เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 278

เมื่อซูซี่ลงรถมา จึงมองเห็นเฉียวซือเหิงกำลังยืนพิงกำแพงมุมลิฟต์อยู่ด้วยสีหน้าอันนิ่งเรียบ เห็นได้ชัดว่าจงใจมายืนรอเธอ

เห็นดังนั้นเธอจึงตกตะลึงไปทันควัน จากนั้นก็ได้สาวเท้าเดินเข้าไปหาพร้อมจ้องหน้าเขาแสร้งทำสีหน้าสงบนิ่ง : “คุณมาทำไม ?”

“ต้องถามด้วยเหรอ ? แน่นอนว่ามารอเธอไงล่ะ” เฉียวซือเหิงกวาดสายตามองเธอ จากนั้นก็กล่าวยั่วเย้า : “จะย้ายบ้านพรุ่งนี้ใช่ไหม ? ให้ฉันมาช่วยไหม ?”

“ไม่ต้อง ขอบใจ” ซูซี่จ้องหน้าเขา : “ที่คุณมาที่นี่มีธุระอะไรกันแน่ ?”

“มาเยี่ยมลูกชายกับเยี่ยมเธอไง” น้ำเสียงของเฉียวซือเหิงสบายลง มือหนึ่งล้วงกระเป๋าอยู่ พลางจ้องหน้าเธอตาเขม็ง มองดูใบหน้าของเธอที่เปลี่ยนเป็นซีดเซียว มองสายตาอันตกตะลึงปนหวาดกลัวของเธอ

ซูซี่อึ้งไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา และมั่นใจว่าเสี่ยวกว้านเป็นลูกชายของตัวเองเสียขนาดนั้น

หลังจากที่ยืนอึ้งอยู่เนิ่นนาน เธอจึงกล่าวขึ้นด้วยความกระวนกระวาย : “เสี่ยวกว้านไม่ใช่ลูกชายคุณ !”

“เมื่อกี้ฉันขึ้นไปหาเขาแล้ว ฉันยังรับปากเขาไว้ด้วยว่าต่อจากนี้จะอยู่กับเขา” เฉียวซือเหิงยิ้มอ่อน : “จริงสิ วันนั้นตอนที่เธอพลัดหลงกับเสี่ยวกว้านที่โรงจอดรถ เสี่ยวกว้านเอาแต่เรียกฉันว่าคุณพ่อ ตอนนั้นเป็นเพราะเขาใส่ผ้าปิดปากเพราะงั้นฉันเลยมองไม่ออก แต่พอเห็นหน้าเขาวันนี้……”

เฉียวซือเหิงส่ายหน้า และชายตามองเธอ : “คุณหนูซู ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอกับผู้ชายคนไหนกันที่มีลูกชายที่หน้าตาเหมือนฉันได้แบบนี้”

“ฉัน……” ซูซี่กระส่ายกระสับยิ่งขึ้น

ทำอย่างไรดี ดูเหมือนว่าคำพูดปลดจะไร้ประโยชน์กับเขาไปเสียแล้ว

“เวลานี้ เธอยังอยากย้ายบ้านอีกงั้นเหรอ ?” เฉียวซือเหิงกล่าว : “ถ้าให้ฉันแนะนำนะ ไม่ต้องย้ายบ้านหรอกขอยืมคำพูดของหมอนั่นหน่อยก็แล้วกัน ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนถึงยังไงฉันก็จะติดตามเธอไปเรื่อย ๆ นอกจากเธอจะเอาเสี่ยวกว้านทิ้งไว้ให้ฉัน”

“ไม่ได้ !” เมื่อซูซี่ได้ยินเขาพูดว่าต้องการแย่งเสี่ยวกว้านไปจากเธอ จึงส่ายหน้าด้วยความร้อนรนใจแล้วพูดว่า : “เฉียวซือเหิง คุณต้องการอะไรฉันให้คุณได้หมดแต่เสี่ยวกว้านไม่ได้ ตอนนั้นที่ออกจากบ้านตระกูลเฉียวฉันไม่ได้เอาอะไรจากตระกูลเฉียวมาเลยสักแดงเดียว นอกจากเสี่ยวกว้าน……เสี่ยวกว้านคือชีวิตของฉัน เป็นกำลังใจหนึ่งเดียวในตอนนี้ของฉัน”

