เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 272

มองเฉียวเฟิงเดินออกไป คุณยายเหยียนเดินไปนั่งข้างๆเหยียนเยว่พูดว่า“เด็กคนนี้ดูแล้วพึ่งพาได้นะ พวกเธอรู้จักกันได้ยังไงเหรอ?ใครจีบใครล่ะ?”

เหยียนเยว่กวาดสายตามองแม่ที่กำลังนินทาว่า“ยังไงก็ไม่ได้โรแมนติกอะไรขนาดนั้น อย่าพูดเลยดีกว่า”

“ไม่โรแมนติกแต่ทำไมความสัมพันธ์ยังพัฒนาอยู่ล่ะ?ไม่ได้เป็นเพราะเสียวเหยียนเหยียนใช่ไหม?”คุณยายเหยียนยังคงอยากรู้อยากเห็นต่อไป

“ไอ๋หยา แม่......อย่าถามแล้วได้ไหม”เหยียนเยว่หน้าแดงเพราะความเขินอายและพูดว่า“เดี๋ยวค่อยบอกท่านทีหลังแล้วกัน”

“ชิ มีความลับอะไรกันแน่”คุณยายเหยียนลุกขึ้นยืนด้วความยิ่งยโสและเดินจากไป

--

หนานกงเฉินมองไป๋มู่ชิงที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่หน้ากระจกไปๆมาๆ เปลี่ยนชุดราตรีไปตั้งหลายชุดก็ยังไม่พอใจ เลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า“ไม่ใช่ว่าเธอจะแต่งงานสักหน่อย เธอจะจริงจังอะไรขนาดนั้น?”

“งานแต่งงานของเลขาเหยียนกับเฉียวเฟิง น่าจะมีคนหนุ่มหล่อเยอะแยะสินะ?”ไป๋มู่ชิงหันไปยิ้มให้เขา

หนานกงเฉินเอนหลังไปพิงโซฟา กอดอกและมองเธอ“ใช่เหรอ?ถ้าอย่างนั้นเธอคิดว่าฉันเป็นสามีที่ไม่หล่อหรือวาอายุน้อยไม่พอเหรอ?”

“อืม.....มีประโยคหนึ่งที่พูดไว้ดีนะ ถ้ายังกินอาหารที่อร่อยเยอะเกินไปบางทีก็อาจจะเบื่อเอาได้”

“ใช่เหรอ?”ในที่สุดหนานกงเฉินก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟา เดินไปข้างหน้าเธอ เอามือไปจับคางของเธอตามความเคยชิน“ฉันไม่เคยเบื่อเธอเลยนะ หรือว่านี่เธอเบื่อฉันแล้ว?”

“ฮ่าฮ่า......ฉันล้อเล่น”ไป๋มู่ชิงยกมือกุมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ขณะที่เอามือคลึงๆหน้าเขาเธอก็ยิ้มและพูดประจบว่า“หล่อขนาดนี้ ฉันจะเบื่อได้ยังไงกัน อีกในห้าสิบปียังไงก็ไม่เบื่อหรอกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอใส่ชุดสวยขนาดนั้นกันทำไมล่ะ?”หนานกงเฉินยังคงจับคางของเธอไว้

“แต่งตัวสวยไปนั้นก็เพราะให้เกียรติเจ้าของงาน เรื่องมารายทางสังคมคุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคะ”

หนานกงเฉินก้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ“ให้อภัยเธอก็ได้ ไปกันเถอะ”

ครอบครัวทั้งสามคนก็ขับรถออกไปจากคฤหาสน์ขับตรงไปที่งานแต่งงาน

หนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงไปถึงเร็วกว่าคนอื่นอีก ตอนที่พวกเขาถึงที่งานแต่งงานแล้วนั้น นอกจากคนในครอบครัวและพนักงาน ก็ยังไม่มีแขกคนไหนมาถึงเลย

“วันนี้แม่สวยมากๆเลยค่ะ!”เสียวหว่านชิงยิ้มตาหยีมองเหยียนเยว่ที่อยู่ในชุดแต่งงาน

ในขณะนั้นเหยียนเยว่สวมชุดแต่งงานสีขาวที่สวยงาม สวยแบบไม่มีที่ติ บนใบหน้าก็แต่งหน้าอย่างสวยสง่า ถึงแม้ว่าหุ่นจะดูอวบเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้ดูอ้วนเลย แต่ยังไงก็ดูเซ็กซี่มากๆ แม้แต่ขนาดไป๋มู่ชิงมองยังรู้สึกว่าสวยเลยและยังน่าอิจฉามากเลยด้วย

