เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 221

บทที่ 221 ใครคือเจ้าเวรกรรม มาประลองกันหน่อย!

ใน Fantasy Dream

ผู้เล่นใหม่ปรากฏกายในมุมของป่าแห่งหนึ่ง

“เลเวลหนึ่ง?”

“ทำไม? กลัวรึไง?”

“กลัวที่ไหน…ที่นี่ดูที่ความสามารถไม่ได้ดูที่เลเวล ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ถ้าฆ่าผู้เล่นได้ก็จะได้เลื่อนเลเวล”

“เป้าหมายของพวกเราก็คือ เจ้าเวรกกรรม…”

“เลเวล 40?”

“40 แล้วไง ก็โดนเลเวล 1 กระทืบได้เหมือนกันล่ะวะ!”

ในป่าลึก

ผู้เล่นเลเวล 1 ที่เพิ่งเกิดใหม่ทั้งหกคนกำลังพูดคุยหยอกล้อกัน ชื่อของพวกเขามีเอกลักษณ์มาก คือ อี เอ้อ ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว (หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก)

“อย่าเสียเวลากับภารกิจระดับต่ำแบบนี้เลย รีบออกตามหาให้เจอ จากนั้นก็ฆ่ามัน แล้วออกไปกันเถอะ”

ชายหนุ่มชื่อ ‘อี’ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“อย่ารีบร้อนน่า”

คนที่ชื่อ ‘เอ้อ’ ส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “มันเป็นการละเมิดกฎของเกมนี้ที่จะเกิดในโซนการผจญภัยเขต 30-40 ทั้งที่มีเลเวล 1 พวกเราแต่ละคนจะต้องหาผู้เล่นธรรมดาบางคนมาฆ่าก่อนเพื่อปลอมตัวเข้าไป”

“ไม่ได้ยากอะไรนี่ แม้แต่การฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ก็ง่าย” ‘สาม’ พูดด้วยรอยยิ้มติดตลก

“ใช่แล้ว…” ‘ซื่อ’ กล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ผู้ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนไม่ใช่ว่าถูกคัดเลือกไปตอนยังเด็กหมดแล้วงั้นหรือ? พวกรับการปลูกฝังทีหลังพวกนี้ ล้วนแต่เป็นพวกสวะ!”

“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก” ‘อู่’ ส่ายหัวและโต้กลับ “เบื้องบนทำไมถึงให้พวกเรามาที่นี่ ทำไมเป็นคนเดียวแต่เป็นพวกเราหกคน”

“พอได้แล้ว!”

เมื่อได้ยินคนทั้งห้าคนรอบตัวเขาชักจะส่งเสียงดัง อีก็เดินนำและพูดในขณะที่เดินไป “ทะเลาะกันมีประโยชน์อะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำงานให้เสร็จ ฆ่ากลุ่มผู้เล่นธรรมดาก่อนเพื่อเลื่อนเลเวล เจ้าเวรกรรมปล่อยไว้สักพักก่อนค่อยไปจัดการมันก็ได้!”

……

ระหว่างที่พูด ทั้งหกคนก็เดินไปด้วยกัน และเมื่อเดินออกจากป่าก็พบกับทีมผู้เล่นธรรมดามากกว่าสิบคน ก่อนที่พวกเขาจะลงมือฆ่าทันที

ราวกับลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้ที่ปลิดปลิว คนมากกว่าสิบคนก็หายวับไปในทันที…

เลเวลของทั้งหกคนได้รับการเลื่อนเลเวลอย่างราบรื่นและรวดเร็วจากเลเวล 1 เป็นเลเวล 33 และ 34

เมื่อมีเลเวลแล้ว ทั้งหกคนก็ไม่หลบซ่อนอีกต่อไป เริ่มพากันออกฆ่าผู้เล่นคนอื่นๆ ซึ่งระหว่างทางพวกเขาเจอใครก็จะฆ่าไม่เว้น ผู้เล่นชื่อสีแดงที่ถูกพวกเขาเจอเข้าก็ไม่มีใครสามารถหนีไปได้

55 นาทีต่อมา

“เขตปลอดภัยกำลังจะย่อตัวในห้านาที เป้าหมายทุกคนโปรดเข้าสู่เขตปลอดภัยให้ตรงเวลา”

แผนที่เริ่มย่อตัวจนเล็กลง…ทุกคนเปิดแผนที่เพื่อดูมัน วงกลมแรกจะย่อตัวลงเหลือเพียงครึ่งเดียวของแผนที่

ผู้เล่นฝึกยุทธ์ทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ รีบมุ่งไปที่วงกลม ส่วนผู้เล่นธรรมดากลับไม่รีบร้อนเพราะวงกลมนี้ไม่มีผลกับพวกเขา

แผนที่ทางทิศตะวันออก

“ผู้เล่นฝึกยุทธ์เหล่านี้อ่อนแอเกินไป”

“นี่คือผู้ฝึกยุทธ์งั้นเหรอ?”

“เบื้องบนคาดหวังกับเจ้าเวรกรรมมากเกินไปหรือเปล่า? แล้วจะให้พวกเราทั้งหกคนมาพร้อมกัน หรือว่าอยากให้เราฆ่าทุกคนในเกมนี้งั้นเหรอ?”

การสังหารผู้ฝึกยุทธ์หลายร้อยคนระหว่างทาง ทำให้ทั้งหกรู้สึกเบื่อมาก

“มาทั้งที ก็ฆ่า ๆ ไปเถอะน่า…”

คนทั้งหกยังคงเดินไกลออกไปเรื่อย ๆ

ดูเหมือนว่าในโลกเกมถือเป็นสนามเด็กเล่น ทั้ง 6 คนกำลังเข่นฆ่าอย่างดุเดือดในขณะที่มองหา X ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในตารางจัดอันดับ

ก่อนจะฆ่าเจ้าเวรกรรมที่เป็นอันดับสอง มาดูระดับของอันดับหนึ่งกันก่อน

หลังจากค้นหาอยู่นานก็ไม่เจอ พบเพียงแต่ว่า X ไม่ได้ออนไลน์เลย…

แต่ว่าแม้จะหา X ไม่พบ แต่ทั้งหกคนก็ได้พบกับกลุ่มของผู้เล่นธรรมดานับร้อยที่กำลังไล่ตามเป้าหมายอย่างไม่คาดคิด

ผู้นำของกลุ่มคือหว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง (ฉันกำลังโบยบิน) ซึ่งอยู่ในอันดับที่สามในตารางจัดอันดับ

“ตามพี่เฟยเสียงไป…ไม่มีที่ไหนให้พวกเป้าหมายซ่อนตัวได้แน่!”

“พี่เฟยเสียงเป็นอันดับสาม นอกจาก X และเจ้าเวรกรรม ยังจะมีใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?”

ท่ามกลางกลุ่มคน มีเสียงคำชมดังออกมาเป็นระยะ…คำชมเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า

แม้ว่าอันดับสามจะไม่น่าฟังนัก แต่เมื่อเห็นเจ้าเวรกรรม นำคนหนึ่งหมื่นปะทะกับผู้เล่นนับล้านและยังชนะมาได้ เขาก็ยอมรับความเป็นจริงนี้

“หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงงั้นหรือ? นอกจาก X และเจ้าเวรกรรม นายเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุด?”

ทั้งหกมองหน้ากันและทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

“ว้าว มีคนมาอีกแล้ว!” ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ เริ่มประจบสอพลอทันที

หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงเหลือบมองคนทั้งหกในชุดมือใหม่ไปทั่วก่อนจะพูดว่า “ใช่ฉันเอง ทำไมถึงอยากมาเข้าร่วมกับฉันล่ะ”

“ก็แค่อยากฆ่าแก…” ลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นขยับร่างกายของเขาและพุ่งตรงมาที่หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง โดยมีอีกห้าคนที่เหลือยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่…

วินาทีต่อมา

พลั่ก!

หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงถูกต่อยกระเด็นออกไป แรงกระแทกมหาศาลได้ทำให้ผู้คนนับสิบเบื้องหลังเขาล้มลงกับพื้น

“ได้แค่นี้เองน่ะเหรอ?” ลิ่วถามอย่างรังเกียจ

อีกห้าคนยิ้มให้กัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความล้อเลียนเย้ยหยัน

“แม่ง…มึงตายซะเถอะ!” หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงคำรามด้วยความโกรธ พยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นจากพื้น พยายามยกดาบในมือขึ้น

“แสงดาบเงากระบี่!

กระบี่ถูกสะบัดออกไป รัศมีกระบี่อันดุร้ายกำลังโบยบินไปทั่วท้องฟ้า พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้

แต่ว่า…ไม่รอให้รัศมีของกระบี่โจมตีมาถึง ลิ่วขยับฝีเท้าของเขาด้วยความว่องไว หลบการโจมตีของกระบี่ พลันพุ่งตรงเข้ามาเบื้องหน้าหว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง

“อ่อนเกินไปแล้ว ฆ่าแกยังง่ายกว่าบี้มดเสียอีก!” ลิ่วส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ พลางสะบัดมือขวาตบไปที่ใบหน้าหว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงทันทีทำให้ศีรษะของเขากระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

ในชั่วพริบตา หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงที่อยู่ในอันดับสามของตารางอันดับ ถูกต่อยจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย

“เหล่าลิ่ว รีบ ๆ ฆ่ามันเถอะ!”

“เศษสวะแบบนี้ ขนาดจะเล่นด้วยยังไม่อยากเล่นเลย…”

ห่างออกไปไม่ไกล เงาคนทั้งห้าก็หันจากไปอย่างหมดความสนใจ

ลิ่วยกดาบขึ้นทันที

“ถ้าแน่จริงก็ไปฆ่าไอ้เจ้าเวรกรรมสิ!” ก่อนตาย หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แกฆ่าฉัน…งั้นฉันจะให้เจ้าเวรกรรมฆ่าพวกแก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]