อ่านสรุป ตอนที่ 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
Sign in Buddha’s palm 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี
“บรรพจารย์…”
หัวใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกลายเป็นยุ่งเหยิงไปหมด เดิมทีเมื่อยามที่สัญลักษณ์ส่องแสงจนทําให้ร่างมายาของบรรพจารย์ระดับตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตออกมา มันทําให้ตัวเขามีความหวังขึ้นมาในใจ
แม้ว่าซูฉินจะเป็นตํานานยุทธ แต่บรรพจารย์ของสํานักสังหารโลหิตก็เป็นตํานานยุทธเช่นกัน
แม้ว่าที่โผล่ออกมาจะเป็นร่างมายามิใช่บุคคลจริง แต่ตํานานยุทธก็ยังเป็นตํานานยุทธ แม้จะไม่ใช่คู่ปรับของซูฉิน แต่อย่างน้อยก็ควรจะหยุดยั้งไว้ได้สักครู่หนึ่ง
เมื่อครู่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงอย่างน้อยก็พอมีหวังที่จะหลบหนี
เพียงแต่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่คิดฝันว่าบรรพจารย์ขอบเขตตํานายุทธแห่งสํานักสังหารโลหิตไม่สามารถแม้แต่จะต้านซูฉินได้แม้เพียงครู่เดียว กลับสลายหายไปต่อหน้าต่อตา…
นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน?
“เป็นไปได้ไหมว่าตํานานยุทธที่อยู่ในพระราชวังถังผู้นี้ไม่ใช่ตํานานยุทธหน้าใหม่ แต่เป็นตํานานยุทธระดับลึกล้ําแล้ว?
ชายที่มีรอยแดงบนหน้าผากรู้สึกตกใจจนตัวสั่น ใบหน้าของเขาไม่เหลือความหวังใดอีกต่อไป
แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่ตํานานยุทธ แต่ก็มีบันทึกเกี่ยวกับตํานานยุทธอยู่ภายในสํานักสังหารโลหิต
ขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถนํามาเทียบได้กับขอบเขตตํานานยุทธเลย
ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นนั้น หากมีโอกาสที่ ดีก็อาจจะก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ตัดผ่านระดับชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่สําหรับขอบเขตตํานานยุทธนั้นแทบไม่มีทางลัดเลย
เป็นเหตุผลว่าทําไมตํานานยุทธในยุคสมัยที่ผ่านมาถึงได้ ข้ามน้ําข้ามทะเลไปดินแดนอื่น
หนึ่งก็คือเพื่อไล่ตามกลิ่นอายแห่งอายุวัฒนะที่พุ่งหายลับ ไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน และอีกหนึ่งก็เพื่อทะลวงไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น
ในสายตาตํานานยุทธทั้งหลาย ทวีปนี้เป็นเพียงดินแดน ระดับต่ําขาดแคลนทรัพยากร และไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ
“หืม?”
ซูฉินเหลือบมองสัญลักษณ์สีเลือดจากนั้นก็สะบัดมืออีกครั้ง ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็กลายเป็นฝุ่นละอองหายไปในความว่างเปล่า
“นี่คงเป็นสิ่งที่ตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตทิ้งเอาไว้?”
ซูฉินใช้จิตสั่งการ สัญลักษณ์สีเลือดก็ลอยมาอยู่บนมือของเขา
ในตอนนี้รอยร้าวลามไปทั่วทั้งสัญลักษณ์สีเลือดอันนี้ และ ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในอีกเพียงไม่กี่อึดใจ
“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีอยู่ ดูเหมือนว่าตํานานยุทธผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่…”
ซูฉินแตะปลายคาง แววตาดูครุ่นคิด
เมื่อเจ้าของตกตายลง จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จะค่อยๆ สลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับต้นไม้ที่ไร้ราก
และเนื่องจากยังมีจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในเครื่องหมายสัญลักษณ์สีเลือด หมายความว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตยังไม่ได้ตกตายไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่าซูฉินจะยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจอะไร
เขาได้สร้างค่ายกลฟ้าดินมากมายเอาไว้ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา ซึ่งสามารถแยกกลิ่นอายภายนอกออกจาก โลกภายนอกได้อย่างสมบูรณ์
เกรงว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตที่ออกเดินทางไปต่างดินแดนคงจะไม่รู้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนหายไปด้วยซ้ํา
นอกจากนี้
ในตอนนี้ซูฉินได้สํารวจจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตํานานยุทธ จากสํานักสังหารโลหิตอย่างคร่าวๆ แล้ว และพอจะเดาความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ออก
น่าจะอยู่ที่ราวๆ นภาชั้นที่หนึ่งไม่ก็นภาชั้นที่สอง
ตํานานยุทธที่มีระดับแค่นี้ แม้เขาจะกลับมาแก้แค้นจริงๆ ซูฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย
“ ‘อาภรณ์’ ชิ้นนี้วิเศษมาก…”
ซูฉินเคลื่อนมือขวาออกไป ‘อาภรณ์’ โปร่งใสสีเลือดจางๆ ก็ลอยมาตรงหน้าเขา
เป็น ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ ที่แสนล้ำค่าของสํานักสังหารโลหิต
แม้ ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ นี้จะไม่มีประโยชน์สําหรับซูฉิน อย่างดีที่สุดมันก็ปกปิดได้เพียงจอมยุทธที่เพิ่งเข้า ถึงขอบเขตตํานานยุทธเท่านั้น แต่เท่านี้มันก็น่าเหลือเชื่อเต็มทน
“ดูเหมือนว่าวัสดุที่ใช้สร้างมันขึ้นมาจะพิเศษ?”
