ตอนที่ 112 บทเพลงชีวิตหลังความตาย – ตอนที่ต้องอ่านของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
ตอนนี้ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 112 บทเพลงชีวิตหลังความตาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
Sign in Buddha’s palm 112 บทเพลงชีวิตหลังความตาย
“นี่คือสิ่งใด?!!”
หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าตกใจและรีบถอยหลังกลับ ในสายตาของนาง เจตจำนงดาบที่ไร้รูปร่างนี้เกือบจะอยู่ในจุดสูงสุดของทุกสิ่ง แม้แต่เทวรูปเทพจันทราภายในลัทธิบูชาจันทร์ที่อยู่มานานหลายพันปีก็ยังต้องหมองหม่นไปเมื่อเทียบกับพลังนี้
หวึ่ง!
ทันใดนั้นหญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้าก็เริ่มรู้สึกได้ถึงไอพลังที่ไม่สามารถบรรยายได้เข้ามาปกคลุม นางพยายามเผาผลาญแก่นแท้และเลือดเนื้อภายในตัวเพื่อยื้อชีวิตตนออกจากอันตราย
เพียงแต่ว่าทั้งหมดนั้นล้วนไม่มีประโยชน์
ประกายดาบจากบนท้องฟ้าเฉือนลงมาภายในพริบตา
เมื่อยามที่ประกายดาบฟาดฟันลงมาที่หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้า มันก็กลายเป็นประกายดาบขนาดเล็กจำนวนมหาศาลตัดเฉือนร่างหญิงสาวจนเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า
เมื่อเห็นฉากนั้นหญิงชราผมขาวที่อยู่ด้านข้างหนังศีรษะชาจนแทบจะระเบิด การที่เฝ้าดูพระแม่ถูกเป่ากระจายเป็นชิ้นๆ ทำให้เธอขาแข้งอ่อนแรง ก้นของเธอแทบจะร่วงไปอยู่ที่พื้น
เมื่อร่างของหญิงสาวที่มีผ้าคลุมหน้ากระจายหายไปกลายเป็นอากาศธาตุ หนอนกู่ตัวสีทองเข้มก็ปรากฏตัวขึ้น
“จี๊ด!!!”
หนอนกู่สีทองเข้มตัวนั้นส่งเสียงขู่ฟ่ออย่างดุร้าย ประกายดาบขนาดเล็กจำนวนมหาศาลเฉือนเข้าใส่จนมันกลายเป็นอากาศธาตุด้วยเช่นกัน
“นั่นมัน…หนอนกู่ของพระแม่?”
หญิงชราผมขาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ความกลัวที่ฝังอยู่ภายในใจลึกๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากจิตใจและเกาะกุมไปทั่วทั้งจิต
หนอนกู่เป็นแหล่งที่มาของศาสตร์คาถาทั้งมวลของอาณาจักรหนานจ้าว ทุกคนรวมไปถึงระดับผู้เชี่ยวชาญที่บูชาเทพจันทราจะต้องใช้คาถาและคำสาปของพวกเขาผ่านหนอนกู่
และหนอนกู่ที่อยู่ภายในร่างของหญิงสาวผ้าคลุมหน้าผู้นี้ ได้รับสืบทอดมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เป็นหนอนกู่ที่เก่าแก่ที่สุดตัวหนึ่งภายในลัทธิบูชาจันทร์
เวลาที่ผ่านมานานหลายพันปีนี้ ลัทธิบูชาจันทร์เผชิญหน้ากับภัยร้ายมากมาย ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าหนอนกู่ตัวนี้จะอยู่มาทุกยุคทุกสมัย
ทว่าตอนนี้หญิงชราผมสีขาวได้เห็นกับตาว่าหนอนกู่ตัวสีทองและหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นอากาศธาตุ
พรึบ
หญิงชราผมขาวไม่สามารถพยุงตัวของตนได้อีกต่อไปกระแทกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าของนางคล้ำหมองราวกับขี้เถ้า หลับตาลงเพื่อรอความตายที่จะมาเยือน
หญิงชรานึกไม่ออกว่าเธอจะอยู่รอดได้อย่างไร ขนาดหนอนกู่ที่อยู่ยงคงกระพันมาทุกยุคทุกสมัยยังตายไป แล้ว ตัวเธอจะต่อต้านได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเมื่อประกายดาบขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนได้เชือดเฉือนหนอนกู่สีทองไปแล้ว มันก็ไม่ได้ฟาดฟันใส่หญิงชราผมขาว แต่ส่วนใหญ่ได้สลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว มีเพียงประกายดาบขนาดเล็กอันหนึ่งที่กะพริบวูบวาบเข้าไปในร่างของหญิงชราผมขาว
จากนั้นไม่นาน
หญิงชราผมขาวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ข้า…ข้ายังไม่ตายหรือ?”
หญิงชรารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
นางเห็นด้วยตาของตนเองว่าประกายดาบขนาดเล็กพวกนั้นแทบไม่ลดลงเลยหลังจากที่จัดการหนอนกู่สีทองไปแล้ว ความจริงเธอควรจะเป็นรายต่อไปที่ต้องตาย
“รอดแล้ว”
“ข้ายังมีชีวิตรอด”
หญิงชราผมขาวดีใจมาก แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงรอด แต่การรอดชีวิตมาได้ย่อมเป็นสิ่งที่ดี
“รีบกลับไปลัทธิศักดิ์สิทธิ์ดีกว่า”
“ต้องไปบอกท่านผู้นำว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
ทันใดนั้นหญิงชราผมขาวก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และหมุนตัวหนีไปในทันที นางต้องรีบกลับไปหนานจ้าวเพื่อสักการะลัทธิบูชาจันทร์ เมืองฉางอันนั้นอันตรายเกินไป ประกายดาบพวกนั้นสามารถขจัดทุกสิ่งได้ในทันที มีเพียงลัทธิบูชาจันทร์เท่านั้นที่จะช่วยให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้บ้าง
…
“วิ่งไปสิ”
“วิ่งให้เร็วกว่านี้อีก”
ด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลซู ดวงตาของซูฉินดูลึกล้ำราวกับเขาสามารถมองเห็นหญิงชราผมขาวที่กำลังหลบหนีอยู่
ลัทธิบูชาจันทร์อันศักดิ์สิทธิ์ถึงกับกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับตระกูลซู ดังนั้นพวกมันจึงต้องเตรียมพร้อมรับการเผชิญหน้ากับความเกรี้ยวกราดของตัวตนระดับอรหันต์
เหตุผลที่ซูฉินไม่สังหารหญิงชราผมขาวก็เพราะต้องการใช้หญิงชราในการ ‘นำทาง‘ เพื่อหาตำแหน่งที่ตั้งของลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าว
อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้จะไม่ได้กว้างใหญ่เท่าอาณาจักรถัง แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนไปจนถึงหนึ่งเดือน ในการค้นหาพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างอาณาจักรหนานจ้าวทั้งหมดด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
เวลาครึ่งเดือนไปจนถึงหนึ่งเดือนหมายความเช่นไร?
ที่ทางเข้าพระราชวังตะวันออก ซูฉินแยกทางกับซูเยว่หยุนเพราะต้องการเดินไปรอบๆ เสียหน่อย
“มนต์คาถานั้นมีความนัยบางอย่างอยู่”
ซูฉินเดินช้าๆ อยู่ภายในวัง ความคิดของเขาผันผวนไปมา
ด้วยจี้หยกเพียงชิ้นเดียว ซูฉินก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาว่า ‘มนต์คาถา‘ คือสิ่งใด
เมื่อเทียบกับการฝึกวิทยายุทธทั้งกำลังภายนอกและกำลังภายในแล้วนั้น ‘มนต์คาถา‘ มีแนวโน้มที่จะใช้สิ่งภายนอกเข้าช่วยมากกว่า
รากฐานของผู้ฝึกมนต์คาถาทุกคน ไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่หนอนกู่ภายในร่าง
เมื่อหนอนกู่หายไป ผู้ฝึกมนต์คาถาจะลดระดับลงไปราวกับเป็นคนธรรมดา หรือแม้แต่ด้อยกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ
“น่าเสียดายที่มันต้องใช้พลังฉีและเลือดเนื้อ มันถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าตัวมันไม่สามารถเทียบชั้นกับพลังอื่นๆ”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย และไม่คิดที่จะคิดเรื่องราวนี้อีกต่อไป
สำหรับคนธรรมดา มนต์คาถาอาจจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้อย่างการสังหารผู้คนโดยที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่ในสายตาของจอมยุทธที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและพลังชีวิต มนต์คาถานั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าของเด็กเล่น ขนาดผู้ฝึกยุทธเช่นซูเฉิงฮ่าว พระแม่อย่างเช่นหญิงคลุมหน้าผู้นั้นยังได้ใช้แก่นพลังชีวิตและเลือดเนื้อของตนเกินกว่าหนึ่งในสิบส่วนในการจัดการ แสดงให้เห็นว่าจอมยุทธนั้นได้เปรียบมนต์คาถาอย่างชัดเจน
ซูฉินเดินไปถึงพระราชวังแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
“ซุ้มดนตรี?”
ซูฉินเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองไป
ซุ้มดนตรีเป็นสถานที่ที่นักดนตรีและผู้เชี่ยวชาญเครื่องเล่นดนตรีต่างๆ ภายในวังหลวงมาพำนักอาศัย พวกเขาเหล่านี้ล้วนเล่นดนตรีให้กับเชื้อพระวงศ์กันทั้งนั้น
“ลองลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ดีกว่า”
ทันใดนั้นซูฉินก็คิดขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ใด ย่อมต้องมีดนตรีอยู่ในหัวใจเป็นแน่แท้ มรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางดนตรีก็ยาวนานมาก
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวขึ้นมาในใจ
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘บทเพลงชีวิตหลังความตาย‘ ]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]