“ตอนนั้นเขาอยู่ในท้องฉันยังไม่ได้เป็นตัวอ่อนฉันตัดใจเอาเขาออกไม่ลง ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะเลี้ยงเขามาจนโตได้ ฉันไม่มีทางยกเขาให้กับคุณหรอก ได้โปรดอย่าทำให้ฉันลำบากใจเลย ขอร้องละ……” เมื่อพูดถึงสุดท้าย ซูซี่เริ่มกล่าวอ้อนวอนขึ้นมา

เฉียวซือเหิงมองสีหน้าที่อ้อนวอนของเธอ กลับยิ้มขึ้นพร้อมพูดว่า : “คุณหนูซูที่เย่อหยิ่งมาทั้งชีวิตขอร้องฉันเนี่ยนะ ? เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”

ซูซี่ก้มหน้าลง ขอเพียงแค่เขาไม่พาเสี่ยวกว้านไป เธอจะข้อร้องเขาสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

“แต่ว่าตอนนั้นฉันบังคับให้เธอมีลูกคนนี้ยังไงนะ เธอน่าจะจำได้ใช่ไหม ? เพื่อที่จะให้เธอเก็บเด็กคนนี้ไว้ฉันเลยล้มเลิกการยื่นอุทธรณ์ ฉันถึงขั้นยินยอมทำตามที่เธอต้องการ เธอคิดว่าความรักที่ฉันมีต่อเด็กคนนี้น้อยกว่าเธองั้นเหรอ ? หรือเธอคิดว่าฉันเสียสละน้อยกว่าเธอ ?”

เฉียวซือเหิงกอดอก สายตาที่จับจ้องใบหน้าของเธอมีความถากถาง : “เธอคิดว่าฉันจะปล่อยเด็กคนนี้ไปอย่างนั้นเหรอ ?”

“ไม่……”

เฉียวซือเหิงไม่ให้โอกาสเธอในการปฏิเสธ เขากล่าวตัดทบเธอทันควัน : “คุณหนูซู ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าตอนนี้เธอไม่มีอะไรนอกจากเสี่ยวกว้าน ถ้างั้นก็ควรรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะช่วงชิงสิทธิการเลี้ยงดูลูกได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายจนขึ้นโรงขึ้นศาลและยังทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอีก ก็ทำตามที่ฉันบอกอย่างว่าง่ายซะ”

“คุณจะเอายังไงกันแน่ ?”

“ให้ทางเลือกสองทาง คือคืนเสี่ยวกว้านให้ตระกูลเฉียว หรือว่าเธอพาเสี่ยวกว้านกลับบ้านตระกูลเฉียวไปด้วยกัน”

“ความหมายของคุณคือ……เราสองคนแต่งงานกันใหม่งั้นเหรอ ?”

“เพื่อให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเสี่ยวกว้าน นี่คือวิธีที่ดีที่สุด”

“ฉันไม่ต้องการ” ซูซี่ปฏิเสธทันควัน จากนั้นก็จ้องหน้าเขาตาเขม็ง : “คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะพยายามด้วยตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะคดีให้ได้ สรุปคือฉันไม่มีวันยกเสี่ยวกว้านให้คุณ และไม่มีวันแต่งงานใหม่กับคุณด้วย”

เธอไม่ต้องการแต่งงานกับเขาใหม่แต่อย่างใด เขาเพิ่งออกจากเรือนจำมาหนึ่งเดือนก็มีคู่หมั้นแล้ว สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้เสียจริง !