ซูฉินมองดู ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ อย่างระมัดระวังทั้งยังแสดงสีหน้าที่ดูครุ่นคิด
“เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า คงจะดีไม่น้อยหากเผื่อเอาไว้มอบกายหลัง”
ทันทีที่ซูฉันคิดได้ ‘อาภรณ์’ โปร่งใสชิ้นนี้ก็ม้วนตัวตกลงมาบนมือของซูฉินอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีใช่ว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง มันยากมากที่จะฝึกฝน มีคนจํานวนมากที่ฝึกฝนมาตลอดชีวิตก็อยู่เพียงขั้นหนึ่ง ขั้นสอง เพียงเท่านั้น ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก
แน่นอนว่าข้อบกพร่องนั้นไม่มีผลต่อซูฉิน
ด้วยการฝังข้อมูลของระบบ ความเข้าใจในวิชามังกรคช สารปัญญาบารมีของซูฉินเทียบเท่าผู้คิดค้นวิชาเรียบร้อยแล้ว ควบคู่ไปกับทรัพยากรที่พรั่งพร้อม อาทิ โลหิตรู้แจ้งผลไม้สีแดง ฯลฯ มันจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนที่ซูฉินจะสามารถฝึกฝนวิชามังกรคชสารปัญญาบารมีจนถึงขั้นที่สิบสามซึ่งเป็นระดับสูงสุด
“ไม่เลว”
ใบหน้าของซูฉินแต้มไปด้วยความสุข
ทุกวันนี้มีเคล็ดวิชาจํานวนไม่มากนักที่จะส่งผลต่อความรู้สึกเขา และพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีก็เป็นหนึ่งในนั้น
“คืนนี้ต้องเตรียมตัวฝึกฝน และจะพยายามฝึกให้ถึงวันสิ บสามภายในสองวัน!”
ภายในโถงชีวิตนิรันดร์
แม่ทัพแห่งวังหลวงคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ข้าและรองแม่ทัพได้ตรวจค้นภายในพระราชวังหลายรอบแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยผู้ที่ลอบสังหารเลย”
“ไม่พบ?”
จักรพรรดิถังขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตัวเขาไม่ได้สงสัยในตัวของแม่ทัพแห่งวังหลวง ถ้าแม่ทัพ และมือสังหารร่วมมือกัน ปานนี้เขาคงจะตายไปนานแล้ว คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
“มีเบาะแสอะไรจากประตูเมืองทั้งสี่ทิศหรือไม่?” จักรพรรดิถังไต่ถามทันที
ในสายตาขององค์จักรพรรดิถัง หากนักฆ่าจากสํานักสังหารโลหิตต้องการจะหนีออกไป มันก็ทําได้เพียงหลบหนีออกทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศเท่านั้น
“รายงานฝ่าบาท ประตูเมืองได้รับการปกป้องโดยกองทัพกลุ่มใหญ่ตลอดเวลา และรองแม่ทัพก็ได้เดินลาดตระเวนอยู่เป็นเวลาสิบสองชั่วโมงโดยไม่มีหยุดพัก แต่ก็ยังไม่ พบมือสังหาร”
แม่ทัพแห่งวังหลวงก้มหัวลง
เมื่อจักรพรรดิถังได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
มือลอบสังหารไม่ได้อยู่ในวัง และก็ไม่ได้ออกไปทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศ มันจะเป็นไปได้เช่นไรที่คนคนหนึ่งจะหายไปอย่างสมบูรณ์?
พลังนาคคชสารปัญญาบารมีเป็นวิชาพลังภายในปรากฏในนิยายเรื่อง จอมยุทธ์เทพอินทรี ของกิมย้ง มีที่มาจากคัมภีร์นาคคชสารปัญญาบารมี เป็นสุดยอดวิชาของนิกาย มิกจง มีทั้งสิ้น 13 ขั้น แต่สังฆราชจักรทองฝึกถึงขั้นที่ 10 ก็ แทบไร้ผู้ทัดเทียม
ตามต้นฉบับนิยายวิชานี้หากฝึกตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอน ไม่มีทางฝึกฝนได้สําเร็จ ถ้าหากจะมีคนฝึกสําเร็จก็ต้องมีอายุร่วมพันปี โดยเฉพาะขั้นที่ 13 หากฝึกสําเร็จมีพลังประหนึ่งมังกร 13 ตัว และช้าง 13 เชือก เพียงแต่อายุขัยคนมีจํากัด บรรดาผู้อาวุโสมิกจงในอดีตก่อนจากโลกนี้ไปอย่างมากเพียงบรรลุได้ถึงแค่ขั้นที่ 7เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]