เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 30

สรุปบท ตอนที่ 30: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

อ่านสรุป ตอนที่ 30 จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 30 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Sign in Buddha’s palm 30 จากไป

ในห้องใต้หลังคา

หงกงกงหนังหัวลุกชัน จิตใจสับสนวุ่นวายอยู่ไม่นิ่ง

ในฐานะที่เป็นถึงขันทีชุดแดงแห่งวังหลวง หงกงกงย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าสิ่งที่เรียกว่าการกลั่นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นเป็นเรื่องน่าหวั่นเกรงเพียงไร

ตัวตนนี้เป็นยอดฝีมือที่ปราบปรามทุกอย่างได้เพียงขยับตัว เหตุไฉนตระกูลเจินตระกูลหวู่แห่งเขาหวู่ตั้งจึงสามารถเพิกเฉยต่ออำนาจขององค์จักรพรรดิและต่อต้านคำสั่งได้? เหตุใดอาณาจักรเหมิ่งหยวนจึงครอบครองพื้นที่ทุ่งหญ้าอาณาเขตกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดแถมยังหมายตาพื้นที่ราบทางตอนใต้และทางตอนกลางเอาไว้อีก?

ความน่ากลัวของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดนั้นอยู่ไกลเกินจินตนาการของทุกผู้คน

หงกงกงไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าสถานที่ที่ตกต่ำลงไปมากอย่างวัดเส้าหลินถึงกับมีจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งเชียวหรือ?

“หงกงกง…”

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านม่านจากด้านใน แม้พระชายาลี่เฟยจะไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นแต่เธอก็กังวลเช่นกัน

หงกงกงคือคนสนิทของนาง หากปราศจากการคุ้มกันของหงกงกงเธอคงไม่รู้ว่าจะต้องตายไปแล้วกี่ครั้ง

แต่ครานี้หงกงกงซึ่งถือเป็นเสาหลักเป็นความมั่นใจของนางกลับแสดงท่าทีสั่นสะท้านและหวาดกลัวเช่นนี้

“อย่าตกใจไปเลยพระนาง…”

หงกงกงฝืนใจแสดงความเคารพโดยการก้มคำนับไปในทิศทางที่มีแต่อากาศว่างเปล่า

“ข้ารับใช้เฒ่าหงหยวนขอคารวะสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์…”

หงกงกงรู้สึกได้อย่างกระจ่างแจ้งว่าถึงระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ การเคลื่อนไหวทั้งหมดในห้องใต้หลังคานี้ย่อมอยู่ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย

หลังจากนั้นไม่นาน

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

หงกงกงในที่สุดก็หายใจหายคอได้เสียที จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“หงกงกงเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นการแสดงออกของหงกงกง พระชายาลี่เฟยก็ถามขึ้นโดยพลันเมื่อตระหนักได้ว่าเรื่องราวอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”

หงกงกงยิ้มอย่างขื่นขม “พระชายา สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดเส้าหลินเพิ่งใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของท่านกวาดผ่านเข้ามา…”

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์?”

“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์?”

พระชายาลี่เฟยงุนงง

แม้ว่านางจะเป็นชายาคนโปรดของจักรพรรดิถังแต่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะยุทธมากนัก

สำหรับลี่เฟย เธอรู้เพียงว่าจอมยุทธแบ่งออกเป็นเก้าระดับชั้น โดยระดับชั้นที่หนึ่งคือสูงที่สุดและระดับชั้นที่เก้าคือต่ำที่สุด

ส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ นางย่อมไม่ทราบ

“พระชายา…”

หงกงกงรับรู้ได้ถึงความสงสัยของพระชายา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเรียนออกไปว่า “พระชายาเพียงรู้ไว้แค่ว่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์รูปนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับจ้าวกงกงที่เคียงข้างพระวรกายของฝ่าบาท…”

“จ้าวกงกง…”

หัวใจของพระชายาลี่เฟยสั่นสะท้าน

นามของจ้าวกงกง สำหรับผู้คนในวังหลวงนั้นเป็นเพียงอันดับสองรองลงมาจากองค์จักรพรรดิ

แม้แต่พระชายาลี่เฟยก็ยังรู้ว่าจ้าวกงกงเป็นขันทีชุดม่วงที่มีอยู่เพียงคนเดียวในราชวงศ์ถัง และสถานะของเขาเทียบเสมอกันกับเหล่าองค์ชาย

ตอนนี้องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังก็มีพระชนม์ชีพที่มากแล้ว เหล่าองค์ชายก็มีความคิดอ่านแตกต่างกันไป

แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน ตราบที่องค์จักรพรรดิถังยังไม่สวรรคตในเร็วๆ นี้ ต้าถังก็จะยังไม่วุ่นวาย

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

นั่นก็เป็นเพราะขันทีชุดม่วงข้างพระวรกายนี่แล

ด้วยอำนาจความแข็งแกร่งของขันทีชุดม่วงเพียงผู้เดียว ก็กดดันสภาขุนนางและกลุ่มก้อนอำนาจของเหล่าองค์ชายได้อยู่หมัด เป็นเหตุให้พวกเขาไม่กล้าที่จะก่อความไม่สงบใดๆ

ลี่เฟยไม่คาดคิดว่าในสายตาของหงกงกง สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์รูปนั้นจะสูงส่งถึงขนาดที่เทียบเท่ากับจ้าวกงกงเลยเชียวหรือ?

