เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 276

เมื่อได้รับการสนับสนุนจากคุณนายเฉียวอย่างเต็มที่ เหวินหย่าเต็มไปด้วยความหวังกับอนาคตข้างหน้าระหว่างเธอกับเฉียวซือเหิง เธอเชื่อว่าเมื่อฟางมี่ออกไปจากเฉียวซือเหิงแล้ว เฉียวซือเหิงถึงจะหันมาสนใจตัวเธอ

หลังจากใช้เวลาเข้ากับเฉียวซือเหิงมานานกว่าครึ่งเดือน เฉียวซือเหิงไม่เคยให้ความสนใจในตัวเธอเลย สามารถพูดได้ว่าเขาไม่เคยแยแสเธอเลยด้วยซ้ำ

เฉียวซือเหิงปฏิบัติตัวต่อเธออย่างกับเลขานุการคนอื่น ๆ แม้เธอจะหน้าด้านไปนัดเขาทานอาหารเที่ยงด้วยกันก็ยังถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี

ระหว่างทางไปบริษัทในตอนเช้า เหวินหย่าได้ถามเขาอย่างหน้าด้าน ๆ อีกครั้ง "พี่ชาย พี่ชอบดูหนังไหม"

“ ชอบดูหนังบล็อกบัสเตอร์ใหญ่อยู่” เฉียวซือเหิงพูด

“ บังเอิญฉันก็ชอบดูหนังบล็อกบัสเตอร์ใหญ่เหมือนกัน คืนนี้ไปดูด้วยกันไหมฉันไปเจ้าภาพเอง ” เธอพูดอย่างอมยิ้ม

"เธอกำลังพูดถึงภาพยนตร์เรื่องไหล่หวูที่พึ่งเปิดตัวเมื่อคืนนี้หรือเปล่า ต้องขอโทษทีนะ พอดีว่าฉันมีนัดกับฟางมี่คืนนี้แล้วรอบแปดโมงนะ " เฉียวซือเหิงหันหน้าไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม "ไม่งั้นเธอให้เลขาหลินไปดูเป็นเพื่อนคุณล่ะกัน พอดีว่าเขาก็ชอบหนังประเภทนี้อยู่เหมือนกัน "

“ เลขาหลิน”

“ใช่แล้ว เลขาหลินเป็นคนไม่เลวคนหนึ่ง วุฒิการศึกษาสูงความสามารถก็สูง คอยดูแลเธอตลอด เธอสามารถเก็บไปคิดพิจารณาดูได้นะ"

“ นี่พี่ชายกำลังจะแนะนำแฟนให้ฉันหรอ” เหวินหย่าถามอย่างพลางกัดฟัน

“ไม่สมควรหรือ เธอเป็นน้องสาวของฉัน แน่นอนว่าเมื่อมีทรัพยากรดีๆฉันก็ต้องนึกถึงเธอเป็นคนแรกอยู่แล้ว” เฉียวซือเหิงยังคงยิ้มอย่างไม่มีพิษภัย

“ ขอบคุณคะ แต่ไม่จำเป็นคะ ฉันไม่ได้สนใจเลขาหลิน” เหวินหย่ายิ้มอย่างขมขื่น

เฉียวซือเหิงพยักหน้า "ว่าแต่ เธอยังอายุน้อยอยู่ ยังไม่จำเป็นต้องมีแฟนแต่เนิ่นๆหรอก"

เหวินหย่าโดนเขาพูดจนไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปอย่างไงดี ความรู้สึกอึดอัดนั้นเหมือนโดนถูกอะไรบางอย่างอุตตันอยู่

-

เหวินหย่าได้แอบรู้ข้อมูลการติดต่อของฟางมี่จากแฟ้มเอกสารของเลขาหลิน แล้วยังพยายามติดต่อโทรหาเธอ

ตอนเที่ยง เหวินหย่ามาถึงที่ร้านกาแฟตามที่นัดกันไว้ เมื่อเห็นฟางมี่นั่งอยู่ตรงหัวมุมหนึ่งจากที่ไกล สิ่งที่ทำให้เธอต้องตกใจคือ เมื่อเทียบกับฟางมี่ที่เธอเห็นเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้น ฟางมี่ที่อยู่ตรงหน้าของเธอไม่เพียงแต่ทรุดโทรม แม้แต่กันแต่งตัวของเธอก็ดูธรรมดาๆ ไม่ได้สวยสง่ามีเสน่ห์เห็นแล้วต้องที่อิจฉาเหมือนเคย.

