เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 130

สรุปบท ตอนที่ 130 ลัทธิบูชาจันทร์: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปตอน ตอนที่ 130 ลัทธิบูชาจันทร์ – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 130 ลัทธิบูชาจันทร์ ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddhas palm]

Sign in Buddha’s palm 130 ลัทธิบูชาจันทร์

อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของต้าถัง ห่างจากเมืองฉางอันเป็นหมื่นลี้

สําหรับคนทั่วไปอาจจะใช้เวลาเป็นปีหรือหลายสิบปีเพื่อที่จะเดินทางข้ามผ่านระยะทางที่ไกลเช่นนี้ และในชั่วชีวิตหนึ่งอาจจะทําไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

แต่สําหรับซูฉินมันเป็นเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

นี่เป็นกรณีที่ซูฉินไม่รีบร้อนเดินทาง ไม่เช่นนั้นหากเขาใช้ความเร็วอย่างเต็มที่ที่สุดของพลังในขอบเขตอรหันต์อาจจะทําเวลาได้ราวๆ หนึ่งชั่วโมง

แม้ว่าอาณาจักรหนานจ้าวจะด้อยกว่าอาณาจักรถังในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ในดินแดนแห่งนี้นั้นป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรมเต็มไปด้วยประเพณีพื้นบ้านอันเก่าแก่

ในอาณาจักรหนานจ้าว ลัทธิบูชาจันทร์ถือเป็นที่สุด แม้แต่ผู้ปกครองอาณาจักรยังเป็นสาวกของลัทธิบูชาจันทร์ ถวายสิ่งของเพื่อบูชาเทพจันทราเป็นประจํา

ในเวลาเดียวกัน

ด้านนอกทิวเขานับแสนแห่งอาณาจักรหนานจ้าว

ซูฉินยืนอยู่ตรงจุดนั้นอย่างเงียบๆ มองเข้าไปในส่วนลึกของทิวเขานับแสนลูก

“อยู่ตรงนั้นงั้นรึ?”

ซูฉินใช้พลังจิตสอดส่องอยู่ภายในใจ

ตามตําแหน่งที่เขาได้ประทับเอาไว้ด้วยประกายดาบ มันหยุดลงที่ส่วนลึกของทิวเขาทั้งแสนลูกนี้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นซูฉินก็ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าแล้วหายวับไป

เมื่อเขาเข้ามาถึงส่วนลึกของทิวเขาทั้งแสนลูก ซูฉินก็ชะลอความเร็วลงก่อนถึงตําแหน่งที่ตราประทับหายไปประมาณยี่สิบลี้ เขาค่อยๆ ก้าวเดินไปทีละก้าว

เหตุผลที่ซูฉินทําเช่นนี้เพื่อค้นหาดูว่ามีสถานที่ใดที่พอจะลงชื่อเข้าใช้ได้หรือไม่ และอีกเหตุผลคือตรวจสอบทิวเขาทั้งแสนลูกด้วยดวงตาแห่งสัจจะ

แม้ซูฉินจะไม่คิดว่าจะมีอะไรคุกคามตนได้ในลัทธิบูชาจันทร์แห่งนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะระมัดระวังตัวเอาไว้

ในตอนที่ซูฉินกําลังเดินไปตามเส้นทางบนภูเขาอย่างไม่เร่งรีบนั้น

ห่างออกไปไม่ไกลปรากฏร่างคนห้าถึงหกคนอยู่บนภูเขาอีกฟาก

ห้าหกคนตรงนั้น ยกเว้นชายวัยกลางคนที่อายุมากกว่าคนอื่น ที่เหลือก็เป็นเด็กสาววัยรุ่นทั้งหมด

ซึ่งเด็กสาวเหล่านั้นก็มองรอบๆ ตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น

ซูฉินไม่ได้ตกใจอะไรเมื่อเจอกลุ่มคนเหล่านี้ เขาสังเกตเห็นคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่เหมือนกัน เมื่อชายวัยกลางคนหันมาเห็นซูฉิน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ท่านจะไปนมัสการที่ลัทธิบูชาจันทร์เช่นเดียวกันใช่หรือไม่?”

ชายวัยกลางคนลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมาอย่างระมัดระวัง

“ใช่แล้ว” ซูฉินตอบกลับไปอย่างลวกๆ ในขณะที่เดินไปด้วย

นอกจากชายวัยกลางคนที่มีกําลังภายในอยู่นิดหน่อยซึ่งแทบจะนับไม่ได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว เด็กสาวที่เหลือต่างก็เป็นเพียงคนธรรมดา

“ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย”

“พวกเราก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน”

ชายวัยกลางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง “ข้าเป็นจอมยุทธจากเมืองชิงหยางที่อยู่ใกล้ๆ นี้เอง คนเหล่านี้คือสาวกที่เมืองของเราจะส่งไปยังลัทธิบูชาจันทร์ในปีนี้”

ชายวัยกลางคนพูดออกมาทุกอย่าง

ชายวัยกลางคนคนนี้ชื่อว่าหงเฟย เขามาจากเมืองชิงหยางที่อยู่ด้านนอกทิวเขาแสนลูกแห่งนี้ เหตุผลที่เขามาที่นี่ในครั้งนี้คือมาส่งสาวกไปที่ลัทธิบูชาจันทร์

ลัทธิบูชาจันทร์เป็นเหมือนกับลัทธิประจําชาติของอาณาจักรหนานจ้าว มีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าลัทธิอื่นๆ ในอาณาจักร ดังนั้นในทุกๆ ปี ผู้คนมากมายในอาณาจักรหนานจ้าวจะส่งลูกหลานของตนไปยังลัทธิบูชาจันทร์

หากได้รับเลือกจากทางลัทธิบูชาจันทร์แล้ว สถานะภายในลัทธิจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

และชายวัยกลางคนเองก็มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันนี้ เขานําเด็กสาววัยรุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากทั้งเมืองของตนมาส่งให้ลัทธิบูชาจันทร์ ตราบใดที่ใครสักคนหนึ่งถูกคัดเลือกเข้าไป จะส่งผลกระทบต่อเมืองชิงหยางอย่างเป็นประวัติการณ์

“ท่านคงจะเป็นจอมยุทธที่ต้องการไปเยี่ยมเยือนลัทธิบูชาจันทร์ใช่หรือไม่?”

“ข้าก็จะจําไว้ให้มั่น”

เด็กวัยรุ่นทั้งหลายต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้านะโชคดี”

จู่ๆ หงเฟยก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เมื่อเร็วๆ นี้ทางลัทธิบูชาจันทร์ต้องการจะถวายเครื่องบูชาแด่ “เทพจันทรา” ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อนปรนข้อกําหนดในการคัดเลือกศิษย์สาวก ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่จะได้เป็นศิษย์สาวกหรือไม่เลย จะได้ข้ามผ่านประตูเข้าไปด้านในได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้…”

ชายวัยกลางคนอย่างหงเฟยกล่าวออกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

“ถวายเครื่องบูชาแด่เทพจันทรา?? ”

ซูฉินเดินไปด้านหน้าอย่างไม่เร่งรีบ กระตุกคิดบางอย่างขึ้นในใจ

ก่อนที่เขาจะมาที่นี่เขาเคยอ่านมาจากคัมภีร์โบราณที่ว่าเอาไว้ว่าลัทธิบูชาจันทร์จะถวายเครื่องบูชาแด่ “เทพจันทรา” ในทุกๆ สิบปี

“เป็นวันที่ต้องเคร่งครัดที่สุดในบรรดาพิธีของลัทธิบูชาจันทร์ เหล่าสาวกทุกคนจะกลับมาที่สถานศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้”

“ก็ดีที่มารวมกันในครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรอย่างเช่นการแก้แค้นในอนาคต”

ซูฉินคิดอยู่ในใจตนอย่างเงียบๆ

สองชั่วโมงหลังจากการเดินทางบนถนนอันยาวนาน ในที่สุด ซูฉินก็มาอยู่ที่หน้าลัทธิบูชาจันทร์

ในเวลานี้ซูฉินได้มายืนอยู่บนยอดเขา และข้างหน้าของเขามีสะพานโซ่ที่เชื่อมยอดเขาลูกนี้กับยอดเขาอีกลูกหนึ่ง

ส่วนลัทธิบูชาจันทร์นั้นอยู่อีกฟากฝั่งของปลายสะพานโซ่ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี้ออกไปประมาณสิบลี้

“ถึงแล้ว”

“นี่คือสถานศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาจันทร์”

หงเฟย ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ และชี้ไปที่อีกด้านของสะพานโซ่

“มันสวยมาก…” เด็กสาวเบิกตากว้างและพึมพําอยู่กับตนเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]