มันเหลือเชื่อมากจริงๆ

“หงกงกง หากมีผู้แข็งแกร่งเยี่ยงนี้อยู่ในวัดเส้าหลิน มิใช่ว่าเราจะตกอยู่ในอันตรายแล้วหรอกหรือ…”

จู่ๆ ลี่เฟยก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาแล้วถามด้วยโทนเสียงต่ำ

“พระนางอย่าได้เป็นกังวลจนเกินไป…” หงกงกงยิ้มขม “หากสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์รูปนั้นมีเจตนาฆ่าฟัน พวกเราย่อมไม่มีแม้แต่กระดูกหลงเหลืออยู่ไปเสียนานแล้ว และแม้ตัวจักรพรรดิถังเองจะได้ทราบความนั้น พระองค์ก็จะไม่ไต่ถามเรื่องราวใดต่อไปอีก”

การแสดงออกของขันทีเฒ่ามีความซับซ้อน

ไม่ว่าวังหลวงจะปรนเปรอ ปฏิบัติอย่างดีกับลี่เฟยมากเพียงใด แต่ก็จะไม่มีวันขัดแย้งกับจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งด้วยเรื่องของสตรีเพียงคนเดียวแน่

“พระชายา”

“ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องดีที่มีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดเส้าหลิน”

หงกงกงพูดเช่นนั้นแล้วก็หยุด จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา “อย่างน้อยก็นับว่าเราปลอดภัย…”

วันถัดมา

ซูฉินไปที่ลานโพธิ์เพื่อลงชื่อเข้าใช้ตามปกติ

นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับ ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ ความถี่ที่ซูฉินแวะมาลงชื่อที่ลานโพธิ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย[1]

การลงชื่อที่ลานโพธิ์นั้นถึงขนาดผุด ‘โอสถควบรวมไอศักดิ์สิทธิ์‘ ที่สามารถกลั่นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโอสถที่ช่วยขัดเกลากำลังภายใน?

ด้วยมีความคิดเช่นนี้ ซูฉินจึงค่อยๆ เดินไปที่ลานโพธิ์ แต่ไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก

ทันใดนั้น

ซูฉินก็หยุดลง

ไม่นานร่างขององค์หญิงแห่งต้าถังก็วิ่งเข้ามาหา

เมื่อคำนวณเวลาที่พระนางลี่เฟยและพลพรรคมาอาศัยอยู่ที่วัดเส้าหลินก็ยาวนานร่วมครึ่งปีแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามในเวลาปกติพระนางลี่เฟยและหงกงกงแทบจะไม่ได้ออกมาจากป่าไผ่เลยจึงไม่ได้กระทบต่อกิจการภายในของวัดเส้าหลินแต่ประการใด

นอกจากนี้ลี่เฟยยังถูกส่งมาโดยองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถัง เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจึงจำต้องทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งลง ตราบใดที่พระนางลี่เฟยไม่มีความคิดที่จะจากไป เขาก็จะปล่อยให้พระนางลี่เฟยอาศัยอยู่แบบนี้ต่อไป

สำหรับสิ่งที่วัดเส้าหลินจำต้องเป็นกังวลก็เพียงต้องส่งข้าวปลาอาหารให้ทุกวันเท่านั้น

“พระตัวน้อย พวกข้าอาจจะจากไปในเร็วๆ นี้แล้ว…”

องค์หญิงราชวงศ์ถังดวงตากลมโตกลายเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าจะมีพระพุทธรูปโบราณ โคมไฟสีน้ำเงินสวย ซึ่งอาจจะหรูหราและงดงามน้อยว่าในวังขององค์จักรพรรดิ

แต่อย่างน้อยที่วัดเส้าหลินก็ให้ความปลอดภัย และมีอิสระ

ไม่ต้องกังวลว่าสักวันหนึ่งจะถูกหมกร่างอยู่ในบ่อน้ำที่เหือดแห้งหรือเผลอกลืนยาพิษเข้าไป

“จะกลับไปแล้วหรือ?”

ซูฉินดูประหลาดใจ

“อื้อ นี่เป็นสิ่งที่หงกงกงได้กล่าวมา” องค์หญิงตัวน้อยพูดด้วยโทนเสียงต่ำ

—————————————————————–

[1] นัย อ่านได้ทั้ง ไน และ ไน–ยะ ในที่นี้ต้องการให้อ่านออกเสียงว่า ไน–ยะ เพื่ออรรถรส

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]