จากเมืองซีไปเมืองหลิ่ว ความเร็วสูงหนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ครอบครัวคุณหญิงหลินมาถึงรีสอร์ต ตระกูลหนานกงกับตระกูลเซิ่งก็ถึงแล้ว ทุกคนนั่งอยู่รอบๆ สวนดอกไม้ของโรงแรม
ถึงแม้จะมีสองครอบครัวใหญ่ แต่มีคนทั้งหมดแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น รวมตระกูลหลินอีกสี่คน ก็มากพอสำหรับโต๊ะกลมตัวใหญ่
โรงแรมนี้เป็นคฤหาสน์สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในรีสอร์ต ลานกว้างมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องทั้งหมดยี่สิบกว่าห้อง
“คุณย่า ชอบอยู่ที่ไหนไหมคะ? ” ไป๋ยิ่งอันพูดเอาใจคุณผู้หญิง “ถ้าคุณไม่ชอบ เราเปลี่ยนเป็นสไตล์อื่นได้นะคะ มีกระท่อมเล็กๆ บนชายหาดนั้น ด้านหลังเขานั้นมีตึกหย่อนขาด้วยนะคะ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ดีมาก”
คุณผู้หญิงจิบชาหนึ่งคำ เหลือบมองสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เราคนเยอะ เอาที่นี่ดีกว่า”
ไป๋ยิ่งอันพยักหน้า “อืม ฉันก็คิดว่าคนเยอะอยู่ห้องแบบนี้ก็ดีหน่อย ตอนกลางคืนทุกคนจะได้พูดคุยและดื่มชากันในสวนได้”
ไป๋ยิ่งอันพูดจบ ก็เดินไปนั่งข้างๆ หนานกงเฉิน ควงแขนเขา ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณชายใหญ่ คุณอยากดื่มอะไร? ฉันจะเข้าไปเอามาให้คุณ”
หนานกงเฉินละสายตาจากหลินอันหนานและไป๋มู่ชิงที่อยู่ประตูทางเข้าสวนดอกไม้ มองเธอก่อนยิ้มบางๆ “ไม่ต้อง ฉันดื่มชากับคุณอย่าก็พอแล้ว”
คุณหญิงเซิ่ง หนานกงยวี่มองสำรวจไป๋ยิ่งอัน อมยิ้มและชมเชย “ยิ่งอันของเราเอาใจใส่มากเลย คิดรอบคอบทุกเรื่อง”
“คุณป้า ฉันไม่เอาใจใส่เหรอคะ? ” ผู่เหลียนเหยาเดินอ้อมออกมาจากด้านหลังคุณหญิงเซิ่ง ใช้สองมือช่วยคุณผู้หญิงทุบหลังพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“เธอน่ะ เธอแต่งงานกับเซิ่งเคอเมื่อไร ฉันถึงจะรู้สึกว่าเธอเอาใจใส่” คุณหญิงเซิ่งพูดตำหนิพร้อมยิ้ม
“คุณป้า ฉันกับเซิ่งเคอยุ่งมากอ่า ให้เวลาพวกเราอีกหน่อยนะ” ผู่เหลียนเหยาทำท่าทางขอร้องให้คุณหญิงเซิ่ง จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มแล้วช่วยคุณผู้หญิงนวดไหล่ต่อ
“เหลียนเหยาก็เป็นเด็กที่เอาใจใส่เหมือนกัน เซิ่งเคอมองผิดพลาดแล้ว” คุณผู้หญิงยกมือลูบหลังมือผู่เหลียนเหยา
เซิ่งเคอทักท้วงทันที “เอ๋ คุณย่า อย่าไปยกยอเธอ เดี๋ยวเธอจะโอ้อวด”
ได้ยินพวกเขาต่อปากต่อคำกัน ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา
คุณหญิงหลินที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าค่อยๆ เดินมาข้างๆ หลินอันหนานและไป๋มู่ชิง เตือนพวกเขาเสียงเบา “ลูกดูสิเขาปากหวานกันมาก เอาอกเอาใจเก่งมาก เรารีบไปทักคุณย่าเร็วเข้า จำไว้นะ คุณผู้หญิงชอบให้คนอื่นเรียกเธอว่าคุณย่า และชอบให้คนอื่นพูดเยินยอ”
ไป๋มู่ชิงและหลินอันหนามองหน้ากัน เธอเก่งในการทำให้เด็กๆ มีความสุข แต่คนระดับสูงอย่างคุณผู้หญิงเธอไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆ นอกจากนี้ยังไม่เจอมาตั้งนานแล้ว แค่ยืนต่อหน้าคุณผู้หญิงเฉยๆ เดาว่าตัวเองจะต้องประหม่า จะเอาอกเอาใจอย่างไร?
