Sign in Buddha’s palm 10 หมัดเดียว
“ข้าเป็นใครน่ะหรือ?”
ซูฉินมองไปที่เจินซิ่งแล้วกล่าวออกอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก “ข้าก็คือเจินกวนแห่งลานจิปาถะอย่างไรเล่า เจ้าจำข้ามิได้หรอกรึ?”
“เป็นไปไม่ได้!”
เจินซิ่งจ้องไปที่ซูฉินอย่างระแวดระวัง “เจินกวนเป็นแค่พระกวาดลานของวัดเส้าหลิน ความแข็งแกร่งนั้นเรียกว่าต่ำมาก แต่เจ้า…”
เจินซิ่งต้องการจะเอ่ยถามคำต่อไป แต่ความรู้สึกถึงวิกฤติเกิดขึ้นในใจเขาอย่างรุนแรง มันกระตุ้นเตือนให้เขาหนีไป
วิ่ง!
วิ่ง!
ไม่งั้นตายแน่!
เจินซิ่งรู้ดีว่าเป็นจิตมารที่ฝังรากอยู่ในใจเขาเอ่ยเตือน
“เมื่อครู่ ใช่เจ้าหรือไม่ที่โจมตีข้า?”
เจินซิ่งพยายามทำตัวให้สงบลงอย่างเต็มที่และถามออกไป
“ถ้าสิ่งที่เจ้ากำลังกล่าวถึงคือใบไม้ล่ะก็ นั่นน่ะข้าทำเอง” ซูฉินยอมรับอย่างไม่มีปิดบัง
เมื่อได้ฟังคำเหล่านั้น เจินซิ่งไม่สามารถทำใจเชื่อได้ลง
เขารู้ว่ามีแค่ตัวตนระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นเป็นอย่างน้อยถึงจะสามารถฆ่าเขาได้ด้วยใบไม้นั่น
ย้ำอีกครั้ง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเชียวนะ!
ทั่วทั้งยุทธภพ มีคนเหล่านั้นเพียงหยิบมือเดียว คนเหล่านั้นเป็นพลังอันไร้เปรียบ
วัดเส้าหลินมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งและไม่อาจประเมินวัดได้ ถ้าจะมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ จริงๆ เจินซิ่งย่อมจะโกรธเกรี้ยวแต่มันก็พอรับได้อยู่
แต่ซูฉิน…
ซูฉินมันจะสามารถเป็นยอดปรมาจารย์ชนชั้นที่หนึ่งได้ยังไง?
มันอายุสักกี่ปีกันเชียว?
มันจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้ยังไง?
แม้แต่ตัวเจินซิ่งเองถ้าปราศจากมรดกตกทอดจากมารพุทธะ ไม่มีจิตมารเพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกาย อย่างมากเขาก็อยู่แค่ที่ระดับชั้นที่เจ็ด
แล้วนี่ยังต้องขึ้นอยู่กับการที่ได้รับทรัพยากรจากวัดเส้าหลินอย่างต่อเนื่องด้วยนะ
แต่ตอนนี้ มีคนมาบอกเขาว่าใครบางคนที่อายุพอๆ กับเขากลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว?
แถมคนคนนั้นยังเป็นแค่พระกวาดลานที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอีกงั้นหรือ
เจินซิ่งจะยอมรับความห่างชั้นนี้ได้อย่างไร
“เป็นไปไม่ได้!”
“มันเป็นไปไม่ได้!!!”
เจินซิ่งพึมพำอยู่กับตนเอง พลังมารในร่างของเขาถูกปลดปล่อยออกมา
การเป็นผู้สืบทอดของมารพุทธะนั้นเดิมทีก็เป็นเหมือน ‘ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่สร้างมาอย่างลวกๆ‘ ทุกคนต้องอาศัยจิตมารเพื่อปรับสภาพร่างกาย และพยายามอย่างยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงพลังของตนเอง
แต่ในตอนนี้ เมื่อได้ถูกกระตุ้นเตือนด้วยเรื่องราวแท้จริงในโลกภายนอกแบบนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ความเป็นไปของโลก
“นี่…”
“ถ้าแกแค่อยากจะหลบหนีออกจากวัดเส้าหลิน ข้าจะไม่ใส่ใจแกเลย”
“ไม่ว่าจะเป็นมารพุทธะหรือองค์ยูไล มันจะมีอะไรมาเกี่ยวข้องกับข้าเล่า? ก็แค่พระกวาดลานใช่ไหมล่ะ?”
ซูฉินถอนหายใจออก น้ำเสียงของเขาเริ่มถูกกดต่ำลงเรื่อยๆ “แต่ทำไมแกจะต้องมาทำลายวัดเส้าหลินด้วย?”
“ถ้าวัดเส้าหลินถูกทำลายลง ข้าจะไปกวาดพื้นได้ที่ไหนอีก?”
ใบหน้าของซูฉินเริ่มจะสงบอารมณ์ไว้ไม่ไหว
ในที่สุดเขาก็ค้นพบสถานที่ที่ประหนึ่งขุมทรัพย์ให้เขาได้ลงชื่อรับของรางวัลแบบวัดเส้าหลินแห่งนี้ ดังนั้นเขาจะปล่อยให้มันถูกทำลายลงได้อย่างไร?
“กวาด…กวาดพื้นงั้นหรือ?”
เจินซิ่งดูเหมือนจะสับสนและหยุดการตอบสนองใดๆ ไปนานพอตัว
ตอนนี้เขาคิดมากถึงขนาดว่าบางที่ซูฉินอาจจะเป็นยอดอัจฉริยะที่ถูกวัดเส้าหลินฝึกฝนอย่างลับๆ เพราะทางวัดอาจจะกลัวว่าโลกภายนอกจะอิจฉาที่มีศิษย์อัจฉริยะแบบนี้ พวกเขาจึงจงใจวางซูฉินไว้ในตำแหน่งพระกวาดลานสังกัดลานจิปาถะ
ถึงแม้ว่านี่ดูจะยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมซูฉินจึงได้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้ด้วยอายุเท่านี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เจินซิ่งรู้สึกดีขึ้นหน่อย
แต่เมื่อกี้ ฟังจากคำพูดของซูฉินแล้ว เขาดูเหมือนแค่พระกวาดลานสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือ?
เหตุผลที่ทำไมเขาจึงถูกโจมตีโดยเจ้าหมอนี่เพราะเขาต้องการจะทำลายวัดเส้าหลิน และทำลายสถานที่ปัดกวาดเช็ดถูของหมอนี่งั้นหรือ?
เจินซิ่งรู้สึกถึงรสชาติหวานในลำคอ แทบจะกระอักเลือดออกมา
“แกจะดูหมิ่นข้าเกินไปแล้ว!!”
ดวงตาของมันแดงก่ำ พลังมารไร้สิ้นสุดถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ปกคลุมไปทุกทิศทาง
พลังมารสีดำเข้มข้นราวกับเป็นตาข่ายล้อมจับที่ไร้ทางหนี คุมขังซูฉินไว้ภายใน
“ข้าไม่เชื่อ!”
“ข้าไม่เชื่อว่าแกจะเป็นยอดปรมาจารย์เด็ดขาด!”
ด้านหลังของเจินซิ่งมารพุทธะครึ่งดำครึ่งทองเปล่งแสงออกมา
เจินซิ่งรู้ดีอยู่แกใจว่าถ้าซูฉินเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่โจมตีเขาในวัดจริงๆ ต่อให้เขาวิ่งหนีไปสุดขอบโลก ยังไงเขาก็ไม่รอดพ้นความตาย
แต่ถ้าซูฉินไม่ใช่ปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งแล้วล่ะก็ มันจะต้องตายลงด้วยความโกรธเกรี้ยวของเขา
ฟูม!
พลังมารอันน่าสยดสยองสั่นสะเทือนขวัญผู้คน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]