Sign in Buddha’s palm 125 แฝดหญิงชาย
“อย่างน้อยก็ก้าวหน้าขึ้น แม้จะเป็นการพัฒนาเพียงเล็กน้อยก็ตามที่”
“หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับนภาชั้นที่สี่….”
ซูฉินเดินออกจากตําหนักขุนฝั่งขวาอย่างช้าๆ ความคิดของเขาประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลงครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความยากลําบากในการฝึกฝนบ่มเพาะ แม้แต่การใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น การบ่มเพาะก็ยังเป็นไปด้วยความเชื่องช้าไม่ต้องพูดถึงอรหันต์หรือตํานานยุทธคนอื่นๆเลย
หากไม่มีโอกาสที่ดี เกรงว่าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาคงจะต้องชะงักอยู่ที่ระดับนภาชั้นที่หนึ่งนภาชั้นที่สอง และอย่างมากที่สุดก็เป็นได้แค่ระดับนภาชั้นที่สาม
“แม้จะยังห่างไกลจากนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ แต่จากความเร็วในการบ่มเพาะในปัจจุบันของข้า อย่างมากที่สุดก็คงจะอีกสิบปีจึงจะไปถึงได้”
ซูฉันคิดในใจ
การบรรลุถึงระดับนภาชั้นที่สี่ขั้นสมบูรณ์ในระยะเวลาสิบปีคือกรณีที่ซูฉินไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับสมบัติที่สูงล้ํากว่าโลหิตรู้แจ้งหรือหยดนจิตวิญญาณธรรมชาติภายในช่วงเวลาสิบปีนี้
หากสามารถลงชื่อได้รับโอสถที่มีระดับสูงกว่านี้ ระยะเวลาสิบปีที่ว่าคงจะหดสั้นลงกว่านั้นมาก
“น่าเสียดายนัก ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้งล้วนเป็นสมบัติระดับอรหันต์ คนที่อยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถเอาไปใช้ได้เลย…”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย
แม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่หากเร่งร้อนเกินไปที่จะใช้หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหรือโลหิตรู้แจ้ง ชะตาที่คอยอยู่มีเพียงจะต้องตายเพราะร่างระเบิดเท่านั้น
เนื่องจากพลังงานภายในหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติและโลหิตรู้แจ้งนั้นมีมากเกินไปจน เกินขีดจํากัดที่เหล่าจอมยุทธในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นจะทานทนได้
เวลาผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า
ซูฉินกลับสู่ช่วงชีวิตอันปกติอีกครั้งหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ ฝึกฝนทุกวี่วัน และสนทนากับองค์จักรพรรดิหลี่เชิงเป็นครั้งคราว
สําหรับครอบครัวตระกูลซู ไม่ว่าจะเป็นซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว หรือซูเฉิงยู่ ซูฉินก็แอบใช้แก่นแท้แห่งพลังของระดับอรหันต์คอยเสริมแกร่งกายเนื้อให้ทุกคน
ในยุทธภพ ทรัพยากรมิใช่ปัจจัยเดียวที่จําเป็นในการบ่มเพาะ นอกเหนือจากนั้นเรื่องของจิตใจเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งหลายสิบคนในวังหลวง ที่ประสบความสําเร็จเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพียงเพราะทรัพยากรภายในพระราชวังถังเท่านั้น แต่เป็นเพราะความสามารถในการเข้าใจและจิตใจของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมด้วย จึงสามารถพาตนเองมาถึงระดับชั้นที่หนึ่งกันได้
ในบรรดาบุคคลในตระกูลซู พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูชื่อหมินเริ่มลดลงไปแล้ว รวมถึงเริ่มสูญเสียจิตใจแห่งความมุ่งมั่นไปแล้ว แม้ว่าซูฉินจะจัดหาทรัพยากรในการบ่มเพาะให้มากขึ้นอีก แต่ก็คงจะยากที่จะเข้าสู่ขอบเขตสามระดับบนได้
สําหรับซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่ พวกเขาต่างก็ไม่มีจิตใจแห่งความมุ่งมั่นในการบ่มเพาะ เพราะฉะนั้นความสําเร็จในด้านการฝึกฝนย่อมมีจํากัดไม่ต่างกันแม้ว่าจะได้รับทรัพยากรสําหรับการบ่มเพาะเพิ่มก็ตาม
เมื่อตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น ซูฉินไม่คิดว่าตระกูลซูจะมีความหวังที่จะสามารถไปต่อใน เส้นทางการฝึกยุทธจึงใช้แก่นแท้แห่งพลังของตนไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้
เมื่อเปรียบเทียบกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้สองร้อยปี ด้วยการเสริมแกร่งกายเนื้อให้กับครอบครัวตระกูลซู พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยปี ซึ่งความแตกต่างนั้นไม่ได้ต่างกันมากเลย
ในวันนั้นเอง
ตอนที่ซูฉินฝึกฝนเสร็จสิ้น จักรพรรดิถังหลี่เชิงและซูเยว่หยุนก็เดินมาถึงด้านนอกของตําหนัก ชุนฝั่งขวาด้วยความยินดี
“หือ?”
ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุน รอยยิ้มก็ปรากฎบนหน้าของเขา
“พี่สาม หยุนเหนียงมี” จักรพรรดิถังหลี่เชิงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น แทบจะกระโดด โลดเต้นอยู่แล้ว
“ข้ารู้แล้วล่ะ”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย
ครั้งแรกที่เขาเห็นซูเยว่หยุน เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอีกแห่งหนึ่งภายในร่างกายของฝ่ายตรงข้าม
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาม ข้ากลัวว่าทั้งหยุนเหนียงและข้าคง” องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงมองไปที่ซูฉินด้วยความขอบคุณ
ตั้งแต่แรกที่ซูเยว่หยุนเข้าวังมา ก็พบว่ามีพลังธาตุหยินอยู่ภายในร่างกายของนาง เป็นการยากที่จะให้กําเนิดบุตรแห่งมังกร
หากไม่ใช่เพราะใบสั่งยาที่ซูฉินเขียนมาให้เพื่อกําจัดธาตุหยินภายในร่าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิราชวงศ์ถังอย่างหลี่เชิงคงทําได้เพียงรับบุตรบุญธรรมมาจากราชนิกุลคนอื่นเท่านั้น
แม้ทายาทบุญธรรมจะเป็นสายเลือดตระกูลหลี่ แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดของตัวเขาเองโดยตรง
มันมีความแตกต่างกันอย่างมากอยู่
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จักรพรรดิถังหลี่เชิงก็พาซูเยว่หยุนกลับไปเพื่อเตรียมให้หมอหลวงต้มยาสําหรับบํารุงร่างกาย
ซูฉินทําเพียงแค่ยิ้มออกมา
แม้ว่าตอนนี้ซูเยว่หยุนจะอยู่ในวัยอายุสามสิบ แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสตรีอื่นที่อายุน้อยกว่า
แต่สุดท้ายแล้ว อย่างไรซูเยว่หยุนก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธมีพลังและเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ซูฉินเองก็ช่วยล้างไขกระดูกให้อย่างลับๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
สิบเดือนก็ผ่านเลยไปในพริบตา
ในวันนี้มีนางกํานัลและขันที่เข้าออกพระราชวังคุนหนิงไม่ขาดสาย
องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
“ฝ่าบาท”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]