Sign in Buddha’s palm 136 สง่างาม!
ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา
ซูฉินรวบรวมไอพลังของเขาเข้าหากัน
“เมื่อเทียบดูจากการคาดคะเนก่อนหน้าของข้า นี่บรรลุถึงนภาชั้นที่สี่เร็วกว่ากําหนดอย่างน้อยก็หนึ่งถึงสองปีที่เดียว”
ซูฉินแตะปลายคาง ดวงตาส่อแววครุ่นคิด
ด้วยสายตาอันกว้างไกลของซูฉินในปัจจุบัน แม้จะประมาณการณ์ผิดไป แต่ความแตกต่างอย่างมากสุดก็ไม่กี่เดือน แต่ตอนนี้มันกลับเร็วกว่ากําหนดถึงปีสองปีเต็ม
“คงจะเป็นเพราะ ‘เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา’ ที่ทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าเสถียรมั่งคง ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนไปได้มากโข”
ซูฉินคาดเดาอยู่ในใจ
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มั่นคง ดีอย่างยิ่ง สําหรับการบ่มเพาะเมื่อยามที่ฝึกฝน “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะช่วยปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพได้มากขนาดนี้
“การเดินทางไปยังอาณาจักรหนานจ้าวช่างคุ้มค่า”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
การไปเยี่ยมเยือนหนานจ้าวครั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะได้ลงชื่อเข้าใช้และรับเคล็ดวิชาอันแสนวิเศษนี้มา แต่เขายังได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าจอมยุทธในดินแดนอันไกลโพ้นอีกด้วย
“ในเมื่อบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบของนภาชั้นที่สี่แล้ว ข้าก็ควรเตรียมตัวทะลวงขั้นเข้าสู่นภาชั้นที่ห้า”
ซูฉินค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกจากตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วเดินช้าๆ ไปตามทางเดินอันร่มรื่น
พระราชวังตะวันออกยังคงร้างผู้คนเช่นเคย แต่ซูฉินคุ้นเคยกับมันมาตั้งนานแล้ว และก็ชื่นชอบมันไม่น้อย
สําหรับซูฉิน อํานาจ รูปโฉม และความมั่งคั่งทางโลกนั้นล้วนราวกับเป็นเพียงเมฆหมอกควันไฟ มีเพียงความแข็งแกร่งของตนเท่านั้นที่ยึดถือเป็นรากฐาน
สิ่งนี้เป็นความจริงแท้ ไม่ว่าจะอยู่ที่วัดเส้าหลินหรือพระราชวังถัง
มิฉะนั้นด้วยความสามารถของซูฉิน หากเขาต้องการจะนั่งบนบัลลังก์มังกร มันก็ทําได้ดั่งใจนึก จะมีใครในอาณาจักรถังมาหยุดเขาได้?
แต่เขาไม่มีความต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิ
ตลอดห้าร้อยปีของราชวงศ์ถัง นอกจากปฐมจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ถัง จักรพรรดิเกือบทุกคนแทบจะไม่ประสบความสําเร็จในการฝึกฝนวิทยายุทธเลย
แม้แต่ตัวปฐมจักรพรรดิก็ไม่สามารถก่อตั้งอาณาจักรถังได้ หากเขาไม่ก้าวขึ้นมาถึงขอบเขตตํานานยุทธ
ไม่เพียงแต่อาณาจักรถังเท่านั้น แต่จักรพรรดิในทุกอาณาจักรต่างก็มีเรื่องราวคล้ายคลึงกัน
ทําไมจึงเป็นเช่นนั้น?
พลังงานของมนุษย์นั้นมีจํากัด เพื่อให้บรรลุถึงความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ในด้านการฝึกยุทธจําเป็นต้องทุ่มเทพลังงานทั้งหมดทั้งมวลไปกับมัน แต่คนเช่นจักรพรรดิไม่สามารถกระทําได้
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนั้นจึงขัดกับสิ่งที่ซูฉินต้องการ
ซูฉินเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่เร่งรีบไปตามทางเดินภายในพระราชวังตะวันออก ปล่อยความคิดของตนให้ล่องลอย
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการฝึกตนแล้ว ซูฉินยังเก็บรวบรวมสมบัติมาได้จํานวนนับไม่ถ้วน
แม้ว่าสถานที่ส่วนใหญ่ในพระราชวังถึงจะสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่ก็ยังมีสถานที่อีกเป็นโหลที่ซูฉิน สามารถกอบโกย” ซ้ำๆ ได้
ตัวอย่างเช่น แท่นบูชาเทพธรณีฯ เขาได้รับผลไม้สีแดงมา
ที่ด้านหน้าของตําหนักไฟจี้ก็ลงชื่อได้รับ “วิชาปราณฉีฟ้ากําหนด
ด้านหน้าจัตุรัสหยกขาวได้รับ สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร
….
….
ในหมู่ของที่ได้มาทั้งหมด ผลไม้สีแดงมีประโยชน์กับซูฉินมากที่สุด มันมีผลมากกว่าโลหิตรู้แจ้งหลายสิบเท่า แม้แต่เป็นตัวซูฉินเองที่กินผลไม้สีแดงเข้าไปก็ต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการย่อยมันจนหมด
รู้หรือไม่ว่าร่างกายของซูฉินที่ได้รับการแปรสภาพมาแล้วถึงสี่ครั้งรวมถึงเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สี่ แม้แต่โอสถหมุนวนเก้าโคจรหรือ โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคํา ตอนนี้เขาก็สามารถดูดซึมมันได้โดยใช้เวลาเพียงครู่เดียว
แต่ผลไม้สีแดงนี่กลับใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ คงจะพอนึกภาพปริมาณพลังที่สะสมไว้ภายในของมันได้
“น่าเสียดาย ในสามปีมานี้ข้าลงชื่อได้รับผลไม้สีแดงนี้มา แค่ไม่กี่ร้อยผล…”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย เขาค่อนข้างเสียใจอยู่ เดิมทีหลังจากลงชื่อได้รับโลหิตรู้แจ้งและหยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาตินับพันหยด เขาก็วางแผนว่าหลังจากนั้นจะลงชื่อเข้าใช้ที่อื่นต่อ แต่หลังจากที่ครั้งหนึ่งลงชื่อได้รับผลไม้สีแดงมา ซูฉินก็กลับมาให้ความสนใจแท่นบูชาเทพธรณีฯ ใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดที่ทําให้ซูฉินมีความสุขมาก
วิชาปราณฉีฟ้ากําหนดสามารถสังเกตเห็นถึงพลังได้ คล้ายคลึงกับดวงตาแห่งสัจจะของซูฉิน ความแตกต่างก็คือวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดเป็นวิชาในการตรวจจับพลังฉี ไม่ใช่ที่อพยอํานาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]