"คุณหาฉัน " ฟางมี่มองเหวินหย่าที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงเป็นมิตรแต่ดูภาพลักษณ์ภายนอกแล้วราวกับเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว " คุณคือใคร "

"ฉันเป็นคู่หมั้นของเฉียวซือเหิง เหวินหย่าเดินไปนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามของเธอ

"คู่หมั้น " ฟางมี่หัวเราะเยาะอย่างดูหมิ่นนิดๆ

เพื่อพิสูจน์ตัวตนของเธอเหวินหย่ากล่าวต่อไปว่า "ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลเฉียว และยังทำงานเป็นเลขานุการส่วนตัวของเฉียวซือเหิง เราอยู่ด้วยกันทุกวัน"

"แล้วมีประโยชน์อะไร" ฟางมี่มองไปที่เธอ "ก่อนหน้านั้น ฉันกับเฉียวซือเหิงนอนด้วยกันทุกคืน ทานอาหารเช้าด้วยกันทุกวัน แล้วยังไง มันเปรียบไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผมของใครบางคนเลยด้วยซ้ำ"

ใบหน้าของเหวินหย่าถึงกับต้องเปลี่ยนสี เธอจ้องมองเธอด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า "คุณหนูฟาง ที่ฉันมาหาคุณวันนี้ เพียงแค่หวังว่าคุณจะออกห่างจากคุณชายเฉียว เพราะฉันไม่ต้องการที่ว่าหลังจากที่ฉันแต่งงานกับคุณชายเฉียวแล้ว พวกคุณยังมีอะไรต้องพัวพันกันอีก "

ฟางมี่จ้องมองไปที่เธอ รู้สึกตลกเล็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าเหวินหย่าไปได้ยินมาจากไหนว่าเธอกับเฉียวซือเหิงยังพัวพันกันอยู่ เฉียวซือเหิงไม่เพียงแต่ทอดทิ้งเธอไป แต่ยังทำให้เธอโดนสามีไล่ออกจากบ้าน ตอนนี้เธอเกลียดเขายิ่งกว่าอะไรอีก แล้วเธอจะเข้าไปพัวพันกับเขาอีกได้อย่างไร ไม่สิถ้าพูดแบบตรงๆ ก็คือคนอย่างเฉียวซือเหิงจะมาพัวพันกับอดีตแฟนอย่างเธอได้อย่างไร

“ คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้หาคนผิด” เธอหัวเราะ

เหวินหย่าผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดว่า " คนที่ฉันต้องหาก็คือคุณหนูฟาง"

ในวันนั้นเธอเห็นกับตาของตัวเองว่าเป็นเธอกับเฉียวซือเหิงจูบกันที่ห้องทำงาน เธอจะหาผิดคนได้อย่างไร

"ฉันหมายความว่า คุณรู้แน่ชัดแล้วหรือไม่ว่าผู้หญิงคนที่ขัดขวางคุณกับเฉียวซือเหิงจริงๆนั้นคือใคร"

"คือใคร"

" คิกๆ แม้แต่คู่แข่งที่แท้จริงยังหาผิดคนเลย สมองของคุณนี่เหมาะสำหรับกันเป็นแค่เลขานุการและการรินชาเท่านั้นจริงๆ" ฟางมี่ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะออกมา เธอยกถ้วยขึ้นมาจิบกาแฟแล้วพูดต่อว่า "ให้ฉันบอกคุณดีกว่า ในใจของเฉียวซือเหิงมีแค่อดีตภรรยาของเขาที่ชื่อซูซี่และเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด และถึงทุกวันนี้เขายังไม่ยอมล้มเลิกที่จะขอคืนดีกับเธอ ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่การที่คุณยังอยากจะแต่งงานกับเฉียวซือเหิงนั้น มันเป็นความฝันแบบแล้งๆที่ฉันได้ฝันมาตลอดห้าปีนี้ "

"ซูซี ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน" เหวินหย่ารู้เพียงว่าเฉียวซืองเหิงเคยมีภรรยามาแล้วคนหนึ่ง แต่ ทั้งๆที่เธอเคยได้ยินคุณนายเฉียวพูดว่าทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันแล้ว และไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ถ้าจะพูดอีกแบบหนึ่งก็คือมีแค่นามเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจเลย

ฟางมี่มองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ในใจแอบคิดว่าทำไมถึงไม่ใช้เธอไปแก้แค้นเฉียวซือเหิงแทนตัวเองล่ะ ใช่ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องดี

เฉียวซือเหิงทำกับเธออย่างโหดร้าย เธอในตอนนี้ แม้แต่ในความฝันเธอก็ยังอยากฉีกเขาเป็นชิ้นๆ

ในขณะที่เธอใช้มือกวนกาแฟในถ้วยของเธอ แล้วพูดอย่างลวก ๆ ว่า " ฉันก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าเธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านฟู่อี้ตึกสาม ทว่าตอนนี้ยังอาศัยอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าฉันก็ไม่ชัดเจนเหมือนกัน"

"หมู่บ้านฟู่อี้ ... " เหวินหย่าบ่นพึมพำ เธอเงียบไปชั่วครู่ แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมองเธอ " คุณคงไม่ใช่เพราะอยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของฉันดังนั้นก็เลยหลอกฉันหรือเปล่า"

"หลอกคุณ คุณเคยเห็นฉันอยู่กับเฉียวซือเหิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้ชาติชั่วคนนั้นทอดทิ้งฉันไปตั้งนานแล้ว และยังทำให้ฉันถูกสามีคนปัจจุบันไล่ออกจากบ้าน ฉันเกลียดเขายิ่งกว่าอะไรอีก"

“ คืนนี้พวกคุณยังจะไปดูหนังด้วยกันอีกไม่ใช่เหรอ”

"เขาบอกคุณเหรอ" ฟางมี่เห็นเธอพยักหน้า หัวเราะขึ้นมา" ดูเหมือนว่าคนที่หลอกคุณไม่ใช่ฉันแล้ว แต่เป็นเขา ส่วนทำไมเขาถึงหลอกคุณ ... คุณคงไม่ได้โง่จนเดาอะไรไม่ออกเลยใช่มั้ย”

เหวินหย่ากัดริมฝีปากของตัวเอง ในใจรู้สึกอึดอัดใจมาก

แต่พูดถึง เธอกลับหวังให้เฉียวซือเหิงพัวพันกับผู้หญิงตรงหน้าของตัวเองที่ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คบได้แต่แต่งงานด้วยไม่ได้ และไม่หวังให้เขาไปพัวพันเกียวข้องกับอดีตภรรยา แถมยังมีความผูกพันความรู้สึกดีๆต่อกันอีก

-

หลังจากกลับมาที่บริษัท เหวินหย่าไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำงานตลอดทั้งบ่าย

ถึงกับหลังเลิกงานแล้วยังสะกดรอยตามเฉียวซือเหิง พบว่าเขาไม่ได้ไปที่โรงหนัง และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปไหนแล้ว

เพื่อให้รู้ชัดเจนถึงเรื่องราว เธอจึงได้มาถึงด้านล่างของหมู่บ้านฟู่อี้ตึกสาม เธอได้วนหาอยู่รอบหนึ่งไม่พบทะเบียนรถของเฉียวซือเหิงรู้สึกโล่งใจขึ้นทันที หลังจากนั้นเธอก็ได้หาม้าหิวอ่อนหนึงนั่งลง สายตาของเธอจ้องมองไปทางเข้าออกของลิฟต์

เธอเปิดอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ แล้วขยายดูรูปถ่ายของซูซี่อย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง นี่คือฟางมี่เป็นคนส่งมาให้เธอในตอนเที่ยง ผู้หญิงในรูปนั้นสวยและมีเอกลักษณ์โดดเด่น กับฟางมี่แล้วเป็นผู้หญิงที่บุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อมองไปที่รูปถ่ายของซูซี่แล้ว เธอก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าให้เธอเลือก เธอก็ต้องเลือกผู้หญิงบุคลิกดีอย่างซูซี่แน่นอน

เธอนั่งรออยู่ที่ประตูลิฟต์เป็นเวลานานก็ยังไม่เจอผู้หญิงในรูปนั้น จึงลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน ในขณะที่เธอกำลังจะจากไป ในที่สุดก็มีร่างที่คุ้นเคยโผล่ออกมาจากลิฟต์

ตอนนี้ซูซี่อยู่ในชุดอยู่บ้าน มือของเธอได้จับมือของเสี่ยวกว้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

"คุณแม่ครับ ผมสามารถเล่นกับพี่ชายเสียวจิ่วด้านล่างนานสักพักหนึ่งได้ไหมครับ" เสี่ยวกว้านพูดอย่างตื่นเต้น

“ ไม่ได้ครับ เมื่อกี้เราทำข้อตกลงกันไว้อย่างไร” ซูซี่กล่าว

"สามารถเล่นได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น" เสี่ยวกว้านสีหน้าลดลง

"ก็คุยกันแล้ว หนูสัญญากับแม่แล้วว่าจะรีบกลับบ้านไปพักผ่อนแต่เช้า นอกจากนี้ พี่ชายเสี่ยวจิ่วเขาไม่ต้องเข้านอนหรอ"

เสี่ยวกว้านพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "ครับ ก็ได้ครับ ถ้านั้นเราเล่นกันครี่งชั่วโมงแล้วจะรีบกลับไปครับ"

“ เสี่ยวกว้านเยี่ยมมากจ๊ะ” ซูซีลูบหัวน้อยๆด้วยความพอใจ

“ คุณแม่ มีรางวัลให้ไหมครับ”

"อืม ... " ซูซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็ให้รางวัลหนูได้อ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องสุนัขหมาป่าเพิ่มอีกเล่มหนึ่งดีไหม"

"ดีครับ ผมอยากดูการ์ตูนหมาป่าตัวใหญ่ๆ... "

แม่ลูกสองคนพูดคุยหัวเราะกันไปขณะเดินไปที่ลานเด็กเล่นกลางสวน

เหวินหย่าหยิบโทรศัพท์หน้าจอขึ้นมาดูแล้วดูอีก ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงคนเดียวกัน ทำไมข้างกายเธอถึงได้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอว่าแม่

เพื่อไข้ข้อสงสัยที่อยู่ในใจของเธอ เธอจึงกดโทรไปยังหมายเลขของฟางมี่ จะได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา "ฉันได้เจอตัวซูซี่แล้ว"

"ทำไมเจอตัวเร็วจัง" ภายในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์มีเสียงดังรบกวนเล็กน้อย ฟางมี่ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเชยๆ

"ใช่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึกแปลกใจ ไหนคุณบอกว่าเธอยังโสดไม่ใช่หรอ แล้วทำไมข้างกายเธอถึงมีเด็กผู้ชายที่อายุประมาณสองหรือสามขวบเรียกเธอว่าแม่" เหวินหย่าเหลือบมองไปที่ด้านหลังของซูซีและเสี่ยวกว้าน

และแล้วคำพูดนี้ของเธอก็ทำให้ฟางมี่จริงจังขึ้นมาไม่น้อย ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ "คุณพูดอะไรนะ มีเด็กอายุสองหรือสามขวบอยู่ข้างๆเธอ"

"อืม ฉันได้ยินกับหูว่าเด็กคนนั้นเรียกเธอว่าแม่"

ฟางมี่ทีอยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไป

เหวินหย่าจึงถามต่อว่า "สรุปมันเกิดอะไรขึ้น ซูซี่คนนี้ได้แต่งงานใหม่ไปแล้วใช่ไหม"

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆก็คงจะดีมาก เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเฉียวซือเหิงจะกลับไปคืนดีกับเธออีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ฟางมี่ที่เงียบไปครู่หนึ่งก็หัวเราะออกมาพูดว่า "คุณหนูเหวิน คุณฝันหวานไปแล้ว เด็กคนนี้แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นน่าจะเป็นของเฉียวซือเหิง"

แม้ว่าใบหน้าของฟางยังยิ้มอยู่ แต่ในใจของเธอนั้นเกลียดแค้นจนกัดฟัน เธอคิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านั้นที่ซูซี่ท้อง เธอนั้นไม่ได้เอาเด็กออก แถมยังเป็นลูกชาย

เหวินหย่าก็รู้สึกตกใจกับข่าวนี้มาก จนสะพักหนึ่งจึงถามขึ้นด้วยเสียงสั่น "คุณพูดอะไรนะ เด็กคนนั้นคือ ... ของเฉียวซือเหิง"

"ถูกต้อง ซูซี่ได้ตั้งครรภ์ก่อนที่เฉียวซือเหิงจะเข้าคุก แต่ทุกคนคิดว่าเธอได้เอาเด็กออกไปแล้ว "เหวินหย่าพูดอย่างเยาะเย้ย "แบบนี้คุณหนูเหวินยังจะฝันกลางวันที่จะแต่งเข้าตระกูลเฉียวอีกไหม ถ้าหากให้ตระกูลเฉียวรู้ว่าเด็กไม่ได้ถูกเอาออก คุณคิดว่าคุณยังจะมีโอกาสไหม”

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจพูดด้วยความเห็นใจ "เห็นคุณหนูเหวินเป็นแบบนี้แล้ว เหมือนได้เห็นเงาของตัวเองแต่ก่อน ที่ดูโง่และไร้เดียงสามาก"

"คุณพูดอะไรนะ" เหวินหย่าเยาะเย้ยอย่างไม่พอใจ "คุณหนูฟาง คุณทำความเข้าใจให้ใหม่ ฉันกับคุณแตกต่างกัน"

"แตกต่างกันที่ตรงไหน ไม่ใช่เพราะอยากแต่งงานกับเฉียวซือเหิงจนจะบ้าเหรอ" ฟางมี่ยิ้มเยาะ "ในเมื่อคุณมั้งใจตัวเองขนาดนี้ งั้นฉันก็จะรอดื่มเหล้าแต่งงานของคุณกับเฉียวซือเหิงก็แล้วกัน" เธอพูดจบก็วางสายไป

เหวินหย่าบีบโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้ว กัดฟัน ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินตรงไปยังลานเด็กเล่น

เมื่อเธอมองผ่านถนนเส้นเขียวไปที่เสี่ยวกว้านที่เล่นบนสไลด์อย่างมีความสุขจากระยะไกล ยิ่งมองมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้ว่าเสี่ยวกว้านนั้นถอนแบบออกมาจากเฉียวซือเหิงอย่างกับแกะ ดูเหมือนว่าคุณหนูฟางไม่ได้โกหกเธอ เด็กคนนี้เป็นลูกชายแท้ๆของเฉียวซือเหิง

เป็นเพราะตอนกลางคืน ซูซีไม่ได้ให้เสี่ยวกว้านสวมหน้ากาก เธอคงไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าข้างกายของเฉียวซือเหิงนั้นจะมีผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งชื่อเหวินหย่า

-

ในวันรุ่งขึ้นตอนทำงาน เหวินหยาเห็นเลขาหลินเดินไปที่ห้องน้ำชา รีบหยิบแก้วบนโต๊ะแล้วเดินตามเข้าไป

“ เลขาเหวิน ... ” เลขาหลินทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม

“เลขาหลิน” เธอยิ้มตอบกลับไปให้เขา

"เป็นยังไง ทำงานคุ้นเคยดีไหม"

"ค่อนข้างดีคะ" เหวินหย่าหมุนแก้วในมือของเธอเล่น มองไปที่เขาแล้วถามว่า "ใช่แล้ว ช่วงนี้คุณชายเฉียวรบกวนให้คุณช่วยตามหาที่อยู่ของคุณหนูซูอยู่ใช่ไหม"

“ คุณรู้ได้อย่างไร” เลขาหลินประหลาดใจ

"ฉันได้ยินมาจากคุณนายเฉียวพูด" เหวินหย่ายิ้มแล้วพูดว่า "ได้ความคืบหน้าอะไรไหม"

"ยังเลย" เลขาหลินพูด "อันที่จริงคุณชายเฉียวใช่ว่าจะต้องตามหาคุณหนูซูให้เจอจริงๆหรอก เพราะไม่ได้ถามถึงความคืบหน้ากับฉันเลย"

"เพราะอะไร"

เลขาหลินยักไหล่ "ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคิดว่าคุณชายเฉียวน่าจะคิดได้แล้วมั้ง ว่าเขากับคุณหนูซูนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อีก"

"น่าจะใช่" เหวินหย่าพยักหน้า "ถ้าหากคุณหนูซูแต่งงานแล้ว คุณชายเฉียวก็คงจะสนับสนุนเธอตามที่ที่เธอปรารถนาใช่ไหม"

"อืม ฉันก็คิดเหมือนกัน เพราะไม่ว่ายังไงคุณชายเฉียวก็รักคุณหนูซูจากใจจริงๆ" หลังจากที่เลขาหลินเติมน้ำเต็มแก้วแล้ว พูดกับเธอว่า "ผมขอกลับไปทำงานก่อน คุณก็อย่าอยู่ตรงนี้นานเกินไป "

"คะ" เหวินย่าพยักหน้า ดูเขาจากไปด้วยรอยยิ้ม

-

ซูซี่พึ่งเลิกสอนก็ได้รับโทรศัพท์จากไป๋มู่ชิง ไป๋มู่ชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ดูรีบร้อนกังวลเล็กน้อย "เสี่ยวซี่ เธอได้ยินข่าวลือหรือยัง ที่ว่าตอนนี้เฉียวซือเหิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว และยังย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลเฉียวด้วย”

ซูซีตกใจกับคำพูดของไป๋มู่ชิงไปครู่หนึ่ง เฉียวซือเหิงมีคู่หมั้นแล้ว แถมยังอาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลเฉียวอีกเหรอ

เธออาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลเฉียวมาหลายปี เธอรู้นิสัยบุคลิกของคุณนายเฉียวเป็นอย่างดี คุณนายเฉียวเกลียดพวกผู้หญิงสำส่อนประพฤติตัวไม่ดี ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ท่านชอบแล้ว ท่านจะไม่มีวันยอมให้เธอได้เข้าไปอยู่อาศัยในบ้านเป็นอันขาด ผู้หญิงคนนี้สามารถเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลเฉียวได้ ดูเหมือนว่าฐานะไม่ธรรมดาจริง

"เสี่ยวซี เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม" ไป๋มู่ชิงถาม

ซูซี่สูบหายใจลึกๆแล้วพูดว่า "ฉันได้ยินแล้ว"

“ แล้วทำไมเธอไม่มีอาการเศร้าเสียใจใดๆเลยล่ะ”