“ชนะแล้วยังไงต่อ ?” เฉียวซือเหิงขมวดคิ้ว : “พาเสี่ยวกว้านใช้ชีวิตอันแสนเข็นแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นเหรอ ? การที่เธอได้รับการบรรเทาทางจิตใจไปทั้งชีวิต เธอก็รู้สึกสบายใจแล้วงั้นเหรอ แต่เธอเคยคิดถึงเสี่ยวกว้านบ้างไหม เธอไม่ละอายใจต่อเสี่ยวกว้านหรือไง ? ในฐานะที่เป็นทายาทคนแรกของครอบครัวตระกูลเฉียว สุดท้ายกลับไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเฉียวเลยแม้แต่อย่างเดียว เธอคิดว่าถ้าเขาโตไปแล้วจะโทษเธอหรือเปล่า ? ภรรยาของเขา ลูกชายลูกสาวของเขาจะโทษเธอหรือเปล่า ?”

ซูซี่ได้ยินคำพูดของเขาจนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เรื่องราวเช่นนี้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริง ๆ เนื่องจากอันที่จริงแล้วเมื่อถึงวันนั้นยังเหลือเวลาอีกยาวไกล

ทว่าเมื่อได้ยินที่เขาพูดมาเช่นนั้น เธอไม่ยอมรับไม่ได้ว่าความจริงแล้วที่เขาพูดนั้นมีเหตุผลอยู่มาก หากเสี่ยวกว้านอยู่กับเธอ เติบโตไปแล้วโชคชะตาของเขาคงทำได้เพียงเรียนจบ หางานทำ ดิ้นรนต่อสู้อยู่ภายนอกเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเหมือนอย่างเช่นคนธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังไม่แน่ว่าจะหางานเจอหรือไม่อีกด้วย ทว่าถ้าหากอยู่กับเฉียวซือเหิง ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นเฉียวซือเหิงคนที่สอง ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงการงาน ได้ใช้ชีวิตอยู่บนสังคมชั้นสูงอย่างเช่นปลาได้น้ำทุกวัน

“เสี่ยวกว้าน……เขาจะต้องได้ใช้ชีวิตที่ดีมากแน่นอน ฉันเชื่อ” เธอกล่าวขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่มีความมั่นใจ

เฉียวซือเหิงขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมจ้องหน้าเธอแล้วถามว่า : “ตอนนั้นที่เธอผลักไสฉันเข้าคุกไปฉันให้อภัยเธอได้ ยอมรับเธอได้เพื่อเสี่ยวกว้าน มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่เธอไม่ยอมกลับมาอยู่ข้างกายฉัน ? เพื่อผู้ชายคนเมื่อกี้น่ะเหรอ ? แต่เท่าที่ฉันดูเธอไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งตามนิสัยของเธอแล้วเธอไม่ชายตามองคนโง่แบบนั้นด้วยซ้ำ”

“คุณด่าเขาว่าอะไรนะ ? คุณไปด่าเขาว่าคนโง่ได้ยังไง ?” ซูซี่อดไม่ได้จนต้องเอ่ยขึ้นปกป้องเหลียนเฟย

แม้ว่าเหลียนเฟยจะน่ารำคาญมาก ครั้นถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ที่เป็นห่วงเป็นใยเธอจากใจจริง และเป็นเพื่อนที่แสนดีข้างกายเธอเพียงหนึ่งเดียวที่พึ่งพาได้ โดยสามารถตีและด่าได้ เธอสามารถด่าทอเขาได้ ทว่าเธอไม่ชอบให้ผู้อื่นมาด่าเขา

“โอเค เขาไม่โง่ เขาแอ๊บแบ๊วน่ารักมาก”

“ใช่ เขาไม่ได้ฉลาดมีความสามารถเหมือนคู่หมั้นคนนั้นของคุณ แต่ตอนนี้ฉันชอบผู้ชายที่ใสซื่อแบบนี้แหละพอใจหรือยัง ?” ซูซี่กล่าวจบก็หันหลังเดินไป คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งก้าวเข้าลิฟต์ได้หนึ่งก้าว เฉียวซือเหิงก็เดินตามเข้ามามาจากด้านหลังทันที

“คุณจะเอายังไงกันแน่ ?” ซูซี่จ้องเขาตาเขม็ง

“กะอีแค่เกาะแกะไม่หยุดเอง ฉันก็ทำได้” เฉียวซือเหิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้น้ำใจ