แน่นอนว่า ทักทายก็ต้องทักอยู่แล้ว
หลินอันหนานราวกับรู้สึกถึงความไม่สบายใจของเธอ จับมือเล็กของเธอไว้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหู “ไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่”
ได้ยินคำพูดเขา ไป๋มู่ชิงก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย เดินไปตรงหน้ากลุ่มคนเหล่านั้นกับเขา
หลังจากทั้งคู่ทักทายคุณผู้หญิงและสองสามีภรรยาตระกูลเซิ่งแล้ว ก็ไปทักทายรุ่นเด็กไม่กี่คน
ผู่เหลียนเหยามองสำรวจไป๋มู่ชิงตรงหน้า แต่งหน้าอ่อนหวานมีเสน่ห์ ชุดกระโปรงเซ็กซี่ รองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตร ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มเล็กน้อย “พี่อันหนาน ได้ข่าวว่าพวกคุณกำลังจะแต่งงานแล้วเหรอ? ”
“ใช่ เดินหน้าวันที่หก อย่าลืมมางานนะ” หลินอันหนานพูดอมยิ้ม
“แน่นอน ฉันกับเซิ่งเคอจะไปออกงานตรงเวลา” ผู่เหลียนเหยามองไป๋ยิ่งอันอีกครั้ง แล้วร้องอุทาน “ลูกพี่ลูกน้องสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนฝาแฝดเลย”
ไป๋มู่ชิงยิ้มเบาๆ ให้ผู่เหลียนเหยา “ก็เราเป็นพี่น้องแท้ๆ ”
ถูกหลายๆ คนจับตามอง ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งร่าง เธออยากดึงหลินอันหนานออกมา แต่ต้องทำตามคำขอร้องของคุณหญิงหลิน ถามคุณผู้หญิงอย่างเอาอกเอาใจ “คุณย่า เดินทางครั้งนี้ท่านลำบากหรือเปล่าคะ? ”
คุณผู้หญิงเหลือบมองเธอ ยิ้มฝืดๆ เล็กน้อย “แค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ก็จริง สุขภาพร่างกายคุณย่าสุดยอดมาตลอดเลย” ไป๋มู่ชิงเห็นคุณผู้หญิงยื่นมือจะหยิบชา ก็รีบยื่นมือส่งแก้วชาไปให้
“เด็กดี ไม่ต้องมาอยู่รอบๆ ฉันหรอก แต่ละคนไปเที่ยวกันเถอะ” คุณผู้หญิงรับแก้วชามาจิบหนึ่งที ไป๋มู่ชิงยื่นมือจะรับแก้วชาจากเธอ แต่คุณผู้หญิงเบี่ยงแก้วไว้ข้างๆ แล้วพูดขึ้น “ไปเถอะ”
ไป๋มู่ชิงยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น สายตาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้มองไปที่หนานกงเฉิน หลังจากพบว่าเขากำลังมองตัวเองอยู่ในใจก็ยิ่งอึดอัด
เธอจับฝ่ามือหลินอันหนานไว้ อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “อันหนาน เราไปดูห้องกันเถอะ”
“เอาสิ” หลินอันหนานจับมือเล็กของเธอไว้ในฝ่ามือ
“คุณย่า เราขึ้นไปก่อนนะคะ” หลังจากไป๋มู่ชิงบอกลาคุณผู้หญิงแล้ว ก็เข้าไปในบ้านพร้อมกับหลินอันหนาน
กลับถึงในบ้าน ในใจไป๋มู่ชิงก็ยังกระวนกระวายนิดหน่อย แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อตัวเองได้สัมผัสสายตาของหนานกงเฉินในใจก็อึดอัดแบบนี้ มักรู้สึกว่าสายตาของเขาพราวราวกับมีด
หลินอันหนานโอบไหล่เธอ ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “ขอโทษ ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจ”
