เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 215

Sign in Buddha’s palm 215 เทพเจ้าปีศาจลืมตาตื่น

“นั่นคือ…”

ดวงตาของซูฉินหรี่แคบ

ในถ้ําแห่งนี้ ยกเว้นไว้แต่ร่างของจ้าวทะเลบูรพาไม่ว่าจะเป็นโอสถวิเศษและคัมภีร์เคล็ดวิชาต่างก็เสื่อมสลายไปแล้วในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ซูฉินค้นพบว่าจ้าวทะเลบูร พากําลังถือของสองชิ้นอยู่ในมือและมันไม่ได้เสื่อมสลายเหมือนสมบัติชิ้นอื่นๆ

สองสิ่งนี้ หนึ่งคือม้วนคัมภีร์โบราณ อีกสิ่งคือหยกชิ้นหนึ่ง

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะและกวาดตา มองทั้งม้วนคัมภีร์และหินหยกแล้วตรวจซ้ําด้วยวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด

“ไม่มีอันตรายอะไร”

ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉิน หินหยกและคัมภีร์โบราณที่อยู่ใต้การครอบครองของจ้าวทะเลบูรพาทั้งหมดต่างก็ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูฉิน

“คัมภีร์โบราณเล่มนี้”

ซูฉินเลือกดูคัมภีร์โบราณก่อน

เห็นได้ชัดว่าคัมภีร์โบราณนี้ทํามาจากวัสดุพิเศษ เหมือนทองแต่ก็ไม่ใช่ทอง เหมือนทองแดงแต่ก็ไม่ใช่ทองแดง ขนาดผ่านมาหนึ่งหมื่นปีมันยังรักษารูปทรงเดิมเอาไว้ได้ และตัวอักษรภายในก็ยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์

“<<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>>.”

ซูฉินมองดูคร่าวๆ และไม่ได้สนใจอะไรนัก

คัมภีร์โบราณเล่มนี้บันทึกเคล็ดวิชาที่เรียกว่า “เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์” เป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานของจ้าวทะเลบูรพา หากฝึกฝนจนถึงระดับที่ลึกซึ้งจะสามารถเข้าสู่ขอบเขต เซียนเทพปฐพีได้ และยังพอมีความหวังอันเลือนรางที่จะสามารถปลดเปลื้องพันธนาการและก้าวเดินไปยังขอบเขตต่อไป

หากตํานานยุทธคนอื่นได้รับคัมภีร์เล่มนี้ไปพวกเขาคงจะนับว่ามันเป็นสมบัติเฝ้าอ่านทําความเข้าใจมันทั้งวันทั้งคืนแต่ในสายตาของซูฉิน มันไม่ได้ล้ําค่าไปกว่าผลไม้จิตวิญญาณธาตุไฟหนึ่งผลเลยด้วยซ้ํา

ซูฉินลงชื่อเข้ามาหลายสิบปี และได้รับสุดยอดเคล็ดวิชามานับไม่ถ้วนเทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์” เล่มนี้เป็นเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานสําหรับขอบเขตเซียนเทพปฐพี และมันแทบจะไม่สามารถติดหนึ่งในร้อยเมื่อเทียบกับบรรดาวิชาจํานวนมากที่ซูฉินเชี่ยวชาญ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูฉินอาจจะพลิกดูสักสองสามรอบ

แต่ตอนนี้ซูฉินสามารถทําความเข้าใจแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาและสัมผัสถึงพลังเปลวเพลิงของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานานอย่างอีกาทองคําสามขาได้ทีละนิด สิ่งที่เรียกว่า”เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์” นั้นก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงอีกเลย

แม้จะฝึกฝน<<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>>จนถึงขีดสุดและกลั่นเพลิงปฏิปักษ์ออกมาได้ เมื่อเทียบกับเปลวไฟที่เผาได้ทุกสิ่งอย่างเพลิงปฏิปักษ์จะนับเป็นสิ่งใดได้?

ชิงชิวเฉียนเฉียนเห็นซูฉินโยนคัมภีร์ทิ้งไปด้วยอาการที่ไม่เห็นว่าคัมภีร์นี้มีความสําคัญมากมายอะไรนักนางจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปว่า “นายท่านนี่คือสิ่งใดกัน?”

“ก็แค่คัมภีร์วิชานะ” ซูฉินไม่ได้หันหน้าไปมองยังคงก้มหน้ามองหยกที่อยู่เบื้องหน้าของตน

“คัมภีร์วิชา?”

ชิงชิวเฉียนเฉียนเบิกตากว้าง แอบมองไปที่คัมภีร์โบราณจนกระทั่งเห็นคําสีคํา <<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>> ที่เขียนไว้ด้านหน้าของคัมภีร์โบราณนางตกใจมาก

“นายท่าน นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาธรรมดา นี่เป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดที่จ้าวทะเลบูรพาใช้ฝึกฝนบ่มเพาะ” ชิงชิว เฉียนเฉียนอธิบายออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าซูฉินไม่ได้ให้ความสําคัญกับคัมภีร์มากนัก

ชิงชิวเฉียนเฉียนคิดว่าซูฉินไม่ได้ค้นพบความลับอันน่าที่นตะลึงของ “เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์” นางจึงต้องเตือนเขา

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวเป็นภูตอสูรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทาสของจ้าวทะเลบูรพาและแน่นอน พวกเขาย่อมรู้ดีว่าจ้าวทะเลบูรพาสามารถผลาญภูเขาเผาทะเลจนเดือดได้

“โอ้”

ซูฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ารู้แล้ว”

ชิงชิวเฉียนเฉียนกะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ท่าทีของซูฉินต่อเคล็ดวิชาหลักของจ้าวทะเลบูรพา นธรรมดาเกินไปและรู้สึกได้ถึงความขยะแขยงอยู่เล็กน้อย

“เมินเฉย?”

ชิงชิวเฉียนเฉียนตกตะลึง

แม้แต่ในช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด “เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์”ก็เป็นเคล็ดวิชาที่ควรค่าแก่การครอบครองแม้กระทั่งผู้ที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ก็ ยังนับว่ามีค่าทําไมเมื่อมาอยู่ในมือของซูฉิน เขาจึงไม่สนใจที่ จะชายตาแล?

ถ้าไม่ใช่เพราะชิงชิวเฉียนเฉียนรู้ถึงความน่ากลัวของซูฉินเกรงว่าคงคิดว่าซูฉินไม่ตระหนักถึงความสําคัญของเคล็ดวิชาเล่มนี้เสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูฉินไม่สนใจในเทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์เท่าไหร่ชิงชิวเฉียนเฉียนจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อและยืนอยู่เคียงข้างซูฉินอย่างเชื่อฟัง

และในตอนนั้นเอง

ซูฉินกําลังมองหยกที่อยู่ตรงหน้าและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้าไป

ทันใดนั้นเสียงก็ดังก้องในหัว

กระแสข้อมูลไหลบ่าจากหินหยกเขามาในจิตใจของซูฉิน

“….นับตั้งแต่มีการบุกรุกจากโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพข้าและเหล่าจอมยุทธคนอื่นๆต่อสู้อย่างหนักหน่วงเข้าปราบปราม… ต้องใช้เวลาไปหลายสิบปีเพื่อบังคับเผ่าปีศาจให้ถอยกลับไป….”

“แต่ในตอนนั้น ในส่วนลึกของโลกถ้ําปีศาจ สิ่งมีชีวิต ที่น่าสะพรึงกลัวที่เรียกขานกันว่า “เทพเจ้าปีศาจ” ก็ได้ มตาตื่นและจับจ้องมองมายังโลกมนุษย์…”

ซูฉินหน้าตาเคร่งเครียด ซึมซับข้อมูลภายในหยกนั้นมาอย่างรวดเร็ว

หยกชิ้นนี้ถูกทิ้งไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาเป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตของจ้าวทะเลบูรพาและยังมีเรื่องราวการบุกรุกโลกมนุษย์จากโลกถ้ําปีศาจครั้งล่าสุดเหล่าจอมยุทธ ภายในโลกมนุษย์เข้าต่อสู้น้ํานั่นกับเหล่าปีศาจ

ตามคําบอกเล่าของจ้าวทะเลบูรพา การรุกรานของโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพได้นําความสูญเสียมาสู่โลกอย่างแท้จริงกองทัพจักรกลปีศาจไร้ที่สิ้นสุดประกอบกับราชาปี ศาจจํานวนมากทําให้เหล่ามนุษย์เริ่มสูญเสียดินแดน

อย่างไรก็ตาม

ด้วยการฟื้นคืนของกระแสปราณฉี เส้นทางในการฝึกฝนบ่มเพาะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น ควบคู่ไปกับความ กดดันที่เหล่าปีศาจนํามาผู้คนที่แข็งแกร่งเริ่มกําเนิดขึ้นที่ละคนสองคนอย่างฉับพลัน

ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ผนึกกําลังกันเพื่อปราบปราม เหล่าปีศาจสูญเสียไปอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับการขับไล่เหล่าปีศาจให้ล่าถอยกลับไปยังโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ

แต่ในเวลานั้น ในที่สุดก็มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ซูฉินก็ขมวดคิ้วมุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]