ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์
เสียงทั้งหมดค่อยๆ จางหายไป
หลังจากที่ซูฉินบรรเลงเพลง ‘ชีวิตหลังความตาย‘ จบ เขาก็พร้อมที่จะกลับไป
ตอนที่เขามาที่นี่เขาก็ต้องการจะมาส่งเสด็จองค์จักรพรรดิถังเป็นครั้งสุดท้ายโดยวิธีการกวาดล้างสังหารเหล่าจอมยุทธที่อยู่นอกพระราชวังนั่น
เมื่อทำตามเป้าหมายเรียบร้อย เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ
“เจ้าเจ้าเจ้า?!”
จ้าวกงกงเบิกตากว้างและมองไปที่ซูฉินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
แม้ตัวเขาจะเป็นเหมือนตะเกียงที่แทบจะไม่เหลือน้ำมันแล้ว พลังทางกายแทบจะไม่หมดสิ้น แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขายังพอจับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเสียงของกู่ฉินอันนี้ได้ดับลมหายใจของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดไปถึงสองคน และยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกแปดคนที่อยู่ด้านนอกไปอย่างรวดเร็ว
“คาดไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทจะได้แต่งงานกับน้องสาวของตำนานยุทธ…”
ในตอนนี้แม้จ้าวกงกงจะไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของซูฉินเท่าไรนัก น้ำเสียงเขาฟังดูซับซ้อน แต่ก็มีบางส่วนที่เผยความโล่งใจออกมา
“ตำนานยุทธ?”
ซูฉินหยุดและมองไปที่จ้าวกงกง
“ฝ่าบาท ท่านจากไปได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ…”
จ้าวกงกงหันศีรษะกลับไป พึมพำอยู่กับตนเองเสียงแหบต่ำ ลมหายใจของเขาอ่อนลง อ่อนลง และสุดท้ายก็หมดลมหายใจไปอย่างสมบูรณ์
“สิ้นใจทั้งๆ ที่ยังนั่งอยู่รึ?”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพื่อที่จะทำให้องค์จักรพรรดิมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาคงจะหมดสิ้นพลังชีวิตไปมาก หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิ เท่ากับว่าเขาไม่มีพลังพอที่จะจุนเจืออีกต่อไป เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะขยับเขยื้อนไปไหน ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมปล่อยให้ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเข้ามาภายในวังหลวงโดยไม่สนใจได้เยี่ยงไร
จะตายในท่านั่งแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร
“ช่างมีจิตใจจงรักภักดียิ่งนัก….”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อจ้าวกงกง
เหล่าจอมยุทธในโลกนี้ค่อนข้างเป็นคนที่หัวรั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ปกติแล้วพวกเขาจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออะไรสักอย่างได้ง่ายๆ พวกเขามักจะทำตามใจตนไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์นับร้อยปี
แต่จ้าวกงกงนั้นแตกต่าง
สำหรับจ้าวกงกง ชีวิตของจักรพรรดิถังมีความสำคัญมากยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
เห็นได้ชัดว่านี่ค่อนข้างเป็น ‘สิ่งที่ไม่เหมือนใคร‘ ในบรรดาเหล่ายอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
…
…
หนานหมิง
ภายในพระราชวัง
จักรพรรดิหมิงนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ดวงตาของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
ในตอนนั้นเองผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเดินเข้ามาด้วยความเคารพ โค้งคำนับ และกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท”
“โอ้?”
จักรพรรดิหมิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งเอ่ยถามอย่างสบายใจ “จักรพรรดิถังนั้นกำลังจะตาย ท่านลุงของข้าก็น่าจะไปถึงพระราชวังถังแล้วกระมัง?”
“รายงานฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ”
“ข่าวล่าสุดที่ข้าได้รับมาจากราชาหวู่หยางคืออินจิ่วฝูจะร่วมลงมือในการบุกพระราชวังถังเช่นกัน”
ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตอบในทันที
“เยี่ยมมาก”
ด้วยท่านลุงและอินจิ่วฝู แม้ว่าจ้าวกงกงจะอยู่ที่นั่น มันก็ไม่มีประโยชน์อันใด…”
น้ำเสียงของจักรพรรดิหมิงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ฝ่าบาท…”
ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรดูลังเล แต่ก็อดไม่ได้ที่เอ่ยถาม “ฝ่าบาทได้ร้องขอชุดเกราะจำนวนแปดแสนชุดจากองค์ชายเฉิน จำนวนนี้น้อยเกินไปหรือไม่?”
ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีสีหน้างุนงง
แม้ว่าชุดเกราะรบจำนวนแปดแสนชุดจะทำให้อาณาจักรถังต้องตัดเนื้อเฉือนหนังของตนเองออกมา แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้มา องค์ชายเฉินมีแต่จะต้องยอมโดยไม่มีทางเลือกใด
ไม่ต้องพูดถึงชุดเกราะรบแปดแสนชุด แม้จะเป็นจำนวนล้านชุด องค์ชายเฉินก็มอบให้ได้
“ชุดเกราะรบแปดแสนชุด?”
จักรพรรดิหมิงยิ้มออกมา สีหน้าเจือไปด้วยความรังเกียจ “ชุดเกราะแปดแสนชุดมันก็แค่ทำให้พวกนั้นตายใจ”
“เป้าหมายของข้าไม่ใช่แค่ชุดเกราะรบแปดแสนชุด แต่เป็นอาณาจักรถังทั้งหมดต่างหาก”
เมื่อจักรพรรดิหมิงกล่าวเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันทีแล้วกล่าวเน้นทีละคำ “เจ้าคิดว่าข้าให้ท่านลุงไปที่พระราชวังถังเพียงเพื่อช่วยให้บุตรชายของจักรพรรดิถังได้ขึ้นครองราชย์เท่านั้นหรือ?”
“ฝ่าบาทหมายความเยี่ยงไรกัน?”
ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตกใจ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]