“ที่ไหนล่ะ” ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างเฉยเมย “คุณผู้หญิงมีนิสัยยังไงฉันรู้ดีกว่าคุณ ชินตั้งนานแล้วล่ะ”
“เธอคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว” หลินอันหนานพูด
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องนอนที่ไป๋ยิ่งอันจัดเตรียมด้วยตัวเองพร้อมกัน ถึงแม้ไม่ใช่ห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมด แต่การจัดวางและการตกแต่งดูดีมากเป็นพิเศษ
แค่……ไป๋มู่ชิงกวาดตามองห้องนอนด้านในที่มีเพียงเตียงเดียว จากนั้นก็มองหลินอันหนาน หลินอันหนานเหมือนเข้าใจความคิดเธอ จึงยิ้มให้เธออย่างคลุมเครือ “ทำไม? จะแต่งงานแล้วยังอายอีกเหรอ? ”
“ก็ยังไม่ได้แต่งไม่ใช่เหรอ? ” ไป๋มู่ชิงพึมพำเสียงทุ้ม
“ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ด้วยสถานการณ์นี้แล้ว เราแค่ต้องผ่านคืนงานแต่งก่อนกำหนด” หลินอันหนานยักไหล่ อย่างไรแล้วครั้งนี้เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปอีก
ก่อนหน้านี้ในอพาร์ทเม้นท์มีห้องพักจำนวนมาก ยังไม่ได้แต่งงานก็แตะต้องเธอไม่ได้ ตอนนี้กว่าจะมีโอกาสได้นอนเตียงเดียวกับเธอ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามีความต้องการในด้านนั้น แต่แค่รู้สึกว่าถ้ายืดเยื้อต่อไปเรื่องไม่ดีอาจจะเกิดขึ้น ครอบครองเธอช้าในคืนต่อไปก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
อาจจะเพราะหนานกงเฉินคนคนนั้นแข็งแกร่งมากเกินไปล่ะมั้ง ถึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแบบนี้
“เธออยากพักผ่อนก่อนไหม? ” หลินอันหนานถามขึ้น
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็อาหารเที่ยงแล้ว” ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งบนเตียง ยังดี เตียงที่นี่ใหญ่มากพอ น่าจะมาพอสำหรับสองคนที่ต่างคนต่างอยู่
ทันใดนั้นประตูทางเข้าก็มีเสียงเคาะประตู ไป๋มู่ชิงยืนขึ้นจากเตียงทันที หลินอันหนานเดินไปเปิดประตู พบว่าคนที่เข้ามาคือไป๋ยิ่งอัน
ไป๋ยิ่งอันเดินเข้ามา เหลือบมองไปรอบๆ ห้องนอน ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอโทษนะ ห้องพักที่อยู่ฝั่งทะเลให้ผู้อาวุโสอยู่ พวกเราเด็กๆ ทำได้แค่อยู่ฝั่งนี้”
“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่เลือกอยู่แล้ว” ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเธอ “ฉันไม่คิดว่าเธอขึ้นมาเพราะเป็นห่วงการพักของเราใช่ไหม? ”
“ถูกต้อง ฉันขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเธอให้ระวังนังชั้นต่ำผู่เหลียนเหยา ถึงห้องเราจะแยกกันอยู่ไกลกันที่สุด แต่เราก็ต้องระวัง” ไป๋ยิ่งอันหันไปหาหลินอันหนาน “คุณชายหลิน ได้โปรดดูแลภรรยาคุณให้ดี อย่าให้เธอมีโอกาสอยู่กับหนานกงเฉินตามลำพัง”