"นี่เป็นเรื่องที่ดี ทำไมฉันต้องเศร้าเสียใจด้วยล่ะ " ซูซี่พูดอย่างไม่แยแส

"เธอ... " ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก จากนั้นก็พูดอย่างท้อแท้ "โอเค ฉันยังมานั่งเสียใจแทนเธออีก"

"มู่ชิง ฉันเคยบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ว่าเฉียวซือเหิงกับฉันไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว"

"หนานกงเฉินกับฉันท้านที่สุดแล้วยังสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้เลย เธอกับเฉียวซือเหิงมีอะไรทำไมถึงจะกลับไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อหรอก" ไป๋มู่ชิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ "โอเคๆ เธอดื้อรั้นต่อไป รอให้เฉียวซือเหิงแต่งงานขึ้นมาจริงๆพอถึงตอนนั้นเธอจะรู้สึกเสียใจเอง "

หลังจากที่ไป๋มู่ชิงพูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แต่ซูซี่ที่อยู่ในโทรศัพท์ฝังนี้ได้นิ่งไป เธอยังคงถือโทรศัพท์ไว้ในมือ มองไปที่เสี่ยวกว้านผ่านล่องประตูที่อยู่ในห้องเรียน หน้าตาภายนอกที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจอย่างเธอ แต่ในใจของเธอนั้นปั่นป่วนอย่างยิ่ง

ถ้าหากแค่เธอตัวคนเดียวแล้วล่ะก็ เธออาจจะหลับตากัดฟัน แล้วแต่เขาจะแต่งกับใคร ตัวเธอเองไม่ใช่ว่าขาดเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้มีเสี่ยวกว้านแล้วเขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวกว้าน เธอทำแบบนี้ดีที่สุดกับเสี่ยวกว้านจริงๆแล้วหรอ

ขณะที่เธอรู้สึกงุนงงอยู่ กลิ่นชานมหอม ๆ ก็โชยมาโดนจมูกของเธอ เธอตั้งสติหันหลังกลับมา เห็นเหลียนเฟยยืนยิ้มอยู่ข้างหลังเธอ ยังตั้งใจยกแก้วชานมในมือขึ้นมาที่จมูกของเธอ

"กำลังคิดอะไรอยู่หรอ คิดจนเหม่อล่อยแบบนี้"

"ไม่มีอะไร" ซูซี่ส่ายหัว

"ชานมรสเผือกที่เธอโปรดมากที่สุด ฉันอุตส่าห์อ้อมไปซื้อที่ถนนไป๋อันให้เธอ" เหลียนเฟยยิ้มยื่นหลอดชานมไปไว้ที่ปากของเธอ "เอาน่า สอนมาทั้งวันเหนื่อยแล้ว ดื่มคำหนึ่ง"

“ ฉันไม่ดื่ม คุณดื่มเองเถอะ” ซูซี่ถอดหลังเลี่ยงไป

"ดื่มคำหนึ่งสิ อย่าเหยียบหยามความรู้สึกดีๆของฉันเลย ไม่สิ ... หัวใจ" เขายังคงดันชานมไปที่ปากของเธอ ซูซีเลี่ยงจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีก หลังจากที่มองเขาด้วยความหงุดหงิดก็อ้าปากดูดชานมคำหนึ่ง

“ อร่อยมั้ย”

"อร่อย" ซูซี่ตอบอย่างมารยาท แล้วมองไปที่เขา "วันนี้คุณไม่มีสอนเหรอ"

"มีสิ หมดสอนแล้ว ไม่มีอะไรทำฉันก็เลยออกไปเดินวนรอบหนึ่ง"

"ออกไปเดินวงรอบหนึ่งก็ซื้อชานมมาแค่สองแก้ว"

"อืม ใช่."

"วางมาก ... " ซูซีมองเขาอย่างเงียบ ๆ

“ ซึ่งใจหรือเปล่า ถ้ารู้สึกซึ่งใจก็ดื่มอีกคำหนึ่ง ฉันจะได้เดินออกไปไม่เสียรอบ” เหลียนเฟยยื่นหลอดเข้าปากเธออีกครั้ง ซูซี่ดื่มอีกคำหนึ่งแล้วพูดว่า “ พอแล้ว ฉันดื่มต่อไม่ได้แล้ว สองวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายท้องเท่าไร "

"คุณปวดท้องหรอ เป็นอะไรไหม"

"ไม่เป็นไร อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่" ซูซี่ชี้ไปที่ห้องเรียนที่ยังเรียนอยู่

เหลียนเฟยพยักหน้า ยกชานมขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง อย่างไม่รังเกลียดที่ซูซีดื่มไปก่อนเมื่อกี้

-

ขณะเฉียวซือเหิงกำลังจะเลิกงาน จู่ๆเขาก็ได้รับรูปถ่ายจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก

เมื่อเขาคลิกภาพเข้าไปก็เห็นว่าเป็นรูปของซูซี่ ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วโป้งเลื่อนหน้าจอสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว ยังมีอีกสามรูปอยู่ข้างหลัง ซึ่งรูปทั้งหมดนี้คือเธอกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังดื่มชานมแก้วเดียวกัน

ดูจากมุมนี้แล้วเห็นใบหน้าของซูซี่ไม่ชัดเจน แต่สามารถเห็นใบหน้าของเหลียนเฟยได้อย่างชัดๆเจนๆ ใบหน้าที่กำลังป้อนเธอดื่มชานมของเหลียนเฟยนั้นเต็มไปด้วยความสุข

เฉียวซือเหิงมองดูรูปถ่ายสามหรือสี่ครั้งแล้ว ถึงได้วางโทรศัพท์ลง

ใครเป็นคนส่งรูปให้เขากันแน่ เห็นได้ชัดว่าคนที่ส่งรูปมาให้เขานั้นไม่เจตนาดี

เป็นฟางมี่เหรอ ในเวลานี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเธอที่จะสามารถทำเรื่องที่ไม่มีสัจธรรมเช่นนี้

หลังจากที่เขาครุ่นคิดสักพัก เขาก็ได้หยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอีกครั้ง พยายามค้นหาร่องรอยของตำแหน่งของซูซี อย่างไรก็ตามเนื่องจากรูปถ่ายนั้นถ่ายตรงใกล้ๆบันได พื้นหลังไม่มีตัวหนังสือใดๆ ไม่มีสิ่งลักษณะพิเศษอะไรที่จะสามารถให้เขาเดาได้ เขาไม่อาจเดาได้ด้วยซ้ำว่าเธอนั้นอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ

ทันใดนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้น จากนั้นเหวินหย่าก็เปิดประตูเดินเข้ามา

เหวินหย่าเดินเข้ามา มองเขาด้วยรอยยิ้มถามว่า "เดียวพี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว พี่จะเลิกงานตรงเวลาหรือเปล่า"

เฉียวซือเหิงตอบกลับไปราวกับใจไม่อยู่กับที่ "ฉันมีนัดกับเพื่อนคืนนี้ เธอให้คนขับรถส่งกลับบ้านล่ะกัน"

เหวินหย่าตาเฉียบคมไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะของเขา หยิบมันขึ้นมาดูรูปถ่ายที่อยู่ในนั้น ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างคาดเดา "ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคุณหนูซูอดีตภรรยาของพี่ชายใช่ไหม"

"อืม." เฉียวซือเหิงมองเธอขณะตอบ

"ชายคนนี้เป็นใครหรอ สามีของเธอตอนนี้หรอ เธอแต่งงานใหม่เร็วขนาดนี้เลยหรอ" เหวินหย่าเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจมาก

"ไม่รู้ เรื่องของเธอฉันไม่รับรู้มานานแล้ว" เฉียวซือเหิงดึงโทรศัพท์กลับมา แล้วก้มหน้าเปิดดูเอกสารบนโต๊ะต่อ

เหวินหย่ามองไปที่ปฏิกิริยาบนใบหน้าของเขา รู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้สงสัยในตัวเธอ ถึงได้โล่งใจ "พี่ชายทำงานเถอะ ฉันกลับไปก่อนล่ะ"

"โอเค" เฉียวซือเหิงมองเธอออกไปจะข้างหลัง สายตาของเขาเคร้าลงเล็กน้อย

ถ้าเหวินหย่าไม่เข้ามา เขาลืมไปเลยว่าข้างกายเขายังมีตัวป่นอยู่คนหนึ่ง ดูเหมือนว่าโอกาสที่เธอจะส่งรูปพวกนี้มานั้นมากกว่าฟางมี่ในตอนนี้อีก

ฟางมี่ในตอนนี้เรื่องปากท้องยังเป็นปัญหาเลย เธอน่าจะไม่มีกระจิตกระใจไปทำเรื่องเล็กๆเหล่านี้ถึงจะถูก แม้ว่าเธอต้องการที่จะแก้แค้นเขากับซูซี่เธอก็จะไม่ใช้วิธีนี้มาทำลายพวกเขาอย่างแน่นอน

เธอสูบหายใจเบา ๆ ลุกขึ้นออกจากห้องทำงาน

-

หลังจากที่เฉียวซือเหิงออกจากที่ทำงาน เขาไม่ได้มีนัดกับเพื่อน ๆ และไม่ได้กลับบ้าน แต่กับมารออยู่ที่ประตูโรงเรียนของเสี่ยวหว่านชิง

เขาคาดเดาว่าไป๋มู่ชิงจะต้องไปรับเสี่ยวหว่านชิงเลิกเรียนที่โรงเรียนด้วยตัวเอง

ได้จอดรถไว้ที่หน้าประตูโรงเรียน เฉียวซือเหิงรออยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดก็รอจนกระทั่งไป๋มู้ชิงกับเสี่ยวหว่านชิง เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกัน

อายุพึ่งจะ 7 ขวบอย่างเสี่ยวหว่านชิงนั้นสูงเกือบถึงระดับอกของไป๋มู่ชิงแล้ว ดูแล้วฉลากไหวพริบดีมาก ที่สำคัญคือเธอยังคงจำเฉียวซือเหิงได้เป็นอย่างดี

เมื่อเธอเห็นเฉียวซือเหิงเธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทันที ในปากนั้นยังเรียกอย่างตื่นเต้นว่า "คุณลุง ... "

เฉียวซือเหิงใช้มือหมุนตัวเธอดูอย่างยิ้มๆ แล้วใช้มือลูบหัวของเธอพูดว่า "หว่านชิงโตขึ้นเยอะมากเลย"

"คุณลุงคะ ทำไมคุณลุงไม่มาหาหว่านชิงนานขนาดนี้ หว่านชิงไม่ได้เห็นคุณลุงมานานมากแล้ว" เสี่ยวหว่านชิงบ่นอย่างหน้ามุ่ยๆ

เฉียวซือเหิงยิ้มและกล่าวขอโทษ "ขอโทษครับ คุณลุงงานยุ่งมาก นี่เห็นวางแล้วก็รีบมาหาหนูแล้วไง"

“ ขอบคุณคะคุณลุง”

“ คุณลุงเลี้ยงหนูทานของหวานดีมั้ยคะ”

"ดีคะ" เสี่ยวหว่านชิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "หนูไม่ได้ทานอะไรกับคุณลุงเป็นเวลานานมากแล้ว"

"งั้นไปกันเถอะ ที่ใกล้ ๆแถวนี้ก็มี "เฉียวซือเหิงจูงมือหว่านชิงมา เงยหน้าขึ้นไปพูดกับไป๋มู่ชิงว่า คุณหนูไป๋ วันนี้ฉันตั้งใจมาหาหว่านชิงโดยเฉพาะเลย ไปหาอะไรทานกันหน่อยเถอะ"

ไป๋มู่ชิงมองไปที่เฉียวซือเหิง จากนั้นเห็นหว่านชิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข เธอจึงพยักหน้า เดินตามพวกเขาไปที่ร้านของหวานที่อยู่ใกล้ ๆ

เฉียวซือเหิงพาหว่านชิงไปที่มุมหนึ่งของร้านของหวานแล้วนั่งลง เอามนูให้สองแม่ลูกได้สั่งของหวาน

ในขณะที่ไป๋มู่ชิงกำลังยุ่งอยู่กับกันสั่งของหวานนั้น เฉียวซือเหิงได้พูดประโยคหนึ่งออกมาว่า "โทรศัพท์มือถือของฉันตกอยู่ในรถ คุณหนูไป๋สามารถให้ฉันยืมโทรศัพท์มือถือโทรกลับไปที่บ้านหน่อยได้ไหม"

"คุณโทรเลย" ขณะที่ไป๋มู่ชิงกำลังเลือกของหวานให้หว่านชิงก็ผลักโทรศัพท์ของเธอไปให้

โทรศัพท์มือถือของเธอไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้ หลังจากที่เฉียวซือเหิงเอาไปเลื่อนหน้าจอครู่เดียว จากนั้นก็กดปุ่มโทรล่าสุด

บันทึกการโทรล่าสุดของไป๋มู่ชิงนั้นเรียบง่ายมาก หนานกงเฉินอยู่อันดับหนึ่ง ครูหลินอยู่อันดับสอง และอันดับสาม ... ซูซี่

เฉียวซือเหิงหัวแม่มือลูบไปที่หน้าจอ เงยหน้าขึ้นเหลียบมองเธอแววหนึ่ง อ่านหมายเลขของซูซี่ในใจอย่างรวดเร็ว

หลังจากทำมือไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เสร็จ เขาถึงกดโทรศัพท์ไปที่บ้านตระกูลเฉียว คนที่รับโทรศัพท์คือน้าหง เขาพูดสั้น ๆง่ายๆ ว่า“ น้าหงคืนนี้ฉันจะกินข้าวนอกบ้าน”

จากนั้นเขาก็วางสาย และส่งโทรศัพท์คืนให้ไป๋มู่ชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด