Sign in Buddha’s palm 19 ทิพยอำนาจ! ดวงตาแห่งสัจจะ!
เหล่าศิษย์ที่อยู่มานานต่างก็รู้กันดีว่าในทิศทางที่ซูฉินกำลังมองไปอยู่ตอนนี้ คือ วิหารพระสหัสพุทธหนึ่งในเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน
ซูฉินก็อยู่ที่วัดเส้าหลินมาแล้วกว่าสิบปี ไปเยี่ยมชมมาแล้วทั่วทั้งวัด มีแค่เขตหวงห้ามบางแห่งเท่านั้นที่ถือเป็นข้อยกเว้น
ด้านหลังภูเขาคือที่หนึ่ง และวิหารพระสหัสพุทธก็คืออีกหนึ่งแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังเขาหรือวิหารพระสหัสพุทธ ซูฉินล้วนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแฝงเร้นของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซุ่มซ่อมอยู่
เพราะเหตุนี้ซูฉินจึงไม่เฉียดเข้าไปใกล้พื้นที่เหล่านั้น
พื้นที่ต้องห้ามหลังเขาเป็นสถานที่ที่วัดเส้าหลินสะกดมารพุทธะไว้ตั้งแต่เก้าร้อยปีก่อน ไม่น่าแปลกใจที่จะมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอยู่ที่นั่น
สุดท้ายแล้วในความเข้าใจของซูฉิน ‘มารพุทธะ‘ เมื่อเก้าร้อยปีก่อนเป็นถึงตัวตนที่สามารถต่อกรกับระดับอรหันต์ได้ และเหนือล้ำไปกว่าระดับพลังชั้นที่หนึ่งอย่างสมบูรณ์
เพื่อจะปราบปรามปีศาจแบบนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะพึ่งพาเพียงการผนึก
ไม่ว่าตราประทับผนึกจะแข็งแกร่งเพียงไร ในที่สุดมันก็จะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา
ในช่วงเวลานี้จำต้องมีใครบางคนที่คอยปรับปรุงเสริมพลังผนึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถผนึก ‘มารพุทธะ‘ ไปได้ตลอด
และด้วยพลังอันกล้าแข็งของ‘มารพุทธะ‘ กลัวว่าจะมีเพียงปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นที่พอจะย่างกรายเข้าไปใกล้แถบนั้นได้แม้จะยากลำบากเสียหน่อย
หลักฐานที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ก็คือการที่ ‘มารพุทธะ‘ ยังถูกสะกดอยู่จนถึงตอนนี้
ท้ายที่สุดแล้วเพื่อให้มั่นใจในความรัดกุมของตราประทับที่ผนึก ‘มารพุทธะ‘ คงจะมีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับปรมาจารย์คุมเชิงอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง แต่เรื่องราวนี้น่าจะถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด แม้แต่เจ้าอาวาสของวัดเส้าหลินรูปปัจจุบันก็ยังไม่ทราบความ
เป็นเหตุผลว่าทำไมในวัดเส้าหลินจึงเชื่อไปว่าไม่มีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่งในยุคนี้
แต่ทั้งหมดทั้งมวล สุดยอดพรรคก็ยังเป็นสุดยอดพรรคอยู่วันยังค่ำ วัดเส้าหลินส่งต่อมรดกกันมากว่าพันปีย่อมมีความลับมากมายซุกซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกและแทบไม่มีใครรู้ ยกเว้นผู้นั้นจะเกี่ยวข้องกับความลับนั้น
ก็เหมือนกับด้านหลังเขา ยังมีกลิ่นอายของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซุกซ่อนอยู่ที่วิหารพระสหัสพุทธ เขตต้องห้ามอีกแห่งหนึ่งด้วย
แต่ว่าในขณะนี้เอง ซูฉินรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายพลังของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งในวิหารพระสหัสพุทธ จู่ๆ ก็หายไป
การหายไปนี้หาใช่หายไปอย่างธรรมดาไม่
แต่เหมือนกับแสงเทียนที่ต้านสายลมมานับสิบปี ก่อนที่จะค่อยๆ มอดดับลงไปในที่สุด
“ตายแล้วงั้นหรือ?”
ดวงตาของซูฉินแสดงออกให้เห็นถึงการใช้ความคิด
วิหารพระสหัสพุทธเป็นสถานที่หวงห้ามเพราะเป็นสถานที่ที่เหล่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์พำนักอยู่ด้านในไปตราบนิจนิรันดร์
เฉพาะสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าสู่วิหารพระสหัสพุทธเมื่อจวนจะสิ้นอายุขัย
“ข้าควรจะไปตรวจสอบดูดีหรือไม่ บางทีอาจจะได้ลงชื่อเข้าใช้ตรงนั้นด้วย?”
ซูฉินจับปลายคาง ตกอยู่ในห้วงคิดคำนึง
วิหารพระสหัสพุทธเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ซูฉินยังไม่เคยเข้าไป
พูดอีกอย่างก็คือซูฉินยังไม่เคยเข้าไปลงชื่อในวิหารพระสหัสพุทธเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ตามที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลัง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งผู้นั้นคงจะตายลงไปแล้ว และไม่ควรจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่ภายในวิหารพระสหัสพุทธอีกในเวลานี้”
“แม้จะเข้าไปมันซะเดี๋ยวนี้ ข้าก็จะไม่ถูกค้นพบ”
ซูฉินค่อยๆ คิดไปคิดมา
ขั้นต้นนั้น แม้ว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจะสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยซูฉินสมควรที่จะคอยหาโอกาสเข้าไปในภายหลัง
แต่ซูฉินเพิ่งได้รับ [เคล็ดวิชาไม้ตายซาก] มา
เป็นเคล็ดวิชาชั้นยอดสำหรับการซ่อนตัวและลอบเร้น เสริมส่งด้วยความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน] ซูฉินมั่นใจอย่างยิ่งว่าแม้เขาจะเดินผ่านหน้าของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ตราบเท่าที่ไม่ถูกจับจ้องโดยตรง ยอดปรมาจารย์ก็จะไม่สังเกตเห็นเขา
อีกอย่างหนึ่งคือ เว้นแต่ซูฉินจงใจปลดปล่อยกลิ่นอาย
“ต้องทำความคุ้นเคยกับ [เคล็ดวิชาไม้ตายซาก] เสียก่อน”
ซูฉินปล่อยความคิดให้ล่องลอย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ [เคล็ดวิชาไม้ตายซาก] พลันเข้ามาอยู่ในจิต
ในช่วงเวลาไม่นาน ความเข้าใจของซูฉินใน [เคล็ดวิชาไม้ตายซาก] เข้าถึงระดับที่แตกฉานอย่างน่าเหลือเชื่อ
“สภาพที่เป็นดุจกิ่งไม้แห้งเหี่ยว”
“กลิ่นอายกลายเป็นความว่างเปล่า”
กลิ่นอายของซูฉินจางหายไป การคงอยู่ของเขาเลือนหายไปเกือบหมด
“จิ๊บๆ”
ในตอนนั้นเอง มีนกหลายตัวร่อนลงมาบนไหล่ของซูฉิน เห็นได้ชัดว่าพวกมันปฏิบัติต่อซูฉินราวกับเป็นเพียงกิ่งไม้ที่แห้งตายไปแล้ว และไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย
ในขณะที่กำลังใช้ [เคล็ดวิชาไม้ตายซาก] อยู่นั้น ซูฉินก็ค่อยๆ ผสานความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ [กายาวัชระคงกระพัน] เข้าไปอย่างช้าๆ แล้วกลิ่นอายของเขาก็ยิ่งจืดจางไม่เป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
นกที่เกาะอยู่บนไหล่ของซูฉินรีบบินขึ้น พวกมันตื่นตระหนกตกใจ
ในสายตาของพวกนก ซูฉินจู่ๆ ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ซูฉินตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่กิ่งไม้ตายซาก แต่ถือได้ว่าเป็นมวลก้อนของบางสิ่งบางอย่างที่แสนว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]