หลินอันหนานพูดหนึ่งประโยคอย่างไม่พอใจ “นายหญิงน้อย เรื่องนี้ไม่ต้องให้เธอเตือน”
ไป๋ยิ่งอันยิ้มเย้ยหยัน “คุณอย่าทำหน้าดูถูกแบบนี้ ภรรยาคุณเป็นผู้หญิงยังไงคุณก็น่าจะรู้ดีกว่าฉัน ในใจเธอไม่มีวันลืมหนานกงเฉิน”
หลินอันหนานสีหน้าเปลี่ยนไป จริงๆ เขาก็รู้สึกได้ แค่ไม่อยากยอมรับมันเท่านั้น ตอนนี้พอไป๋ยิ่งอันพูดแบบนี้ในใจก็เหมือนถูกทิ่มแทง
ไป๋มู่ชิงรู้สึกผิดในใจ จ้องมองเธออย่างเย็นชา “นายหญิงน้อยทางที่ดีเธอควรเข้าใจสถานการณ์ดี ตอนนี้คือตอนที่เราควรจะจัดการศัตรูผู่เหลียนเหยาด้วยกัน เธอทำให้ฉันหงุดหงิดมันก็ไม่ดีกับเธอ”
ไป๋ยิ่งอันโดนเธอพูดใส่แบบนี้ คิดแล้วก็ใช่
เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกครั้งเห็นไป๋มู่ชิงตัวเองก็คิดที่จะทุบตีเธอให้ตาย เป็นที่ต้องตาต้องใจทุกครั้ง
เธอเบ้ปาก “งั้นก็ได้ ฉันแค่ขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเธอ”
หลังจากไป๋ยิ่งอันไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็เงยหน้ามองหลินอันหนาน พบว่าสีหน้าเขายังคงไม่ค่อยพอใจ จึงใช้มือผลักแขนเขา “คุณอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอ ฉันไม่ได้มีใจให้กับหนานกงเฉิน”
หลินอันหนานถอนหายใจเบาๆ พูดอย่างหมดหนทาง “ถึงมีมันจะสำคัญอะไร? เธอบอกฉันชัดๆ แล้วว่าไม่ได้รักฉันตั้งนานแล้ว”
“ฉัน……”
“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะตกหลุมรักฉันอีกครั้ง” หลินอันหนานตบบ่าเธอ “เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวลงไปกินข้าว”
อาหารกลางวันรับประทานกันในโรงแรมห้าดาวของทางรีสอร์ต หนึ่งโต๊ะมีสิบคน ทุกคนเข้ากันได้ดีพอสมควร
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ทุกคนก็กลับห้องไปพักผ่อน ตอนบ่ายไปมุมตะวันตกเฉียงเหนือของทางรีสอร์ตเพื่อชมนิทรรศการดอกบัวด้วยกัน
เป็นครั้งแรกที่ไป๋มู่ชิงเห็นดอกบัวสวยงามมากมายขนาดนี้ เมื่อเธอเดินไปข้างๆ สระบัว อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมา “ว้าว นี่เรียกว่าไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง ดอกบัวเยอะมาก”
ผู่เหลียนเหยาเดินตามมาด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ดอกบัวมีชื่อเสียง และตอนนี้ก็เป็นฤดูกาลของดอกบัวด้วย ฉันก็เลยเสนอให้มาที่นี่”
“เลือกที่ได้ไม่เลวเลย” ไป๋มู่ชิงยิ้มกลับให้เธอ หันตัวไปพูดกับหลินอันหนาน “อันหนาน ช่วยถ่ายรูปให้ฉันหนึ่งใบ”
เธอเอาโทรศัพท์ส่งให้หลินอันหนาน หลินอันหนานรับโทรศัพท์เธอมา เอาแขนโอบเอวเธอแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นสูง
เสียง ‘แชะ’ ดังขึ้น ภาพคู่ใกล้ชิดของทั้งคู่ก็ตรึงไว้บนหน้าจอ
“มา ให้ฉันดูหน่อย” ไป๋มู่ชิงเอาโทรศัพท์มาดู ปากเล็กกระดกขึ้น “ถ่ายไม่เห็นดอกบัว”
“จริงเหรอ งั้นเรามาถ่ายอีกรูป” หลินอันหนานเอาโทรศัพท์เธอมาอีกครั้ง จากนั้นก็กอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ถ่ายรูปใหม่ออกมาทันที
ไป๋ยิ่งอันเห็นสองคนกำลังถ่ายรูปกัน ก็เงยหน้าขึ้นมองหนานกงเฉิน พูดด้วยรอยยิ้ม “เฉิน เรามาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยดีไหม? ”
เธอเดินควงแขนหนานกงเฉินตลอดทาง จนกระทั่งถึงตอนนี้ถึงค่อยปล่อยเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า
“เอาสิ” หนานกงเฉินพูดพร้อมยิ้มบางๆ “แต่ถ่ายโทรศัพท์มันธรรมดาเกินไป ให้เซิ่งเคอใช้กล้องถ่ายดีกว่า”
“ฉันช่วยพวกคุณถ่ายดีกว่า” ผู่เหลียนเหยาพูดอาสาตัวเอง จากนั้นก็วิ่งไปข้างๆ เซิ่งเคอที่กำลังถ่ายวิวทุกที่อยู่ แย่งกล้องในมือเขามา
“เฮ้ ฉันกำลังถ่ายน้ำค้างอยู่นะ” เซิ่งเคอประท้วง
“ตอนบ่ายมีน้ำค้างที่ไหน แน่นอนว่าถ่ายคนสำคัญกว่า” ผู่เหลียนเหยาทำหน้าทะเล้นใส่เขา หยิบกล้องกลับไปตรงหน้าหนานกงเฉินและไป๋ยิ่งอัน “มา พี่กับพี่สะใภ้ยืนชิดๆ กันหน่อย ใกล้ชิดกันอีกนิดนะ ดี หนึ่ง สอง……”
การเคลื่อนไหวของผู่เหลียนเหยามากไปหน่อย ไป๋มู่ชิงหันหน้ามองไป ก็เห็นไป๋ยิ่งอันแทบจะแนบชิดตัวหนานกงเฉิน และหนานกงก็โอบเอวเธออย่างใกล้ชิด
นอกจากการบังเอิญเจอกันครั้งสุดท้ายที่ห้างสรรพสินค้า เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพวกเขาสองคนปรากฏตัวด้วยกัน และท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้ อย่างไรแล้วก็เคยคบกับหนานกงเฉิน และหนานกงเฉินก็คือพ่อของลูกเธอ ภายในใจเธอ……รู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย
โดยบังเอิญ เธองุนงง และงุนงงต่อหน้าทุกคน
นอกจากผู่เหลียนเหยาที่แอบดีใจ ไป๋ยิ่งอันและหลินอันหนานก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย และผู้เกี่ยวข้องอย่างหนานกงเฉินก็แค่มองเธอเรียบๆ แล้วจูงไป๋ยิ่งอันเดินผ่านหน้าเธอไป
“พี่อันหนาน ฉันก็จะช่วยพวกคุณถ่ายรูปหนึ่งใบ” ผู่เหลียนเหยาพูดพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋มู่ชิงได้สติกลับมานิดหน่อย ยิ้มกลับให้เธอนิดๆ “เอาสิ ขอบคุณ” พูดจบ เธอก็จับแขนหลินอันหนานก่อน เกยหน้าบนไหล่เขา
“พี่อันหนาน พี่ยิ้มหน่อยสิ” ผู่เหลียนเหยาพูดกระตุ้น
หลินอันหนานแอบถอนหายใจ ดึงมุมปากเพื่อเผยรอยยิ้ม
หลังจากทุกคนชมดอกบัวเสร็จแล้ว ก็ไปดื่มชาดอกบัวในศาลา ทานขนมเมล็ดบัว เหล่าอาวุโสแต่ละคนก็ชมลักษณะพิเศษของที่นี่ไม่ขาดปาก
ผู่เหลียนเหยารับผิดชอบเช่าเรือมาสองสามลำ ปรบมือต้อนรับทุกคนอย่างร่าเริง “พวกผู้ใหญ่อยู่ดื่มชาพักผ่อนอยู่ที่นี่ พวกเด็กๆ ตามฉันมา พายเรือกัน!”
ไป๋มู่ชิงเมื่อได้ยินว่าพายเรือ ก็ตัวหดด้วยความตกใจทันที ส่ายหน้าด้วยสัญชาตญาณ “ไม่ ฉันไม่ไป”
พูดถึงน้ำเธอก็กลัว พายเรือเหรอ? เธอใจไม่กล้าจริงๆ
“พี่สะใภ้ พี่อย่าน่าเบื่อแบบนี้สิ” ผู่เหลียนเหยาขมวดคิ้ว
“คือ ฉันก็ไม่ไป ฉัน……” ไป๋ยิ่งอันก็ยิ้มขอโทษให้หนานกงเฉิน “คุณชายใหญ่ก็รู้ ฉันกลัวน้ำ”
“พวกคุณคนหนึ่งกลัวน้ำ อีกคนไม่อยากไป แล้วฉันจะเช่าเรือหลายลำไปเพื่ออะไร? ”
“พวกคุณไปเล่นกันเองก็ได้ เซิ่งซินและเซิ่งเคอจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่เอา แบบนี้น่าเบื่อมาก” ผู่เหลียนเหยาหันไปหาไป๋มู่ชิง “พี่สะใภ้ พี่ไม่กลัวน้ำ พี่ไปกับพวกเรานะ ถ้าพี่ไม่ไปพี่อันหนานก็ไม่อยากไป”
“ฉัน……” ไป๋มู่ชิงมองหลินอันหนาน แล้วมองสายตาน่ากลัวของไป๋ยิ่งอัน ทำได้แค่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “งั้นก็ได้ แต่ฉันพายเรือไม่เป็นนะ”
“ไม่เป็นไร เราก็พายไม่เป็น” ผู่เหลียนเหยาดึงเซิ่งซินมา “ไปกันเถอะ พี่สะใภ้คนโตกลัวน้ำไม่อยากไป เรามีหกคนเรือสามลำพอดี”
ไป๋ยิ่งอันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ทำได้แค่ยืนกัดฟันอยู่ที่เดิม
ผู่เหลียนเหยาดึงเซิ่งซินเดินนำไปที่ท่าเรือเล็กๆ เซิ่งซินและหนานกงเฉินอยู่เรือลำเดียวกัน ผู่เหลียนเหยาและเซิ่งเคอก็ขึ้นเรือไปแล้ว ไป๋มู่ชิงกลับยืนอยู่ริมน้ำแอบตัวสั่น
หลินอันหนานโน้มตัวไปพูดข้างหูเธอ “แผนการของผู่เหลียนเหยา เธออยากโดนหลอกเหรอ? ” พูดจบเขาก็ใช้มือลูบศีรษะไป๋มู่ชิง “ไม่ต้องกลัวนะ มีฉันอยู่เธอไม่จมน้ำหรอก”
ถึงไป๋มู่ชิงจะกลัว แต่พอได้ยินคำพูดของหลินอันหนานก็รวบรวมความกล้าขึ้นเรือทันที เธอแอบชำเลืองมองหนานกงเฉินที่อยู่ด้านหน้าสุด ในใจสงสัยว่าทั้งๆ ที่หนานกงเฉินไม่ชอบร่วมสนุก ไม่คิดว่าจะตกลงมาพายเรือด้วยจริงๆ? มันแปลกมาก
ตัวเรือโคลงเคลง เธอตกใจพึมพำขึ้นมาทันที คนด้านหน้าได้ยินเสียงก็หันกลับมามองเธอ ผู่เหลียนเหยายิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้ ดูท่าทางตื่นตระหนกของพี่ พี่คงไม่ได้กลัวน้ำเหมือนพี่สะใภ้คนโตใช่ไหม? ”
ไป๋มู่ชิงรีบกวาดตามองหนานกงเฉิน ยิ้มเล็กน้อยให้เธอ “ฉันไม่กลัวน้ำ แต่ฉันรู้สึกว่าเรือมันไม่เสถียร ถ้าตกลงไปก็แย่เลย”
เพื่อแสดงว่าตัวเองไม่กลัวน้ำ เธอยังยืนขึ้นบนหัวเรือพร้อมชูสองนิ้วให้หลินอันหนานถ่ายรูปให้เธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...