กลยุทธ์ของเขาเมื่อก่อนคือตามหาผู้หญิงมากมายมากระตุ้นเธอ ดื้อรั้นแข่งกับเธอ ทว่าในเมื่อวิธีเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผลกับเธอ เขาจึงทำได้เพียงเปลี่ยนรูปแบบใหม่เท่านั้น

“เฉียวซือเหิง คุณทำอย่างนี้จะทำให้ฉันและเสี่ยวกว้านได้รับอันตรายเข้าใจไหม ? ตอนนั้นเพราะฟางมี่ฉันเกือบถูกเสี่ยวกว้านทำร้าย ตอนนี้ยังมีคู่หมั้นคนใหม่อีก ฉัน……” ซูซี่ยังไม่ทันได้กล่าวจบ ก็รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าดำมืดลง ร่างกายของเฉียวซือเหิงโถมเข้ามาดันเธอหลังชิดเข้ามุมลิฟต์ทันที

เขาประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็พรมจูบอย่างลึกซึ้ง

ซูซี่ชะงักไป นิ้วมือที่วางอยู่บนปุ่มกดปิดประตูคลายออก ลิฟต์เริ่มขึ้นไปชั้นบนทันที

เธอจ้องใบหน้าที่อยู่ใกล้ของเขาด้วยความโมโห สองมือผลักหน้าอกเขาสองครั้ง ครั้นเฉียวซือเหิงกลับไม่คลายเธอออก พรมจูบเธอต่อไปอย่างนั้น

เวลาต่อมาเสียงลิฟต์ดังขึ้น ‘ติ๊ง’ มาหยุดอยู่ชั้นที่ซูซี่พำนักอยู่ เฉียวซือเหิงโอบร่างของเธอไว้ กลับหลังหันพาเธอเดินออกจากลิฟต์ จากนั้นก็กดเธอเข้ากับกำแพงข้าง ๆ และในที่สุดเขาก็คลายเธอออก พร้อมก้มมองหน้าเธอแล้วพูดว่า : “ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางมองไอ้แอ๊บแบ๊วนั่นหรอก แต่เธอกลับมองไม่ออกว่าฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับคุณหนูเหวินนั่นเลยงั้นเหรอ ?”

“เธอเข้าไปอาศัยที่บ้านตระกูลเฉียวแล้วไม่ใช่หรือไง ? ไม่ใช่คู่หมั้นของคุณหรอกเหรอ ?” ซูซี่กล่าวขึ้นมาด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง

“เขาคือคู่แต่งงานที่แม่ฉันเลือกให้ แต่ไม่ใช่คนที่ฉันเลือก เธอน่าจะรู้ว่านอกจากเธอแล้วฉันก็ไม่เห็นผู้หญิงคนไหนอยู่ในสายตาอีกเลย”

ซูซี่คาดไม่ถึงว่าเขาจะสารภาพรักกับตนเองในเวลานี้ จึงตะลึงงันไปทันที

เขาแทบจะไม่เคยพูดคำพูดเช่นนี้กับเธอด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเลย !

“คุณไม่เกลียดฉันเหรอ ?” ซูซี่เงยหน้ามองเขา

“ไม่เกลียด ฉันรู้ว่าเธอสับสนเนื่องจากฟางมี่”

“คุณรู้เรื่องแล้ว ?”

“รู้แล้ว ฉันทรมานเขาอย่างเวทนาแล้วด้วย” เฉียวซือเหิงจ้องหน้าเธอ พร้อมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าแน่นิ่ง : “ความจริงแล้วฉันอยากถามเธอมาโดยตลอดว่า ถ้าตอนนั้นไม่มีฟางมี่เล่นแง่อยู่เบื้องหลัง เธอจะยังเป็นพยานให้หนานกงเฉินอยู่หรือเปล่า ?”

“ฉันคิดว่าคงทำ” ซูซี่กล่าวจบก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง

สีหน้าของเฉียวซือเหิงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย : “ทำไม ?”

“เพราะฉันอยากหย่ากับคุณ” ซูซี่เงยหน้าจ้องเขา : “เฉียวซือเหิง คุณน่าจะรู้ว่าฉันอยากหย่ากับคุณมาตลอด เพียงแค่ไม่ได้พูดขึ้นเพราะเห็นแก่หน้าตาของคุณนายเฉียว”

เฉียวซือเหิงพยักหน้า ประเด็นนี้เขาชัดเจนแก่ใจดี

ซูซี่สูดหายใจเข้าเบา ๆ จ้องหน้าเขาแล้วกล่าวว่า : “ปล่อยฉันออกได้ยัง ? ฉันต้องกลับไปเอาเสี่ยวกว้านเข้านอน ”

เฉียวซือเหิงถอยหลังไป ซูซี่จึงหันหลังพร้อมเดินไปประตูห้องข้าง ๆ แล้วป้อนรหัสผ่านบนตัวล็อกประตู ขณะที่เธอผลักเปิดประตูห้องนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเสี่ยวกว้านที่กำลังวิ่งเข้ามาจากข้างใน แถมยังเรียกขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจอีกว่า : “คุณพ่อกลับมาแล้ว……!”

เมื่อเขาเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูคือซูซี่ จึงหยุดชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็เจือจางไปเช่นกัน ครั้นกลับกลายเป็นความหวาดกลัวผุดขึ้นมาแทน เนื่องจากซูซี่ห้ามไม่ให้เขาพูดถึงคุณพ่อ

“เสี่ยวกว้านคิดถึงคุณแม่ไหมคะ ?” ซูซี่ย่อตัวลงไป โอบกอดเสี่ยวกว้านเข้าสู่อ้อมแขน รู้สึกอิ่มเอมหัวใจขึ้นมาทันที

เธอเป็นห่วงว่าในสักวันเสี่ยวกว้านจะจากเธอไปไม่เป็นของเธออีกต่อไปแล้ว

“คิดถึงครับ” เสี่ยวกว้านกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจบแล้ว จึงกล่าวขึ้นต่อว่า : “คุณแม่ครับ เมื่อกี้คุณพ่อมาหาเสี่ยวกว้านด้วย เสี่ยวกว้านไม่ได้โกหกนะครับ”

“แม่รู้จ้ะ” ซูซี่สูดหายใจเข้าเบา ๆ ด้วยความแสบจมูก

“แต่ว่าคุณพ่อไม่รักษาคำพูด คุณพ่อบอกว่าจะมานอนเป็นเพื่อนผม ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย” ใบหน้าของเสี่ยวกว้านเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ในที่สุดเฉียวซือเหิงที่ยืนอยู่หน้าประตูมาตั้งแต่ต้นก็เดินออกมา จากนั้นก็ดึงเสี่ยวกว้านที่อยู่ในอ้อมกอดของซูซี่ออกมา พร้อมทั้งลูบศีรษะน้อย ๆ ของเขาแล้วกล่าวว่า : “ใครบอกว่าคุณพ่อไม่รักษาคำพูดล่ะครับ ? คุณพ่อกลับมาแล้วนี่ไง ?”

“คุณพ่อ --!” ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความผิดหวังของเสี่ยวกว้านได้กลายเป็นความดีใจขึ้นมาชั่วพริบตา เขามองเฉียวซือเหิงแล้วกล่าวว่า : “คุณพ่อกลับมาอยู่กับเสี่ยวกว้านแล้วจริง ๆ เหรอครับ ? ไม่ไปไหนแล้วใช่ไหมครับ ?”

“อืม ไม่ไปไหนแล้วครับ” เฉียวซือเหิงโผกอดเขาที่ขณะนี้กำลังดีใจสุดขีดในอ้อมแขน

เมื่อเห็นท่าทีอันสนิทสนมกันของสองพ่อลูก ซูซี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกชาที่หัวใจ ไม่ทราบว่าเป็นความรู้สึกดีใจหรือว่าเป็นกังวลใจกันแน่

เรื่องราวดำเนินการมาจนจึงถึงขั้นนี้ เธอยังสามารถไปห้ามปรามไม่ให้สองพ่อลูกเจอหน้ากันได้อย่างไร ? และจะให้พวกเขาแยกจากกันได้อย่างไร ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด