธอถูกใครดูแล้วบ้าง ระหว่างเธอกับหลินอันหนานเกิดอะไรขึ้น

"ผมกำลังถามคุณ" เขาเดินก้าวไปยืนต่อหน้าเธอ

ไป๋มู่ชิงก็ไม่ได้สนใจเขาตามเคยเหมือน เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

"คุณหมายความว่ายังไง?" คิดจะนิ่งอยู่ที่นี่ไม่ไปหรอ?" หนานกงเฉินโมโหอารมณ์ร้อน

เขาหาเธอตั้งแต่ประชุมเสร็จจนตอนนี้ฟ้าใกล้มืด จนลืมกินข้าวบาดแผลก็ยังไม่ได้ทำแผลกว่าจะหาเธอเจอ แต่เธอกลับทำตัวเย็นชาแบบนี้

เขารู้ว่าคนท้องอารมณ์แปรปรวนง่ายแต่นี่มันผิดปกติเกินไปหรือเปล่า?

ไป๋มู่ชิงหันกลับมาช้าๆแล้วจ้องเขา "ฉันไม่อยากไป แต่คุณจะปล่อยฉันไว้หรอ?"

"คุณไม่อยากไป?คุณไม่อยากไปงั้นหรอ?" หนานกงเฉินดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นจากหน้าต่างอย่างโมโหดึงเข้ามาในอ้อมแขนแล้วใช้มือจับท้ายทอยเธอไว้พร้อมเอ่ยกัดฟันแน่นข้างหู "เธอคุณลองพูดอีกรอบสิ?"

ไป๋มู่ชิงไม่ได้ดิ้นหลุดออกจากเขา แต่กลับก้มหน้าลงไปไหล่เขาแล้วกัดลงไปแรงๆ

หนานกงเฉินถูกเธอกัดจนโอดครวญ จากนั้นก็รู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆหยดลงระหว่างไหปลาร้าของตัวเองแล้วได้ยินเสียงที่เธอพยายามกั้นไว้ด้วย

เขาใจอ่อนไปแล้วกอดเอวเธอไว้แล้วถามขึ้นว่า "คุณเป็นอะไร?หลินอันหนานรังแกคุณใช่ไหม?"

ไป๋มู่ชิงไม่ตอบยังกัดอยู่อย่างนั้น ถึงแม้จะมีกลิ่นคาวเลือดก็ไม่ยอมปล่อยปาก

หนานกงเฉินเริ่มชินกับความเจ็บที่แล้วไหปลาร้าแล้ว ถามขึ้นอีกว่า "ทำไมถึงไปนอกเมืองไกลขนาดนั้น? ทำไมโทรศัพท์ถูกโจรขโมยไปแล้วไม่โทรหาผม? ทำไมต้องกลับมากับหลินอันหนานด้วย?"

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง ไป๋มู่ชิงปล่อยเขาสักที น้ำตาก็ไหลผ่านคราบเลือดที่มุมปากแล้วมองเขาด้วยสายตาเคืองแค้น "หนานกงเฉิน ฉันแค่อยากจะถามว่า หลังจากที่ฉันกลับไปกับคุณฉันจะเป็นยังไง?"

"หมายความว่ายังไง?"

"คุณตอบตกลงที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแล้วไม่ใช่หรอ?" สิ่งที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้เพราะยังไงหลังจากที่เด็กคลอดแล้ว เธอกับเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีก เขาจะแต่งงานกับใครก็ไม่ใช่เรื่องของเธออีก ถึงแม้จะเสียใจกับการกระทำที่เยือกเย็นของเขาแต่มันยังไม่ทำให้ตัวเองเสียใจจนจะเป็นบ้าขนาดนี้

ที่เธอเสียใจก็เป็นเพราะว่าเขาใช้วิธีการสกปรกขนาดนั้นจนทำให้คุณย่าเธอตาย แต่เธอกลับถามเขาตรงๆไม่ได้แ ล้วแก้แค้นเขาไม่ได้เ

หมือนกับว่ามีความเครียดแค้นที่ระบายออกมาไม่ได้จึงใช้ข้ออ้างนี้ระบายอารมณ์กับเขาไป

หนานกงเฉินคาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถามแบบนี้ ในใจก็ประหลาดใจไปพร้อมขมวดคิ้วถามขึ้น "ใครเป็นคนบอกคุณ?"

"ใครจะบอกฉันมันแตกต่างกันหรอ?"

"ไม่แตกต่าง แต่คุณฟังผมอธิบายก่อน"

"ไม่จำเป็นแล้วล่ะ" ไป๋มู่ชิงใช้แรงผลักเขาออกไปแล้วพูดต่อว่า "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรสุดท้ายมันก็เหมือนเดิม"

ก็แค่จะหาคนที่ถูกโชคชะตาลิขิตไว้เพื่อร่างกายของเขา ที่เขาแต่งงานกับผู้หญิงเยอะขนาดนี้ก็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่หรอ?

หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอ "นี่เป็นสิ่งที่คุณเลือก ถ้าไม่ใช่คุณดื้อดึงจะคลอดเด็กคนนี้ ผมก็คงไม่ถูกคุณย่าบังคับให้ตกลง"

"ถึงแม้ฉันจะเอาเด็กออก คุณย่าก็จะล้มเลิกความคิดที่จะให้คนแต่งงานต่องั้นหรอ? "คุณจะต่อต้านคุณย่าเพื่อฉันหรอ?" ไป๋มู่ชิงปาดน้ำตาออก "กับตระกูลหนานกงของพวกคุณ ฉันเป็นแค่เครื่องมือที่รักษาโรคคุณ เครื่องมือที่ให้กำเนิดบุตรหลานให้คุณ พวกคุณไม่เคยนึกถึงความรู้สึกฉันเลย อยากได้เด็กก็เอา ไม่อยากได้ก็ไม่ทิ้ง พวกคุณ……"

ไป๋มู่ชิงเงียบไปแล้วเปลี่ยนคำพูดว่า "ฉันรู้ว่าคุณจะพูดว่าฉันเป็นสิ่งของที่ตระกูลหนานกงซื้อมาตั้งแต่แรก แถมฉันยัง……เป็นคนวิ่งเข้าหาคุณอีก ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากทนกับความไม่ยุติธรรมนี้ไม่มีสิทธิ์อะไร……"

"พอแล้ว!" หนานกงเฉินพูดตัดขึ้นอย่างหงุดหงิด เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับเธอยังไง เหมือนจะอธิบายไม่เคลียร์ด้วย

เธอก็พูดถูก ถึงแม้เธอจะเอาเด็กออกคุณย่าก็จะอนุญาตให้เขาไม่แต่งงานต่อหรอ? เขาจะต่อกลอนกับคุณย่าที่ทำเพื่อเขาได้หรอ?

ด้วยความจำเป็นเขาก็เลยดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน "ผมไม่อยากอยู่ในที่ของผู้ชายคนอื่นนานนัก คุณกลับไปกับผมดีๆเถอะ"

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นแล้ว ไม่ใช่เวลาที่จะหนีด้วย ก็เลยจำใจกลับไปกับเขา

ตอนที่เดินผ่านห้องรับรองชั้นหนึ่ง หลินอันหนานมองกวาดไปที่บาดแผลที่เพิ่มขึ้นที่ไหล่ของหนานกงเฉิน จากนั้นก็มองไปที่ไป๋มู่ชิงพร้อมเอ่ยถามเธอว่า "พี่สะใภ้จะกลับเลยหรอครับ"

ไป๋มู่ชิงมองไปที่เขา ในใจก็ตีกันวุ่นไปหมด

เธอรู้ว่าคำพูดนี้ของหลินอันหนานหมายความว่าอะไร เขาอยากให้เธออยู่ต่อ แต่ว่า……จะเป็นไปได้ยังไง?

ถึงแม้ตอนนี้จะให้เธอเลือก เธอก็ฉันเลือกอยู่กับหลินอันหนานแทน เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บีบบังคับคุณย่าเธอจนตาย แค่เขาเคยหักหลังเธอ นอกนั้นก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีกับเธอเลย

แต่ตอนนี้เธอเลือกไม่ได้คนที่เธอแต่งงานด้วยคือหนานกงเฉิน ลูกในท้องก็เป็นลูกของหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกแสบหูแล้วจองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น "ไม่งั้นล่ะ? อยู่ต่อกับนายที่นี่หรอ?"

"ไม่ครับ ผมหมายความว่าเสื้อผ้าของพี่สะใภ้กำลังซักอยู่ยังไม่ได้มาส่ง" หลินอันหนานพูด

"เสื้อผ้าหรอ?ไม่ต้องแล้ว" หนานกงเฉินก้มลงไปมองเท้าเปล่าของไป๋มู่ชิงแล้วเอนตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นเดินออกนอกประตูไป

ไป๋มู่ชิงตกใจกับการกระทำที่ฉับพลันของเขาแล้วรีบใช้มือคล้องคอเขาไว้

จนกระทั่งหนานกงเฉินวางตัวเธอลงในรถแล้วรถก็แล่นออกจากโรงแรม ไป๋มู่ชิงอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดในรถนิ่งเงียบสงัด ทั้งสองคนไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย

เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูโรงแรมหนานกงเฉินก็ดับเครื่องยนต์แล้วกำลังจะเปิดประตูลงไป แต่สังเกตุเห็นว่าเธอไม่ขยับตัวเลยเลยหันไปพูดกับเธอว่า "ลงรถ"

ไป๋มู่ชิงค่อยขยับร่างกายที่เฉยชาแม้แต่เปิดประตูรถยังรู้สึกกินแรงเลย

หนานกงเฉินสังเกตุเห็นความไม่สะดวกของเธอเลยยื่นมือไปจับแขนเธอไว้แล้วดึงกลับมา มองสำรวจใบหน้าที่ซีดขาวของเธอ "คุณเป็นอะไร? ไม่สบายหรอ?"

เป็นเพราะว่าตากฝนแล้วตอนนี้ก็เริ่มมีไข้รู้สึกหนักหัวเวียนหัวหนัก

"ฉันไม่เป็นไร" เธอดิ้นรนจะลงรถแต่กลับถูกหนานกงเฉินดึงกลับมา

หนานกงเฉินยกฝ่ามือขึ้นวางบนหน้าผากเธอแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป "คุณมีไข้ เดี๋ยวไปหาหมอก่อน"

"คุณไม่ต้องมายุ่ง!" ไป๋มู่ชิงดื้อดึงแล้วใช้มืออีกข้างไปเปิดประตูรถ

หนานกงเฉินล็อกประตูรถแล้วจ้องมองเธอด้วยความโมโห "คุณหนูไป๋ ผมเตือนคุณไว้เลยว่าคุณอย่าเอานิสัยแบบนี้มาทดสอบความอดทนของผม"

พูดจบเขาก็สะบัดมือเธอออกแล้วสตาร์ทรถออกไป

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเพื่อความแน่ใจ หนานกงเฉินก็ให้คุณหมอทำเรื่องแอดมิทให้เธออยู่ดูแลครรภ์ในโรงพยาบาล

เพราะว่าเป็นคนท้องทางโรงพยาบาลก็เลยต้องระมัดระวังในการรักษา ไป๋มู่ชิงหันหลังให้กับประตูห้องพักฟื้น บนใบหน้าไม่มีน้ำตาแล้วแต่ยังมีสีหน้าความรู้สึกที่เสียใจอยู่

ทำให้ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอหวังเลย ถ้าให้เหยาเหม่ยรู้คงล้อเธออีกว่าโรงพยาบาลเกือบจะเป็นบ้านของเธอไปแล้ว ถ้าให้คุณหญิงรู้ก็คงจะโทษเธอที่ไม่ดูแลตัวเองอีก

หนานกงเฉินมองไปที่เวลาบนข้อมือ ตอนนี้สามทุ่มแล้ว เขาที่ไม่ได้กินอะไรเลยมาทั้งวันก็รู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอกินอะไรตอนเย็นหรือยัง แต่เห็นสภาพแบบนี้คงไม่ได้กินแน่ๆ

เขาพูดใส่แผ่นหลังของเธอว่า "คุณอยากกินอะไร?เดี๋ยวผมไปซื้อให้"

ไป๋มู่ชิงส่ายหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา "ไม่จำเป็น"

"คุณกินอาหารเย็นหรือยัง?"

ไป๋มู่ชิงไม่ตอบ เธอยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย

หนานกงเฉินเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรก็เดาได้ว่าคงไม่ได้กินแล้วพูดขึ้นอีกว่า "เดี๋ยวผมซื้อโจ๊กให้คุณดีไหม? หรือว่าจะกินบะหมี่?"

รอไปครู่หนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบรับอีก เขาก็เดินขึ้นไปอย่างหงุดหงิดแล้วจับแขนเธอให้หันกลับมา "คุณหนูไป๋ คุณฟังไว้นะคุณชายอย่างผมไม่เคยปรนนิบัติใครมาก่อน คุณให้ความร่วมมือจะดีกว่านะ!"

ไป๋มู่ชิงไม่ได้ตกใจกับคำขู่ของเขาแต่มองกับเขาแล้วเอ่ยไปว่า "ฉันไม่ต้องการการปรนนิบัติจากคุณ"

"นี่คุณ……"

"ถ้าคุณชายอยากให้ฉันรีบออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปในเมืองซี งั้นก็ขอให้คุณหายไปจากสายตาฉันเถอะ ไม่งั้นฉันคงทุกข์ทรมานแล้วไม่หายสักที"

หนานกงเฉินจ้องมองเขาไปสักครู่แล้วพูดกันฟันแน่นว่า "ไม่รู้จักรับไว้!" พูดจบจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

เขาคิดว่าตัวเองคงเป็นบ้าแล้วเลยเป็นห่วงอาการของเธอ แล้วให้เธอทำตัวงี่เง่าเหยียบย่ำความรู้สึกของตัวเอง โตขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่ไม่เคยเจอ? ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่ทำกับเขาอย่างเธอ!

หลังจากที่หนานกงเฉินเดินออกไป ไป๋มู่ชิงก็หันหลังกลับไปแล้วหลับตาลง ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด

หนานกงเฉินเดินออกจากห้องพักฟื้นก็เกือบจะชนกับผู้ช่วยเหยียนที่อยู่หน้าประตู เขาหยุดก้าวขาจากนั้นเดินต่อไป

"คุณชายเฉินคะ……" ผู้ช่วยเหยียนรีบตามขึ้นไปให้ทันฝีก้าวเขา "ระหว่างคุณกับคุณหญิงน้อยมีความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ? ดูจากนิสัยของคุณหญิงน้อยแล้วไม่น่าจะงี่เง่าแบบนี้เลย"

หนานกงเฉินหัวราะเสียดสีขึ้นมา แต่ก่อนเขาก็คิดว่าเธอรู้เรื่องน่ารักอยู่ เลยดีกับเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนี้คงตามใจมากไม่ได้ พอตามใจก็ลืมตัวไปเลย

"หรือว่าเป็นเพราะหลินอันหนานพูดอะไรกับเธอ เธอถึงได้ต่อต้านคุณขนาดนี้?"

หนานกงเฉินหยุดก้าวขาแล้วพูดว่า "หลินอันหนานคงใช้ชีวิตอย่างสบายเกินไปแล้ว ถึงทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ สั่งสอนให้มันรู้สึกด้วย"

"ทราบแล้วค่ะคุณชายเฉิน แต่ว่า……คุณหญิงน้อย……"

แต่ไม่ว่าจะยังไงคุณย่าก็เป็นแม่แท้ๆของคุณลุง เขาไม่มีทางฆ่าแม่แท้ๆของตัวเองเพื่อเงินหรอก

เธอไม่เชื่อ ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อ!

"คุณหญิงน้อยคะ……"

"หยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง!" ไป๋มู่ชิงพูดตัดเธอแล้วใช้มือปิดหูทั้งสองข้างไว้ เธอไม่อยากเชื่อว่าคนลุงจะเป็นคนอย่างงั้น ถึงแม้เขาจะเคยทำไม่ดีกับเธอก็ตาม

เธอไม่เชื่อคำพูดของผู้ช่วยเหยียนแล้วปล่อยวางความโกรธแค้นของหนานกงเฉินลงหรอก เธอจะเกลียดเขา เกลียดจนกว่าลูกจะคลอด เกลียดจนกว่าตัวเองจะไปจากบ้านหนานกง!

เธอไม่อยากจากเขาไปพร้อมความรัก ไม่อยาก……!

"คุณหญิงน้อยคะ คุณชายเฉินไม่มีค่าให้คุณเชื่อมั่นในตัวเขาเลยหรอคะ?" ผู้ช่วยเหยียนพูดต่อ "คุณแต่งงานกับเขานานขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจเขาอีกหรอคะว่าเขาเป็นคนยังไง? ถึงแม้เขาจะทำอะไรเด็ดขาดแต่ก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างนี้นะคะ"

"ถึงแม้ตอนนั้นเขาไม่รู้เรื่อง แต่เรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะเขา ทำไมเขาต้องซื้อบ้านสวนนั้นด้วย? ในเมื่อคนอื่นไม่ยอมขายทำไมต้องซื้อด้วย?" เธอเริ่มโวยวายขึ้น

ผู้ช่วยเหยียนลังเลไปครู่นึงแล้วพูดว่า "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องซื้อบ้านสวนนั่น แต่ฉันรู้แค่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณหญิงจูเสียชีวิต คุณจะคิดว่าเขาเป็นฆาตกรเพราะเรื่องนี้ ไม่ได้แล้วยังปฏิเสธความรู้สึกที่เขามีให้คุณด้วย นอกจากคุณหนูจูเขาก็ไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนไหนแบบคุณมาก่อน ไม่เคยกระวนกระวายเพราะผู้หญิงคนไหนยิ่ง ไม่เคยทะเลาะชกต่อยกับคนอื่นท่ามกลางสายฝนเพื่อผู้หญิงคนไหน ทั้งหมดนี้คุณไม่เห็นหรอคะ?"

"ฉันไม่เห็น! แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย ขอให้คุณหยุดพูดเถอะ" ไป๋มู่ชิงพูดขอร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด

เธอไม่อยากรู้เลย ไม่อยากรู้เลยสักนิดจริงๆ!

เธอเพิ่งตัดสินใจได้ที่จะจากเขาไปด้วยวิธีนี้ ทำไมผู้ช่วยเหยียนคนนี้ถึงมาพูดอะไรกับเธอขนาดนี้ด้วย?

"ก็ได้ สิ่งที่ฉันควรพูดก็พูดแล้วจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณเถอะค่ะ" ผู้ช่วยพูดจบก็ใช้คางชี้ไปที่โจ๊กบนโต๊ะ "อย่าลืมทานโจ๊กนะคะ ไม่งั้นจะไม่ดีต่อลูกในท้อง"

พูดจบเธอก็ออกจากห้องพักฟื้นของไป๋มู่ชิงไป

เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมที่จะอยู่ดูแลไป๋มู่ชิงที่โรงพยาบาล เพราะไป๋มู่ชิงยังเข้าใจเธอผิดอยู่ ก็เลยให้พยาบาลไปดูแลเธอแทนจากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาล

เพื่อเด็กในท้อง ไป๋มู่ชิงก็เลยต้องยอมกินโจ๊กที่ผู้ช่วยเหยียนซื้อมาให้ เสร็จก็นอนคิดมากอยู่บนเตียง ไม่รู้สึกง่วงเลย จนกระทั่งตีหนึ่งกว่าๆถึงนอนหลับไป

เพราะว่าเมื่อคืนหลับดึก วันต่อมาก็เลยตื่นสาย เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาข้างนอกหน้าต่างก็มีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาบนเตียงเธอแล้ว

เธอค่อยๆกระพริบตาเพื่อให้ชินกับแสงสว่างที่ส่องเข้ามา เห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ที่หัวเตียง

หนานกงเฉินนั้นเอง เขายืนพิงหน้าต่างอยู่บนหัวเตียงเธอแล้วทอดมองมาที่เธอ

"คุณตื่นแล้วหรอ?" หนานกงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนกับว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยังทักทายขึ้นเหมือนทุกวันตอนเช้า ถึงแม้น้ำเสียงจะปกติแต่ก็เฉยชากว่าวันก่อนๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่โกรธแล้ว

เมื่อชินกับแสงสว่างในห้อง ไป๋มู่ชิงก็มองไปที่แผลเขียวช้ำบนมุมปากเขาเลยนึกถึงคำพูดต่อว่าที่ผู้ช่วยเหยียนพูดกับเธอ

เมื่อคืนเธอไม่ใช่ไม่เห็นแผลบนใบหน้าเขา แต่ว่าโกรธเกินไปจนไม่ได้สนใจแผลเขาเลย

นอกจากแผลบนใบหน้าที่ขอเขา ก็มีรอยกัดที่เห็นได้ชัดเจน ไป๋มู่ชิงเป็นคนกัดเขาเอง

"หมอบอกว่าวันนี้คุณก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?"

"ฉันไม่เป็นอะไร" เธอตอบสั้นสั้น

หนานกงเฉินก็พยักหน้า "งั้นก็ออกโรงพยาบาลวันนี้เลย"

"ซื้อตั๋วหรือยัง?"

"คุณอยากกลับเมืองซีวันนี้?"

"ใช่"

"แต่ว่าร่างกายคุณยังไม่หายดี ไม่จำเป็นต้องรีบกลับไป รอพักอีกสักวันค่อยกลับ"

"ไม่ต้องแล้ว ฉันสบายดี" เธอพูด

หนานกงเฉินเห็นว่าเธอก็ดูดีขึ้น แต่ว่า……

"ตั๋วจองไว้พรุ่งนี้เช้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนไฟท์" เขาพูดกับเธอ "กินอาหารเช้าบนโต๊ะก่อน"

ไป๋มู่ชิงมองไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะจากนั้นก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเดินออกมาก็กินอาหารเช้า เพื่อเด็กในท้องเธอคงไม่งี่เง่าใส่อารมณ์กับเขากับมื้อเช้านี้หรอก

หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ เธอก็นั่งรอคำสั่งอยู่บนเตียง

หนานกงเฉินมองกว่าไปที่เธอ บนตัวเธอก็ยังใส่ชุดนอนเมื่อวานอยู่ ไม่มีรองเท้าด้วย เขาเลยเดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอขึ้นเหมือนเมื่อวาน จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

ถึงแม้เธอจะท้องได้ห้าเดือนแล้วแต่น้ำหนักไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย หนานกงเฉินอุ้มเธออยู่ในอ้อมแขนไม่รู้สึกลำบากเลย แต่กลับรู้สึกสบายมือเหมือนไม่ได้อุ้มอะไร

ไป๋มู่ชิงมองไปที่แผลที่หน้าข้างของเขาแล้วคิดถึงคำพูดที่ผู้ช่วยเหยียนพูดกับเธอเมื่อวาน เขาไม่ได้ตั้งใจจริงหรอ? เธอควรให้อภัยเขาหรือเปล่า?

เธอแอบหายใจเข้า แล้วคิดว่าตัวเองเริ่มคิดบ้าๆแบบนี้อีกแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้อีกเธอจะไปจากเขาเมื่อไหร่กัน!

พอกลับถึงโรงแรม หนานกงเฉินก็วางเธอลงบนเตียงแล้วเอ่ยว่า "คุณพักผ่อนเถอะ เล่นโทรศัพท์เล่นเกมได้ แต่ว่าอย่าเปิดทีวีเพราะผมจะทำงาน"

พูดจบ เขาก็โยนนิตยสารบนหัวเตียงให้เธอ

เธอมองกวาดไปที่นิตยสาร จากนั้นก็หยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วพิงหัวเตียงไว้แล้วเปิดดู

หนานกงเฉินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นทำธุระต่อ เมื่อวานเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ไปทั้งวันเลยมีงานค้างไม่น้อย ตอนนี้เลยต้องรีบจัดการ

มือของไป๋มู่ชิงพลิกเปิดนิตยสารอยู่ แต่สายตาไม่ได้จ้องมองที่นิตยสารเลย เธอแอบมองที่หนานกงเฉินกำลังตั้งใจทำงานอยู่ แล้วในใจก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่พูดถึงเรื่องเธอกับหลินอันหนานเลย? ทั้งๆที่เมื่อคืนเขาโกรธมาก

หลังจากที่ผ่านการคิดมาทั้งคืน เขาหายสงสัยแล้วเชื่อว่าเธอกับหลินอันหนานไม่มีอะไรกันแล้วหรอ?

ไป๋มู่ชิงจมอยู่บนเตียงทั้งเช้าแล้วหนานกงเฉินก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนกัน

ในที่สุด เขาก็ขยับร่างกายแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปกดน้ำให้ตัวเองกับไป๋มู่ชิงคนละแก้ว ในมือเขาจับแก้วไว้ดื่มไปด้วยแล้วเดินมาหาเธอด้วย

จากนั้นก็ยื่นแก้วอีกใบไปให้เธอ สายตาดูเย็นชาไปไม่น้อยแล้วพูดว่า "คุณมีอะไรจะอธิบายกับผมหรือเปล่า?"

ไป๋มู่ชิงยิ้มข่มขืนในใจ ดูเหมือนเขาจะยังคิดไม่ได้แต่เมื่อกี้เขาแค่ไม่มีเวลาถามต่างหาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด