เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 134

สรุปบท ตอนที่ 134 ลงชื่อเข้าใช้! เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา!: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอน ตอนที่ 134 ลงชื่อเข้าใช้! เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา! จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 134 ลงชื่อเข้าใช้! เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Sign in Buddha’s palm 134 ลงชื่อเข้าใช้! เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา!

“นี่คือ?!”

ร่างมายาสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางมองดูองค์ยูไลทองคําที่อยู่ในส่วนลึกของกึ่งกลางระหว่างคิ้ว ตัวตนนี้ช่างสูงใหญ่คับฟ้า

รัศมีแสงแห่งพุทธานุภาพขจรขจายไปทั่ว

แกร็ก

แกร็ก

ร่างมายาในชุดกระโปรงยาวรู้สึกว่าตอนนี้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางกําลังจะพังทลายลงสําหรับนางแล้ว เพียงแค่เหลือบมองไปยังองค์ยูไลทองคําก็ไม่สามารถทานทนได้

“เป็นไปไม่ได้?!”

ร่างมายารู้สึกเหมือนหัวใจจมดิ่งไปที่ก้นเหว

นางเคยไปยังต่างดินแดนและเห็นตัวตนในขอบเขตนภา ชั้นที่ห้าจากที่ไกลๆ มาก่อน จอมยุทธที่อยู่ในระดับนภาชั้นที่ห้านั้นช่างสูงส่งกว่านางราวฟ้ากับดิน

แต่เมื่อร่างมายาในชุดชาววังเปรียบเทียบตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้ากับองค์ยูไลทองคําที่อยู่เบื้องหน้า ก็พบว่าทั้งสองตัวตนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย

สําหรับตัวตนอย่างองค์ยูไลสีทองที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าเช่นนี้ นับประสาอะไรกับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่ห้า แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็คงเปรียบได้กับมด

“ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้ข้าต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ ”

ทันทีที่ร่างมายาเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้น ด้วยรัศมีแสงที่เปล่งออกมาขององค์ยูไลทองคํา ร่างมายาจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ สลายหายไปภายนอก

ซูฉินแตะที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วตน สีหน้าของเขาดูประหลาดใจ

เขาไม่ได้คาดคิดว่าร่างมายาในชุดชาววังผู้นั้นจะกล้าหาญ ถึงขนาดทะลวงไปยังกึ่งกลางหว่างคิ้วแบบนั้น ร่างมายาจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้เผชิญหน้ากับองค์ยูไลทองคําซึ่งเป็นตัวแทนของวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างฝ่ามือยูไล

ต้องรู้ว่าแม้แต่ซูฉินเองก็ยังรู้สึกกดดันเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าองค์ยูไลทองคํา แต่เนื่องจากองค์ยูไลทองคําได้ยอมรับให้ซูฉินเป็นผู้ถือครอง ฉะนั้นจึงไม่เป็นอันตรายใดกับซูฉิน

ส่วนร่างมายาในชุดกระโปรงยาวนั้น

หากร่างมายาหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป ซูฉินอาจจะใช้เวลา ครูใหญ่ในการจัดการกับมัน แต่อีกฝ่ายกลับเจาะเข้ามาระหว่างคิ้วของเขา

เรียกได้ว่าทําตัวราวกับไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ…

“ครั้งนี้ที่ข้าได้ออกมาข้างนอก ก็พอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนอื่นๆ มาบ้าง…”

จิตของซูฉินผสานเข้าไปช่องว่างระหว่างคิ้วของตน และมองไปที่องค์ยูไลทองคําที่ดูราวกับเป็นอมตะและคงอยู่ไปได้ชั่วนิรันดร์ แล้วจึงครุ่นคิดอยู่ในใจตนเองอย่างเงียบๆ

หลังจากที่ได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีผู้ที่แข็งแกร่งถึงระดับเซียนเทพปฐพี ซูฉินก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

สําหรับตํานานยุทธในต่างแดน การเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีนั้นช่างเป็นทางเดินที่ไกลแสนไกล แต่ในสายตาของซูฉินก็แค่ทําไปทีละขั้นตอน ใช้เวลาอย่างมากแค่สองสามร้อยปีก็คงเกือบจะถึงขั้นนั้นแล้ว

หลายร้อยปีนั้นถือว่าพอรับได้ เมื่อเทียบกับอายุขัยพันปีของซูฉินมันก็ไม่ได้เป็นราคาที่แพงจนเกินไป

“โอ้ จริงสิ”

“ข้ายังไม่ได้ลองลงชื่อเข้าใช้ที่นี่เลย”

ซูฉินพลันนึกขึ้นมาได้

เขาออกจากเมืองฉางอันในครั้งนี้โดยทิ้งโอกาสการลงชื่อเข้าใช้ในวังไปเพราะคิดว่าอาจจะหาสถานที่ลงชื่อตามทางที่ผ่านได้

น่าเสียดายที่ซูฉันไม่เจอสถานที่ที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ เลยระหว่างทางจนมาถึงทิวเขานับแสนลูก เขาก็ยังไม่เจอสถานที่ที่ลงชื่อเข้าใช้ได้เช่นเคย

มีแค่สถานที่ตรงจุดนี้เท่านั้นที่ซูฉันยังไม่ได้ลองลงชื่อเข้าใช้

หากยังไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ตรงจุดนี้ได้อีก ซูฉินจะรีบกลับวังเพื่อไปลงชื่อเข้าใช้ทันที

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

ซูฉินหยุดพักครู่หนึ่งจากส่งเสียงพูดในใจ

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” ]

“หลอมจิตวิญญาณจันทรา?”

ความคิดของซูฉินแล่นไปมา

ในเวลาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” ก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตของซูฉิน

“มันกลับกลายเป็นวิธีการลับในการทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสถียรมากขึ้น”

ซูฉินเปิดเปลือกตาขึ้น ใบหน้าปรากฏแววครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นร่างมายาในชุดชาววัง เขาก็สงสัยอยู่ ว่าทําไมจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายสงบนิ่งอย่างมาก ดู เหมือนมันอาจจะมาจากเคล็ดวิชาลับอันนี้

คิดว่าอยากจะลบทิ้งก็ลบทิ้งได้ง่ายๆ เลยหรืออย่างไร?

หากบอกว่าสุดยอดพรรคในยุทธภพร่วมมือกันส่งกองกําลังเข้าต่อสู้อย่างดุ

เดือดกับลัทธิบูชาจันทร์เป็นเวลาหลายวันหลายคืน จนสุดท้ายก็กําจัดลัทธิบูชาจันทร์ไปได้ สิ่งนี้ยังพอรับได้ขึ้นมาหน่อย

แต่ความจริงกลับกลายเป็นเช่นนี้?

ลัทธิบูชาจันทร์กลับหายไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

“ใครเป็นคนประทับรอยฝ่ามืออันนั้นกัน?”

“ใครเป็นคนประทับรอยฝ่ามือเอาไว้ ข้าคิดว่าอาจจะเป็นเซียนเทพก็เป็นได้”

ผู้คนจํานวนมากในอาณาจักรหนานจ้าวซุบซิบพูดคุยกันไปทั่วหัวระแหง น้ำเสียงของพวกเขามีความกริ่งเกรงอยู่หลายส่วน

สําหรับพวกเขา การที่สามารถทําลายทั้งลัทธิบูชาจันทร์ได้ในฝ่ามือเดียว แม้ว่าจะไม่ใช่เซียนเทพ แต่ก็ไม่ได้ต่างไปจากเซียนเทพเลย

เมืองหลวง อาณาจักรหนานจ้าว

ผู้ปกครองอาณาจักรหนานจ้าวดูกังวลอย่างยิ่ง เดี๋ยวก็เดินไปเดี๋ยวก็เดินมา

“ทําเช่นไรดี ทําเช่นไรดี”

“ผู้น้าหายตัวไป เหล่าผู้อาวุโสก็หายตัวไป ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาจันทร์ก็หายไปหมดสิ้น…”

ผู้ปกครองอาณาจักรหนานจ้าวบ่นพึมพํากับตนเอง แสดงออกถึงความกลัว

ทันใดนั้นหนึ่งในขุนนางก็ลุกขึ้น “ท่านผู้ปกครอง บางที่การหายไปของลัทธิบูชาจันทร์อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสําหรับท่านและอาณาจักรหนานจ้าว…”

คําที่กล่าวออกมา

ท่าทีของเหล่าขุนนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

หากลัทธิบูชาจันทร์ยังคงอยู่ คงไม่มีขุนนางข้าราชบริพารคนใดหาญกล้ามีความคิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้ลัทธิบูชาจันทร์ได้หายไปแล้ว ตั้งแต่ผู้นไปจนถึงศิษย์สาวกของลัทธิบูชาจันทร์ไม่มีใครรอดชีวิต ย่อมมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา

เป็นเวลานับแสนปีแล้วที่สถานะของลัทธิบูชาจันทร์นั้นสูงส่งเกินไป ตัวตนสูงส่งเช่นนี้สามารถยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามกับการปกครองได้อย่างง่ายดาย

และตอนนี้ลัทธิบูชาจันทร์ได้หายไป โซ่ตรวนที่เหนี่ยวรั้งอาณาจักรหนานจ้าวเอาไว้ก็หายไปพร้อมกับมัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]