“จริงเหรอ?”เหยียนเยว่หัวเราะ

“ใช่ค่ะ เหมือนกับเจ้าหญิงเลย”

“ยังไงวันนี้แม่ก็เป็นเจ้าหญิงอยู่แล้ว”ไป๋มู่ชิงยิ้มพูดออกมา

“ขอบคุณนะ ถ้าเสียวหว่านชิงโตขึ้นก็จะสวยแบบนี้แหละ”

“จริงเหรอคะ?จะสวยเหมือนแม่ใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนสิจ๊ะ”เหยียนเยว่จูงมือเสียวหว่านชิง มองไปที่หนานกงเฉิน หลังจากนั้นยืนเขย่งเท้ามองไปที่ด้านหลังของเขา ตั้งใจถามออกไปว่า“คุณชายเฉิน นี่คุณลืมลืมเอาอะไรมาให้ฉันหรือเปล่า?”

“อะไรกัน?”หนานกงเฉินแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“งั้นเงินดอลลาร์หนึ่งตู้รถไปของฉันล่ะ”เหยียนเยว่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง“ตอนแรกที่เธอรับปากว่าจะให้เงินดอลลาร์เป็นค่าสินสอดฉัน ไม่น่าจะลืมเร็วขนาดนั้นใช่ไหม?”

“อ้อ ฉันไม่ลืมหรอก”หนานกงเฉินพูดออกมาอย่างสุภาพว่า“กำลังวางแผนจะทำทางรถไฟไปที่บ้านเธอพอดี รอถ้าทำเสร็จแล้วจะส่งไปให้เธอนะ”

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกและกวาดสายตาไปที่เขา“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเจ้าเล่ห์กับผู้หญิงขนาดนี้”

“แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความสุขชั่วขณะเองแหละ”เหยียนเยว่พูด

ทุกคนก็หัวเราะ เฉียวเฟิงที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า“ทุกคนเข้าไปนั่งพักผ่อนก่อนเถอะ อีกตั้งพักหนึ่งงานถึงจะเริ่ม”

“ป่ะ เข้าไปนั่งกัน”เหยียนเยว่จูงมือเสียวหว่านชิงเดินเข้าไปในห้องรับรอง

ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาไปรอบๆแล้วถามว่า“เสี่ยวเหยียนเหยียนล่ะ?ไม่ได้อุ้มออกมาเหรอ?”

“อุ้มมาสิ พ่อแม่ฉันอู้มไว้อยู่”เหยียนเยว่ใช้คางชี้ไปที่คนแก่ทั้งสองคนที่กำลังอุ้มเสี่ยวเหยียนเหยียนต้อนรับญาติและเพื่อนๆอยู่

“หนูอยากไปเล่นกับเสี่ยวเหยียนเหยียน”เสียวหว่าชิงพูด

ไป๋มู่ชิงก็มองไปที่ทุกคนและคุกเข่าที่ตรงหน้าเธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า“หว่านชิง ฉันรู้ว่าหนูอยากไปเล่นกับเสี่ยวเหยียนเหยียน แต่ว่าวันนี้คงยังจะไม่เหมาะ พวกเราค่อยเล่นกันวันหลังดีไหม?”

“ถูกต้อง ค่อยพาเสี่ยวเหยียนเหยียนไปเล่นกันที่บ้านนะ”หนานกงเฉินพูด

“จริงนะคะ?”เสียวหว่านชิงดีใจ

เห็นหานกงเฉิงพยักหน้า เธอก็กระโดดดีใจขึ้นมาทันที“ยอดไปเลย!”

เหยียนเย่วมองหนานกงเฉิน พูดออกไปเบาๆว่า“ฉันยังไม่ได้ตอบรับเลยนะ......”

“แค่วันเดียวเอง อย่าขี้เหนียวเลยน่ะ”หนานกงเฉินก็ขยิบตาใส่เธอ

“นิสัยที่ชอบใช้อำนาจนี้ยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด”เหยียนเยว่กระซิบข้างหูไป๋มู่ชิง พูดจบก็หันไปพูดกับทั้งสามว่า“พวกคุณนั่งก่อนเถอะ

“ได้เลย เธอไปเถอะ”ไป๋มู่ชิงพูด

หลังจากที่เหยียนเยว่ไปแล้ว แขกก็เริ่มทยอยมากันแล้ว ล้วนเป็นคนสังคมชั้นสูงกันทั้งนั้น หนานกงเฉินคุ้นเคยอยู่แล้ว

ใครก็ไม่กล้าถามเรื่องราวบาดหมางเมื่อก่อนของเขากับเฉียวซือเหิง เพียงแค่มาชนแก้วประจบประแจงเท่านั้น

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หว่านชิงมาร่วมงานแต่งงานของคนอื่น เลยดีใจเป็นพิเศษ ไป๋มู่ชิงจูงมือพาเธอไปหาอาหารว่างทาน รอจนกว่าหว่านชิงทานอย่างพอใจ ตอนที่สองแม่ลูกเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักของเจ้าสาวนั้น ก็เจอกับคุณนายเฉียวที่พึ่งจะเดินออกมาจากข้างใน

ตั้งแต่หลังจากที่เจอกับเธอที่ศาล ไป่มู่ชิงไม่ได้เจอเธออีกเลย และคิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะมาเข้าร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิง ดังนั้นในขณะนั้นเธอก็อึ้งไปเลย

คุณนายเฉียวมองเธอด้วยสีหน้าที่เคียดแค้นออกมาอย่างชัดเจน

ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เสียวหว่านชิงเห็นคุณนายเฉียวก็พูดออกไปอย่างสุภาพ“คุณย่า”

คุณนายเฉียวมองเสียวหว่านชิง ไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยแต่กลับพูดเยาะเย้ยไป๋มู่ชิงว่า“ฉันว่าพวกคนหนุ่มสาวนี่มันสุดยอดจริงๆ เจ็บปวดไปด้วยกันแก้แค้นไปด้วยกัน ตอนนี้ยังเสแสร้งมาร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิงอีก คุณนายน้อยหนานกงรู้สึกว่ามันสนุกมากเหรอ?”

“คุณนายเฉียวไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ไป๋มู่ชิงทักทายเธออย่างสุภาพ เดิมทีก็อยากจะหลีกเลี่ยงอดีตแบบนี้ แต่ว่าคุณนายเฉียวกลับพูดต่อด้วยความเคียดแค้นอีกว่า“ตอนนั้นเธอทิ้งเฉียวเฟิงไปยังไงนะ ไหนจะที่เธอตอบแทนซือเหิงอีก เธอลืมไปหมดแล้วเหรอ?”

“ฉันไม่ได้ลืมค่ะ......”

“หรือเพียงแค่คิดถึงซือเหิงแล้วยังทรมานอยู่ในคุก ตระกูลหนานกงของพวกเธอก็คงรู้สึกดีมาก ฟินมากเลยสินะ?”

“คุณนายเฉียว......”ยังไงคุณนายเฉียวก็เป็นผู้อาวุโส ยิ่งกว่านั้นวันนี้ยังเป็นวันดีของเฉียวเฟิงกับเหยียนเยว่ ไป๋มู่ชิงไม่สามารถโต้เถียงไปโดยตรง ในเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปว่าอย่างไร

แต่ตอนที่เธออ้าปากจะพูดก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร รู้สึกว่าแน่นเอวขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจของหนานกงเฉินก็ปกคลุมมาแต่ไกล

“ไม่อย่างนั้นคุณนายเฉียวรู้สึกว่าตระกูลหนานกงของผมควรจะทำอย่างไรเหรอครับ?คิดว่าเฉียวซือเหิงยังจะทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกอีก?ดูแล้วบทเรียนเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้ถึงความผิดของตัวเองเลย ไม่รู้ว่าเฉียวซือเหิงเป็นเหมือนกับคุณนายเฉียวหรือเปล่าที่ไม่กลับไปพิจารณาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว?”หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำสียงที่ไม่รีบร้อนและไม่อ่อนโยน จนกระทำให้ยิ้มออกมา

สีหน้าของคุณนายเฉียวก็เปลี่ยนไป ถึงแม้จะพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว

หนานกงเฉินเลยพูดมาอีกว่า“เฉียวซือเหิงกับเฉียวเฟิงทำเคยอะไรกับฉันและไป๋มู่ชิง ในใจของคุณนายเฉียวคงจะรู้ดีนะ วันนี้เป็นวันดีของเหยียนเยว่ ผมคงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคุณนายเฉียวแล้ว เชิญคุณนายเฉียวตามสบายเลยครับ”

หนานกงเฉินดึงไป๋มู่ชิงไปอยู่ข้างเขา

คุณนายเฉียวมองทั้งสองคนและเดินออกไปอย่างโกรธแค้น

หลังจากที่คุณนายเฉียวเดินออกไปแล้ว หนานกงเฉินยกมือขึ้นไปตบไหล่ปลอบใจไป๋มู่ชิง“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องไปสนใจเธอ”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าพูดว่า“เธอไปคุยกับแขกเถอะ ฉันจะไปดูเหยียนเยว่”

หนานกงเฉิน หลังจากที่มองเธอเดินเข้าไปในห้องพักของเจ้าสาวก็เดินไปที่ห้องโถงใหญ่

เหยียนเยว่กำลังเติมหน้าอยู่ เห็นไป๋มู่ชิงกับหว่านชิงเดินมา จับมือหว่านชิงและพูดว่า“หว่านชิง เห็นเสี่ยวเหยียนเหียนไหม?”

เสียวหว่านชิงส่ายหัว“ไม่เห็นนะคะ แม่พาหนูไปทานของว่าง มีอาหารว่างที่ทั้งสวยทั้งอร่อยเยอะแยะเลยค่ะ ดูสิคะ หนูทานมาอิ่มมากเลย”ตอนที่เธอพูดก็เอามือไปลูบท้องน้อยๆของเธอ

“หว่านชิงชอบก็ดีแล้ว”เหยียนเยว่ยิ้มพูด พูดจบก็เงยหน้าขึ้นไปมองไป๋มู่ชิง“ใช่สิ เมื่อครู่เธอเจอคุณนายเฉียวที่หน้าประตูเหรอ?เหมือนฉันได้ยินเสียงของพวกเธออยู่”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าเบาๆ มองไปที่เธอและพูดว่า“คิดไม่ถึงว่าคุณนายเฉียวจะยอมมาร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิง มันค่อนข้างน่าตกใจอยู่นะ”

“น่าตกใจเหรอ?แต่งานวันนี้เธอเป็นคนจัดการทั้งหมดเลยนะ”

“ใช่เหรอ?”

“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเฉียวซือเหิงให้เธอจัดการ”เหยียนเยว่พูด“แต่ฉันฟังเฉียวเฟิงว่าท่าทางของคุณนายเฉียวดีกับเขามากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย อย่างน้อยก็มองเห็นเขาเป็นคนในคระกูลเฉียวแล้ว”

“แล้วคุณนายเฉียวดีกีบเธอไหม? ”

“ก็ดีอยู่นะ”เหยียนเยว่ยิ้มพูด“ฉันรู้สึกว่าเธอก็เป็นคนดีอยู่นะ อย่างน้อยก็ไม่โอหังและไม่หยาบคาบเหมือนกับคุณนายคนอื่นๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ตอนแรกที่ฟังซูซี่พูดถึงคุณผู้หญิงเฉียวนั้น ก็พูดว่าเธอเป็นคนดีอยู่นะ”ไป๋มู่ชิงก็คิดดู“ยิ่งกว่านั้นเธอไม่น่าจะอยู่กันกับเธอสินะ?”

“น่าจะไม่หรอก ยังไงก็ถือว่าเคยเคยโกรธแค้นกันอยู่ เฉียวเฟิงก็ไม่ได้สบายใจกับเธอขนาดนั้น”เหยียนเยว่พูด

เมื่อก่อนคุณนายเฉียวก็ไม่กล้ายั่วโมโหเฉียวเฟิง ตอนนี้เฉียวเฟิงดูแลเฉียวกรุ๊ปอยู่ คุณนายเฉียวยิ่งไม่กล้าจะไปขัดใจเขาตามใจชอบ เพราะยังไงเฉียวซือเหิงก็ยังต้องอยู่ในคุกอีกสองปีกว่า รอหลังจากเขาออกมาก็คงไม่รู้ว่าบริษัทเปลี่ยนไปแบบไหนก็คงจะไม่รู้

--

ถึงเวลาเข้าพิธีแล้ว เหยียนเยว่เดินไปที่บนพรมแดงจับมือพ่อเหยียน เดินไปที่เวทีแต่งงาน

ชุดสีขาวสวยงามลากผ่านไปบนพรมสีแดงที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแชมเปญ และยังเล่นเพลงงานแต่งงาน ในงานแต่งงานปลกคุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโรแมนติก

นอกจากผู้คนแล้วไป๋มู่ชิงทั้งดีใจและอิจฉาจนต้องปรบมือ“โรแมนติกมากเลย มีความสุขจังเลย......เจ้าสาวสวยมาก ไหนจะ......เจ้าบ่าวก็หล่อมาก......”

หนานกงเฉินหันกลับไปจ้องเธอ“เจ้าบ่าวหล่อเหรอ?”

“หล่อสิ หล่อมากจริงๆนะ”ไป๋มู่ชิงไม่ได้รู้สึกถึงความหึงหวงของเขา มือทั้งสองจับไปที่แขนของเขาด้วยสีหน้าที่มีความหวัง“เฉิน ฉันก็อยากสวมชุดแต่งงาน ฉันอยากแต่งงามแบบโรแมนติกแบบนี้สักครั้ง”

“เธออยากจะแต่งกับใคร?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณสิ”เธอยังคงมองไปทั้งสองคนบนเวทีแต่งงานที่กำลังทำพิธีอยู่

หนานกงเฉินกลับหัวเราะออกมา ยิ้มและดึงแขนเธอเข้ามา“ได้สิ งั้นวันหลังฉันจะให้เธอแต่งงานโรแมนติกแบบนี้นะ”

“จริงนะ?”ไป๋มู่ชิงดีใจ

ครั้งที่แล้วก็เป็นเพราะจูจู เขาเลยพังงานแต่งไป คิดไปแล้วตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดกับเธออยู่เลย

ไป๋มู่ชิงคิดแล้วคิดอีกและพูดว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้วจะแต่งซ้ำอีกทำไมกับเดี๋ยวก็โดนเยาะเย้ยหรอก”

“ใครมันจะกล้าเยาะเย้ยพวกเรา?”หนานกงเฉินก้มหัวมาจูบที่ข้างหูของเธอ“เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเอง”

ไป๋มู่ชิงหัวเราะออกมาเบาๆ

ถึงเวลาโยนช่อดอกไม้นั้น ไป๋มู่ชิงก็ปล่อยมือหนานกงเฉินลงไปจากบนเวที หนานกงเฉินดึงเธอกลับมาพูดว่า“เธอจะไปทำไม?ให้โอกาสผู้หญิงคนที่ยังไม่แต่งงานเถอะ”

“ฉันก็ไม่ได้แต่งงานนะ คุณเคยรับปากจะแต่งงานกับฉันเหรอ?”ไป๋มู่ชิงหัวเราะคิกคักและวิ่งไปในกลุ่มผู้คนพวกนั้น

“คุณพ่อคะ คุณแม่วิ่งไปที่คนเยอะขนาดนั้นกันทำไมคะ?”หว่านชิงถามด้วยความไม่เข้าใจ

หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นมา ให้เธอได้เห็นได้อย่าทั่วถึง“อืม......คุณแม่พูดว่าเธออยากจะแต่งงานกับพ่ออย่างโรแมนติกแบบนี้ ดังนั้นเลยจะไปแย่งช่อดอกไม้ในมือของแม่บุญธรรม”

“งั้นวันหลังคุณพ่อก็จะชวนคนมางานแต่งงานของพวกท่านเหรอ?”

“แน่นอนสิลูก”

“ขอบคุณค่ะพ่อ!”หว่านชิงหัวเราะออกมาอย่างดีใจ

ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดของแขก ช่อดอกไม้ในมือของเหยียนเยว่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างสวยงาม ตรงเข้าไปในกลุ่มผู้คนแต่สุดท้านแล้วก็ตกไปอยู่ในมือของไป่มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เธอทั้งตกใจและดีใจที่เธอได้รับดอกไม้ เธอร้องกรีดและกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นขณะที่ได้ช่อรับดอกไม้“ฉันรับได้แล้ว ฉันรับช่อดอกไม้ได้แล้ว......!”

เธอตะโกนเสร็จก็เขย่งเท่ารีบเดินโบกมือเข้าไปหาหนานกงเฉิน“หนานกงเฉินคุณเห็นแล้วหรือยัง?เดี๋ยวฉันก็จะได้แต่งงานกับคุณแล้ว......!”

หนานกงเฉินรีบโบกมือแล้วยิ้มให้เธอ

เหยียนเยว่ที่อยู่บนเวทีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพูดว่า“มู่ชิงเธอเกลียดการแต่งงานขนาดนี้เลยเหรอ”

เฉียวเฟิงโอบไหล่ของเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกัน“หนานกงเฉินยังคิดค้างงานแต่งงานให้เธอ”

“ดูแล้วก็ควรจัดให้เธอนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด